ประเทศอัฟกานิสถาน: ประเทศในเอเชียใต้

อัฟกานิสถาน (อังกฤษ: Afghanistan; ดารี/ปาทาน: افغانستان) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า เอมิเรตอิสลามอัฟกานิสถาน (อังกฤษ: Islamic Emirate of Afghanistan; ปาทาน: د افغانستان اسلامي امارت; ดารี: امارت اسلامی افغانستان) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในเอเชียใต้ มีอาณาเขตทางทิศตะวันตกติดกับประเทศอิหร่าน ทางทิศใต้และทิศตะวันออกติดกับปากีสถาน ทางทิศเหนือติดเติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน และทาจิกิสถาน ส่วนทางทิศตะวันออกสุดติดประเทศจีน มีอาณาเขต 652,000 ตารางกิโลเมตร มีกรุงคาบูลเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ มีประชากรประมาณ 40 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาติพันธุ์ปาทาน ทาจิก ฮาซาราและอุซเบก

เอมิเรตอิสลามอัฟกานิสถาน

  • د افغانستان اسلامي امارت (ปาทาน)
  • امارت اسلامی افغانستان (ดารี)
ประเทศอัฟกานิสถาน: นิรุกติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, ประวัติศาสตร์
ประเทศอัฟกานิสถาน: นิรุกติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, ประวัติศาสตร์
สถานะรัฐสมาชิกสหประชาชาติที่มีรัฐบาลที่ไม่ได้รับการยอมรับ
เมืองหลวง
และเมืองใหญ่สุด
คาบูล
34°31′N 69°11′E / 34.517°N 69.183°E / 34.517; 69.183
ภาษาราชการ
กลุ่มชาติพันธุ์
(สำมะโนอย่างไม่เป็นทางการใน ค.ศ. 2019)
ศาสนา
  • 99.7% อิสลาม (ทางการ)
  • 0.3% อื่น ๆ (ประมาณการ ค.ศ. 2009)
เดมะนิมชาวอัฟกัน
การปกครองรัฐเดี่ยวในระบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ เอมิเรตเฉพาะกาล ในระบอบเทวาธิปไตยอิสลาม
• ผู้นำสูงสุด
ฮิบะตุลลอฮ์ อะคูนซาดะฮ์
• นายกรัฐมนตรี
ฮาซัน อะคูน
(รักษาการ)
• ประธานศาลฎีกา
อับดุล ฮากิม อิสฮักไซ
สภานิติบัญญัติสภาผู้นำ
สถาปนา
• จักรวรรดิโฮทัก
ค.ศ. 1709–1738
• จักรวรรดิดูรานี
ค.ศ. 1747–1842
ค.ศ. 1823–1926
• ได้รับการรับรอง
19 สิงหาคม ค.ศ. 1919
9 มิถุนายน ค.ศ. 1926
17 กรกฎาคม ค.ศ. 1973
7 กันยายน ค.ศ. 1996
26 มกราคม ค.ศ. 2004
15 สิงหาคม ค.ศ. 2021
พื้นที่
• รวม
652,867 ตารางกิโลเมตร (252,073 ตารางไมล์) (อันดับที่ 40)
น้อย
ประชากร
• ค.ศ. 2022 ประมาณ
38,346,720 (อันดับที่ 37)
48.08 ต่อตารางกิโลเมตร (124.5 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 174)
จีดีพี (อำนาจซื้อ) ค.ศ. 2018 (ประมาณ)
• รวม
72.911 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 96)
2,024 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 169)
จีดีพี (ราคาตลาด) ค.ศ. 2018 (ประมาณ)
• รวม
21.657 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 111)
493 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 177)
เอชดีไอ (ค.ศ. 2021)ลดลง 0.478
ต่ำ · อันดับที่ 180
สกุลเงินอัฟกานี (افغانی) (AFN)
เขตเวลาUTC+4:30
ปฏิทินจันทรคติ
(เวลาอัฟกานิสถาน)
ไม่มี
ขับรถด้านขวา
รหัสโทรศัพท์+93
โดเมนบนสุด.af
افغانستان.

บริเวณนี้มีมนุษย์อยู่อาศัยมาอย่างน้อย 50,000 ปี จนมีการตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่งอยู่ถาวรในบริเวณเมื่อ 9,000 ปีมาแล้ว ก่อนค่อย ๆ พัฒนาไปเป็นอารยธรรมสินธุ อารยธรรมอ็อกซัสและอารยธรรมเฮลมันด์ในสหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล ชาวอินโด-อารยันย้ายเข้ามา ตามด้วยความเจริญของวัฒนธรรม Yaz I ยุคเหล็ก (ประมาณ 1500–1100 ปีก่อน ค.ศ.) ซึ่งมีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมที่มีกล่าวถึงใน Avesta คัมภีร์ของศาสนาโซโรอัสเตอร์ บริเวณนี้ได้ตกเป็นของเปอร์เซียในศตวรรษที่ 6 ก่อน ค.ศ. ไปจนถึงแม่น้ำสินธุ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาอำราจบุกครองดินแดนดังกล่าวในศตวรรษที่ 4 ก่อน ค.ศ. อาณาจักรกรีก-แบ็กเทรียเป็นปลายตะวันออกสุดของอารยธรรมกรีก ต่อมาดินแดนนี้ถูกพิชิตโดยอินเดียสมัยราชวงศ์เมารยะ ทำให้ศาสนาพุทธและฮินดูแพร่หลายในพื้นที่นี้หลายศตวรรษ พระเจ้ากนิษกะแห่งจักรวรรดิกุษาณะมีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่ศาสนาพุทธนิกายมหายานเข้าสู่ประเทศจีนและเอเชียกลาง หลังจากนั้นมีราชวงศ์ที่นับถือพุทธปกครองดินแดนแถบนี้มาอีกหลายราชวงศ์

ศาสนาอิสลามเข้าสู่บริเวณนี้ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 7 แต่มีการเผยแผ่ศาสนาอย่างจริงจังระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 9 ถึง 12 และมีการผลัดเปลี่ยนราชวงศ์อยู่อีกหลายครั้ง ประวัติศาสตร์การเมืองของรัฐอัฟกานิสถานสมัยใหม่เริ่มต้นจากราชวงศ์ Hotak ซึ่งประกาศเอกราชในอัฟกานิสถานตอนใต้ใน ค.ศ. 1709 ต่อมามีการตั้งอาณาจักรดูรานีใน ค.ศ. 1747 ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 อัฟกานิสถานเป็นรัฐกันชนใน "เกมใหญ่" ระหว่างจักรวรรดิบริติชและรัสเซีย

ในสงครามอังกฤษ-อัฟกันครั้งที่หนึ่ง (ค.ศ. 1839 ถึง 1842) กองทัพบริติชจากอินเดียเข้าควบคุมอัฟกานิสถานได้ แต่สุดท้ายเป็นฝ่ายแพ้ หลังสงครามอังกฤษ-อัฟกันครั้งที่สามใน ค.ศ. 1919 อัฟกานิสถานจึงปลอดจากอิทธิพลของต่างชาติ และได้เป็นราชาธิปไตยภายใต้พระเจ้าอมานุลเลาะห์ แต่ใน ค.ศ. 1973 มีการโค่นล้มระบอบกษัตริย์และเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ ใน ค.ศ. 1978 หลังมีรัฐประหารครั้งที่สอง อัฟกานิสถานกลายเป็นรัฐสังคมนิยม และถูกสหภาพโซเวียตรุกรานในสงครามโซเวียต–อัฟกานิสถานในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 ต่อกบฏมุญาฮิดีน หลังจากที่สหภาพโซเวียตถอนกำลังออกไป กลุ่มตอลิบานซึ่งเป็นพวกอิสลามมูลวิวัติก็ได้เข้ายึดครองประเทศใน ค.ศ. 1996 และปกครองประเทศด้วยระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จ ทำให้มีการลิดรอนสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรีในอัฟกานิสถานอย่างรุนแรง ต่อมากลุ่มตอลิบานถูกโค่นจากอำนาจหลังจากที่สหรัฐอเมริกาเข้ายึดครองครองใน ค.ศ. 2001 แต่ยังควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศได้ เนื่องจากรัฐบาลใหม่ของอัฟกานิสถานต้องพึ่งพาความช่วยเหลือทางทหารและเศรษฐกิจจากสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมากมาก ทำให้มีการเรียกอัฟกานิสถานว่าเป็น"รัฐบริวารของสหรัฐฯ" หลังจากที่สหรัฐอเมริกาถอนกำลังออกไป ก็มีการรุกครั้งใหญ่ของตอลิบานใน ค.ศ. 2021 ส่งผลให้ตอลีบานหวนคืนสู่อำนาจอีกครั้ง

อัฟกานิสถานมีระดับการก่อการร้าย ความยากจน จำกัดสิทธิสตรีโดย ตาลีบัน ภาวะทุพโภชนาการเด็กและการฉ้อราษฎร์บังหลวงสูง เศรษฐกิจมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 96 ของโลก โดยมีจีดีพีมูลค่า 72,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีจีดีพีต่อหัวต่ำมาก อยู่อันดับที่ 169 จาก 186 ประเทศใน ค.ศ. 2018 อัฟกานิสถานยังอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญรวมถึง ลิเทียม เหล็ก สังกะสี และ ทองแดง และเป็นหนึ่งประเทศผู้ผลิตฝิ่นรายใหญ่ของโลก และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งองค์การความร่วมมืออิสลาม

นิรุกติศาสตร์

นักวิชาการบางส่วนได้เสนอสมมติฐานว่ารากศัพท์ของชื่อ "Afghān" มีที่มาจากภาษาสันสกฤตคำว่า Aśvakan หรือ Assakan ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกเทือกเขาฮินดูกูชตั้งแต่สมัยโบราณ โดยคำว่า Aśvakan มีความหมายตรงตัวว่า "คนขี่ม้า", "คนเลี้ยงม้า" และ "ทหารม้า" (มาจากคำว่า aśva หรือ aspa ในภาษาสันสกฤต และ Avestan ซึ่งแปลว่า "ม้า") อย่างไรก็ตาม นักวิชาการบางราย เช่น อิบราฮิม ข่าน แย้งว่า คำว่า "Afghān" เป็นคำในภาษาแบกเตรีย

ในอดีตชื่อ "อัฟกัน" เป็นชื่อที่ใช้สื่อถึงชาวปาทาน ชื่อ "Afġān" ซึ่งเป็นภาษาอาหรับและเปอร์เซียได้รับการรับรองครั้งแรกในหนังสือภูมิศาสตร์ Hudud al-'Alam ในศตวรรษที่ 10 ส่วนท้ายของชื่อที่ว่า "-stan" เป็นคำต่อท้ายในภาษาเปอร์เซียซึ่งแปลว่า "สถานที่" ดังนั้น "อัฟกานิสถาน" จึงมีความหมายตรงตัวว่า "ดินแดนแห่งอัฟกัน" หรือ "ดินแดนแห่งปัชตุน" อ้างอิงจากสารานุกรมอิสลามฉบับที่สาม

นอกจากนี้ ที่มาของชื่ออัฟกานิสถาน (Afghānistān, land of the Afghans/Pashtuns, afāghina, sing. afghan) สามารถสืบไปถึงต้นศตวรรษที่ 8 ถึง ศตวรรษที่ 14 ในฐานะที่เป็นบริเวณที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของอาณาจักรของราชวงศ์ Kartids ต่อมา ชื่อนี้ถูกใช้เพื่อกล่าวถึงภูมิภาคในอาณาจักรอิหร่านซาฟาวิด และจักรวรรดิโมกุลซึ่งมีชาวอัฟกันเข้าไปตั้งถิ่นฐาน

ภูมิศาสตร์

อัฟกานิสถานตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 33 องศาเหนือ และลองจิจูด 65 องศาตะวันออก มีพื้นที่ 647,500 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงในเขตเทือกเขาฮินดูกูซ จุดที่ต่ำสุดอยู่ที่แม่น้ำอมู สูง 258 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ประเทศอัฟกานิสถานไม่มีทางออกสู่ทะเล

คำว่า "แสตน" (Stan) หมายถึงที่ดินหรือดินแดน ดังนั้น ชื่อของประเทศอัฟกานิสถานจึงหมายหมายความว่า ดินแดนของชาวอัฟกาน นอกจากนี้ คำว่า "แสตน" ยังใช้ในชื่อของเคอร์ดิสถาน อุซเบกิสถาน และประเทศในแถบเอเชียกลางอื่น ๆ อีกด้วย

ประวัติศาสตร์

  • พ.ศ. 2423 (ค.ศ. 1880) อังกฤษได้สถาปนาอับดุรเราะฮฺมาน เป็นอะมีร หลังจากที่ได้มีการรบราฆ่าฟัน ระหว่างเผ่าต่าง ๆ ในอัฟกานิสถานมาเป็นเวลานาน
  • พ.ศ. 2444 (ค.ศ. 1901) อับดุรเราะฮฺมาน เสียชีวิต บุตรชายชื่อ ฮะบีบุลลอหฺ ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน
  • พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) ฮะบีบุลลอหฺ ถูกสังหาร น้องชายชื่อ นัศรุลลอหฺ สถาปนาตนเองขึ้นเป็นอะมีร แต่ถูก อะมานุลลอหฺ บุตรชายของ ฮะบีบุลลอหฺ ขับไล่ แล้วขึ้นปกครองแทน
  • พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) ขบวนการพวกเคร่งศาสนา ก่อการปฏิวัติ อะมีร ฮะบีบุลลอฮฺ หลบหนีออกนอกประเทศ สงครามกลางเมืองเกิดขึ้น บาชา อี ซาเกา นายทหารของเผ่าตาจิก ได้นำพลทหารเข้ายึดกรุงคาบูล เป็นเวลาหลายเดือน ต่อมาญาติคนหนึ่งของ อะมีร ฮะบีบุลลอหฺ ปราบปรามจนถูกสังหาร แล้วญาติคนนั้นก็สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ มีนามว่า นาดีร ชาหฺ
  • พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) กษัตริย์ นาดีร ชาหฺ ถูกสังหาร บุตรชายชื่อ ซอหิร ชาหฺ ขึ้นเป็นกษัตริย์
  • พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ดาวูด ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของกษัตริย์ ซอหิร ชาหฺ ก่อการปฏิวัติ กษัตริย์ ซอหิร ชาหฺ หนีไปลี้ภัยในอิตาลี ดาวูดสถาปนาตนเองขึ้นเป็นประธานาธิบดี
  • พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) ดาวูด ถูกสังหาร หลังการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ นำโดย นูร มุฮัมมัด ฏอรอกี
  • พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) ฏอรอกี ถูกสังหาร และ ฮะฟีซุลลอหฺ อะมีน สถาปนาตนเองขึ้นเป็นประธานาธิบดี
    • เดือนธันวาคม ฮะฟีซุลลอหฺ อะมีน ถูกสังหาร โดยกองทัพที่ถูกส่งเข้ามาจากสหภาพโซเวียต บาบรัก การ์มาล ขึ้นเป็นประธานาธิบดี
    • บาบรัก การ์มาล ถูกถอดออกจากตำแหน่ง และหนีไปสหภาพโซเวียต นะญีบุลลอหฺ ขึ้นเป็นประธานาธิบดี
  • พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) พวกมุจาหิดีนอิสลาม ประสบความสำเร็จในการปฏิวัติต่อต้านคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งรัฐบาลชั่วคราว โดยมี ซิบฆอตุลลอหฺ มุจัดดิดี เป็นประธานาธิบดี ต่อมา บุรฮานุดดีน ร่อบบบานี ขึ้นเป็นประธานาธิบดี สงครามกลางเมืองเกิดขึ้น
  • พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) กลุ่มตอลิบานยึดกรุงคาบูลได้


อัฟกานิสถานเคยมีระบอบการปกครองแบบรัฐสภา มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ จนกระทั่งปี 2516 พลโทซาดาร์ ข่าน (Sadar Khan) ได้ปฏิวัติยึดอำนาจ และเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐและสถาปนาตนเองขึ้นเป็นประธานาธิบดี แต่ผู้นำอัฟกานิสถานในยุคต่อมาเริ่มมีท่าทีใกล้ชิดสหรัฐฯ ทำให้สหภาพโซเวียตไม่พอใจและส่งกองกำลังเข้ายึดครองอัฟกานิสถานในปี 2522 เพื่อสถาปนาระบอบการปกครองแบบสังคมนิยมขึ้นแทน

ระหว่างการยึดครองของสหภาพโซเวียต ปี 2522 - 2532 ได้เกิดขบวนการต่อต้านระบอบการปกครองแบบสังคมนิยมในนามกลุ่มมูจาฮีดีน ซึ่งได้โค่นล้มรัฐบาลที่เข้าข้างสหภาพโซเวียตได้สำเร็จในปี 2535 แต่กลับไม่สามารถร่วมกันปกครองประเทศได้ เพราะเกิดความแตกแยกและแย่งชิงอำนาจกัน ในที่สุดกลุ่มนักศึกษาหัวรุนแรงที่ได้รับการศึกษาจากปากีสถานได้รวมตัวกันจัดตั้งกองกำลังตอลิบานขึ้น และมีความเข้มแข็งจนสามารถยึดกรุงคาบูลได้ในปี 2539 ตั้งรัฐบาลตอลิบานขึ้นปกครองประเทศโดยครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดอยู่จนถึงปี 2544

หลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน ในปี 2544 สหรัฐฯ ได้ส่งกองกำลังเข้าโจมตีอัฟกานิสถานเพื่อโค่นล้มรัฐบาลตอลิบาน และมุ่งที่จะจับนายอุซามะห์ บิน ลาดิน (Osama Bin laden) ซึ่งสหรัฐฯ สามารถโค่นล้มรัฐบาลตอลิบานได้สำเร็จในปลายปี 2544 และสหรัฐฯ สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวในอัฟกานิสถาน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบการเมืองการปกครองในอัฟกานิสถานมาโดยตลอด

กระทั่งเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2564 สหรัฐอเมริกาโดยการนำของรัฐบาลนายโจ ไบเดิน ได้ทำการถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถาน กลุ่มตอลิบานจึงใช้โอกาสในการเข้าบุกอัฟกานิสถานอีกครั้ง และสามารถเข้ายึดกรุงคาบูลได้สำเร็จ ในวันที่ 15 สิงหาคม 2564

การบริหาร

    ฝ่ายนิติบัญญัติ

มีรัฐสภา (National Assembly) ซึ่งประกอบด้วย 2 สภา ได้แก่ 1) สภาผู้แทนราษฎร (House of People หรือ Wolesi Jirga) ประกอบด้วยสมาชิกไม่เกิน 249 คน ได้รับการเลือกตั้งโดยตรง ดำรงตำแหน่งวาระ 5 ปี และ 2) สภาอาวุโส (House of Elders หรือ Meshrano Jirga) มีสมาชิก 102 คน ซึ่งแบ่งการสรรหาออกเป็น 3 วิธี ในจำนวนที่เท่า ๆ กัน โดยสมาชิก 34 คนได้รับเลือกจากคณะบริหารระดับจังหวัด (Provincial Council) ดำรงตำแหน่งวาระ 4 ปี สมาชิกอีก 34 คน ได้รับเลือกจากคณะบริหารระดับท้องถิ่น (Local District Council) ดำรงตำแหน่งวาระ 3 ปี และสมาชิกอีก 34 คน ได้รับแต่งตั้งจากประธานาธิบดี ดำรงตำแหน่งวาระ 5 ปี

นอกจากนี้ อาจมีการประชุมใหญ่ของผู้แทนทุกภาคส่วนที่เรียกว่า Loya Jirga ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดจากทั้งสองสภา ร่วมกับคณะกรรมการบริหารระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่นทั้งหมด โดยที่ประชุมใหญ่นี้จะจัดขึ้นเฉพาะกรณีที่ต้องพิจารณาประเด็นระดับชาติเท่านั้น คือ ประเด็นที่เกี่ยวกับเอกราช อธิปไตยของชาติ และเกี่ยวกับดินแดน รวมถึงการฟ้องร้องประธานาธิบดี

    ฝ่ายบริหาร

ประธานาธิบดีเป็นทั้งประมุขและหัวหน้าฝ่ายบริหาร มีรองประธานาธิบดี 2 คน ซึ่งทั้งหมดดำรงตำแหน่งโดยการรับเลือกตั้งจากประชาชน มีวาระ 5 ปี และประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นาย Hamid Karzai ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญให้อำนาจประธานาธิบดีแต่งตั้งรัฐมนตรีร่วมบริหารประเทศ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และรัฐมนตรีมีจำนวนทั้งสิ้น 25 คน

ตามรัฐธรรมนูญของอัฟกานิสถาน กำหนดให้ประธานาธิบดีเป็นประมุขและผู้นำในการบริหารประเทศ มีการกระจายอำนาจการปกครองออกเป็นจังหวัด แบ่งออกเป็น 34 จังหวัด (Province) อย่างไรก็ตาม ในแง่การบริหารจัดการระบบการปกครองภายในประเทศยังไม่ดีนัก เนื่องจากเพิ่งฟื้นตัวจากสงคราม และอำนาจของรัฐบาลกลางยังครอบคลุมไม่ทั่วถึงพื้นที่ห่างไกล

กระทรวง

ลำดับที่ ชื่อกระทรวงภาษาไทย ชื่อกระทรวงภาษาอังกฤษ
1 กระทรวงเกษตร ชลประทานและปศุสัตว์ Ministry of Agriculture, Irrigation and Livestock
2 กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม Ministry of Commerce and Industries
3 กระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ Ministry of Communications and Information Technology
4 กระทรวงปราบปรามยาเสพติด Ministry of Counter Narcotics
5 กระทรวงกลาโหม Ministry of Defense
6 กระทรวงเศรษฐกิจ Ministry of Economy
7 กระทรวงศึกษาธิการ Ministry of Education
8 กระทรวงพลังงานและน้ำ Ministry of Energy and Water
9 กระทรวงการคลัง Ministry of Finance
10 กระทรวงการต่างประเทศ Ministry of Foreign Affairs
11 กระทรวงพรมแดน ประชาชาติและชนเผ่า Ministry of Frontiers, Nations and Tribal Affairs
12 กระทรวงฮัจญ์และการศาสนา Ministry of Hajj and Religious Affairs
13 กระทรวงการอุดมศึกษา Ministry of Higher Education
14 กระทรวงข้อมูลและวัฒนธรรม Ministry of Information and Culture
15 กระทรวงกิจการภายใน Ministry of Interior Affairs
16 กระทรวงยุติธรรม Ministry of Justice
17 กระทรวงแรงงาน ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการและกิจการสังคม Ministry of Labor, Martyrs, Disabled, & Social Affairs
18 กระทรวงเหมืองแร่และปิโตรเลียม Ministry of Mines & Petroleum
19 กระทรวงสาธารณสุข Ministry of Public Health
20 กระทรวงแรงงานสาธารณะ Ministry of Public Works
21 กระทรวงผู้ลี้ภัยและการส่งตัวกลับ Ministry of Refugees & Repatriation
22 กระทรวงการฟื้นฟูและพัฒนาชนบท Ministry of Rural Rehabilitation and Development
23 กระทรวงคมนาคมและการบินพลเรือน Ministry of Transport and Civil Aviation
24 กระทรวงการพัฒนาในเมืองและการเคหะ Ministry of Urban Development & Housing
25 กระทรวงกิจการสตรี Ministry of Women's Affairs
26 สำนักงานอัยการสูงสุด Attorney General's Office
    ฝ่ายตุลาการ

ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดให้อัฟกานิสถานมีศาลฎีกา (Supreme Court) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Stera Mahkama มีผู้พิพากษาจำนวน 9 คน แต่งตั้งโดยประธานาธิบดีและต้องให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบ ดำรงตำแหน่งวาระ 10 ปี รองลงมามีศาลสูง (High Court) และศาลอุทธรณ์ (Appeals Court) ด้วย

การบริหารระดับจังหวัด

แม้รัฐธรรมนูญจะกำหนดหน่วยงานระดับจังหวัดและท้องถิ่น คือ คณะบริหารระดับจังหวัด (Provincial Council) และคณะบริหารระดับท้องถิ่น (Local District Council) แล้ว แต่ดังที่กล่าวข้างต้นว่า ระบบการบริหารการปกครองของอัฟกานิสถานยังจัดการได้ไม่ดีนัก เนื่องจากเป็นระบบที่วางขึ้นใหม่ และอำนาจของรัฐบาลกลางยังอ่อนแอ ความเชื่อมโยงของการบริหารอำนาจระหว่างท้องถิ่นกับส่วนกลางจึงยังขาดความชัดเจน

การแบ่งเขตการปกครอง

ประเทศอัฟกานิสถานแบ่งออกเป็น 34 จังหวัด หรือเรียกเป็นภาษาท้องถิ่นว่า เวลายัต (welayat) ได้แก่

ประเทศอัฟกานิสถาน: นิรุกติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, ประวัติศาสตร์ 
แผนที่ประเทศอัฟกานิสถานแสดงจังหวัด

บาดัคชาน บาดกิส บักลาน บัลข์ บามียัน ไดกอนดี ฟาราห์ ฟาร์ยาบ กัซนี กาวร์ เฮลมันด์ เฮราต เจาซ์จัน คาบูล กันดะฮาร์ กาปิซา คอสต์ โกนาร์ กอนดอซ ลักมาน เลาการ์ นันการ์ฮาร์ นิมรุซ นูเรสถาน โอรุซกัน ปักเตีย ปักติกา ปันจ์ชีร์ ปาร์วัน ซามันกัน ซารีโปล ตาคาร์ วาร์ดัก ซาโบล

เศรษฐกิจ

ประเทศอัฟกานิสถาน: นิรุกติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, ประวัติศาสตร์ 
ทุ่งฝิ่นในจังหวัดนิมรุซ

ประเทศอัฟกานิสถาน นอกจากถูกจัดให้เป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชียแล้ว ยังครองอันดับ 1 ประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกอีกด้วย[ต้องการอ้างอิง]

นักวิเคราะห์ชี้ว่า สาเหตุที่ประเทศอัฟกานิสถานมีฐานะยากจนมากที่สุดมีปัจจัยหลายสาเหตุด้วยกัน อาทิ ประชากร​ในอัฟกานิสถานว่างงานกว่า 35%, กว่า 36% มี​ความ​เป็นอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานของ​โลก, 2 ​ใน 3 ของประชากรมีชีวิตอยู่ด้วยราย​ได้ที่น้อยกว่าวันละ 2 ดอลล่าสหรัฐ, เป็นประ​เทศที่อยู่​ในภาวะสงคราม และราย​ได้หลักประมาณ 1 ​ใน 3 ของประ​เทศมาจาก​การลักลอบค้ายา​เสพติด ​เช่น กัญชา ฝิ่น ​เป็นต้น[ต้องการอ้างอิง]

เกษตรกรรม

ส่วนใหญ่เป็นแบบยังชีพและเลี้ยงสัตว์เร่ร่อน พืชสำคัญที่ปลูกคือข้าวสาลี ฝ้าย และมีชื่อเสียงในการผลิตฝิ่นเพื่อผลิตยาเสพติด

ทรัพยากรธรรมชาติ

มีก๊าซธรรมชาติพบที่เมืองชีเบอร์กานใกล้พรมแดนประเทศเติร์กเมนิสถาน แหล่งผลิตก๊าซที่สำคัญของประเทศคือ ควาเจะห์ ราวัช และยาติม ตัก นอกจากนี้มีแหล่งน้ำมันที่ยังไม่ได้ขุดขึ้นมาใช้ และแหล่งถ่านหินในจังหวัดบากลานและจังหวัดบาลัก แร่ธาตุที่สำคัญ พบแร่เหล็กที่หัจญีกัต ใกล้กรุงคาบูล แร่ทองแดงพบที่อายนัก แร่ยูเรเนียมพบที่ ควาเจะห์ ราวัช อัญมณีในจังหวัดบาดักชาน และแร่อื่น ๆ อีกมาก

การท่องเที่ยว

ประชากรศาสตร์

ประเทศอัฟกานิสถาน: นิรุกติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, ประวัติศาสตร์ 
แผนที่ของ CIA ใน ค.ศ. 2005 แสดงดินแดนของชนพื้นเมืองอัฟกัน ชนเผ่าปาทานเป็นสังคมชนเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ใน ค.ศ. 2019 มีการประมาณการประชากรอัฟกานิสถานโดยสำนักงานสถิติและข้อมูลอัฟกานิสถานว่ามี 32.9 ล้านคน ในขณะที่สหประชาชาติประมาณการที่มากกว่า 38.0 ล้านคน ใน ค.ศ. 1979 มีรายงานประชากรทั้งประเทศที่ประมาณ 15.5 ล้านคน ประมาณร้อยละ 23.9 อาศัยอยู่ในเมือง ร้อยละ 71.4 อาศัยอยู่ในชนบท และร้อยละ 4.7 เป็นชนร่อนเร่

อัตราการเติบโตของประชากรในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 2.37 ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราสูงสุดที่อยู่นอกทวีปแอฟริกา ถ้าอัตรายังคงเท่าเดิม คาดว่าจะมีประชากรใน ค.ศ. 2050 อยู่ที่ 82 ล้านคน ประชากรในอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงคริสต์ทศวรรษ 1980 เมื่อมีสงครามกลางเมืองที่ทำให้ประชากรหลายล้านคนหนีไปต่างประเทศ เช่นปากีสถาน นับแต่นั้นมา ผู้คนนับล้านได้เดินทางกลับมาและสภาพสงครามมีส่วนทำให้ประเทศมีอัตราการเจริญพันธุ์สูงที่สุดที่อยู่นอกทวีปแอฟริกา สัมประสิทธิ์จีนีของประเทศใน ค.ศ. 2008 อยู่ที่ 27.8

ชาติพันธุ์และภาษา

ประเทศอัฟกานิสถาน: นิรุกติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, ประวัติศาสตร์ 
แผนที่ภาษาศาสตร์ชาติพันธุ์ของอัฟกานิสถาน

ประชากรอัฟกานิสถานแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ชาติพันธุ์ โดยชาวปาทานเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งมีร้อยละ 39 (ข้อมูลการวิจัยทางสังคมวิทยาใน ค.ศ. 2019 โดยThe Asia Foundation) ตามมาด้วยชาวทาจิก ซึ่งมีร้อยละ 37 ของประชากรทั้งประเทศ โดยทั่วไป มีการแบ่งสามกลุ่มชาติพันธุ์หลักของประเทศได้แก่ชาวทาจิก, ชาวแฮซอเร และชาวอุซเบก ส่วนอีก 10 กลุ่มชาติพันธุ์ต่างได้รับการยอมรับและถูกกล่าวถึงในเพลงชาติสาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน

ภาษาราชการของประเทศอัฟกานิสถานคือภาษาดารีและภาษาปาทาน เป็นเรื่องทั่วไปมากที่ผู้คนสามารถพูดสองภาษาได้ โดยมีภาษาดารีเป็นภาษากลางในคาบูลกับภาคเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ส่วนภาษาปาทานเป็นภาษาแม่ของชาวปาทาน ถึงแม้ว่าชาวปาทานหลายคนสามารถพูดภาษาดารีได้คล่อง และชนชาติอื่นสามารถพูดภาษาปาทานได้ และแม้ว่าชาวปาทานมีอิทธิพลในการเมืองอัฟกันมาหลายศตวรรษ ภาษาดารีก็ยังคงเป็นภาษาหลักในรัฐบาลและราชการ รายงานจากเดอะเวิลด์แฟกต์บุ๊ก ภาษาดารีมีผู้พูดร้อยละ 78 (L1 + L2) และทำหน้าที่เป็นภาษากลาง ในขณะที่ภาษาปาทานมีผู้พูดร้อยละ 50, อุซเบกร้อยละ 10, อังกฤษร้อยละ 5, เติร์กเมนร้อยละ 2%, อูรดูร้อยละ 2, ปาซายีร้อยละ 1, นูริสถานร้อยละ 1, อาหรับร้อยละ 1 และบาโลจร้อยละ 1 (ประมาณการ ค.ศ. 2021) ข้อมูลทั้งหมดเมื่อรวมกันแล้วมีมากกว่า 100% เพราะประชากรในประเทศหลายคนสามารถพูดสองภาษาและมีการอนุญาตให้เลือกได้มากกว่าหนึ่งภาษา

เมื่อกล่าวถึงภาษาต่างประเทศในหมู่ประชาชน มีหลายคนสามารถพูดหรือเข้าใจภาษาฮินดูสตานี (อูรดู-ฮินดี) เพราะบางส่วนกลับมาจากปากีสถาน และความนิยมภาพยนตร์บอลลีวูดตามลำดับ ประชากรบางส่วนเข้าใจภาษาอังกฤษ และได้รับความนิยมตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 2000 ชาวอัฟกันบางส่วนสามารถพูดภาษารัสเซีย ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในโรงเรียนรัฐเมื่อคริสต์ทศวรรษ 1980

ศาสนา

ประเทศอัฟกานิสถาน: นิรุกติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, ประวัติศาสตร์ 
มัสยิดสีน้ำเงินในมะซารีชะรีฟเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอัฟกานิสถาน

ประชากรอัฟกันประมาณร้อยละ 99.7 นับถือศาสนาอิสลาม และส่วนใหญ่นับถือนิกายซุนนีมัซฮับฮะนะฟี รายงานจากสำนักวิจัยพิว มุสลิมมากถึงร้อยละ 90 นับถือนิกายซุนนี, ร้อยละ 7 นับถือนิกายชีอะฮ์ และร้อยละ 3 ไม่สังกัดนิกาย ซีไอเอแฟกต์บุ๊กประมาณการว่ามีมุสลิมมากถึงร้อยละ 89.7 นับถือนิกายซุนนีหรือนับถือนิกายชีอะฮ์มากถึงร้อยละ 15 ดร. เมฮร์ดอด อีแซดีประมาณการว่าร้อยละ 70 ของประชากรนับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนนี, ร้อยละ 25 นับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะฮ์, ร้อยละ 4.5 นับถือนิกายชีอะฮ์แบบอิสมาอีลียะฮ์ และร้อยละ 0.5 นับถือศาสนาอื่น

มีชาวอัฟกันที่นับถือศาสนาซิกข์และฮินดูในเมืองหลักบางส่วน (เช่นคาบูล, จะลาลลาบาด, กัซนี, กันดะฮาร์) ที่มีคุรุทวาราและมณเฑียรเป็นของตนเอง รายงานจากดอยช์ เวเลย์ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2021 มีผู้นับถืออยู่ในเมือง 250 คน ส่วน 67 อพยพไปประเทศอินเดียแล้ว

ประเทศนี้เคยมีสังคมชาวยิวขนาดเล็กที่ส่วนใหญ่อยู่ในเฮรัตและคาบูล ต่อมาจึงต้อบังคับงย้ายที่อยู่เนื่องจากสงครามนานนับทศวรรษและการกดขี่ทางศาสนา ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 สังคมทั้งหมดอพยพไปที่อิสราเอลและสหรัฐแล้ว ยกเว้นเพียงคนเดียวที่มีชื่อว่าซับโลน ซีมินตอฟ ซึ่งยังคงทำหน้าที่ดูแลโบสถ์ยิวแห่งเดียวในประเทศ หลังการยึดครองครั้งที่สองของตอลิบาน เขาจึงออกจากประเทศไปที่สหรัฐ

ชาวอัฟกันที่นับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งมีจำนวน 500–8,000 คน นับถือศาสนาอย่างลับ ๆ เนื่องจากการต่อต้านทางสังคมที่รุนแรง และไม่มีโบสถ์สาธารณะเลย

การแปลงเป็นเมือง

วัฒนธรรม

เทศกาล

แม้จะเป็นประเทศที่ยากจน แต่ชาวอัฟกันก็ยังคงเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญทางศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะเทศกาลรอมฏอน ซึ่งเป็นการสิ้นสุดของการถือศีลอดอันศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนจะไปเยี่ยมเพื่อนหรือครอบครัวและรับประทานอาหารฉลองร่วมกัน ศิลปะแกรเต้นรำ attan ยังคงเฟื่องฟูในอัฟกานิสถาน

หมายเหตุ

อ้างอิง

บรรณานุกรม

แหล่งข้อมูลอื่น

Tags:

ประเทศอัฟกานิสถาน นิรุกติศาสตร์ประเทศอัฟกานิสถาน ภูมิศาสตร์ประเทศอัฟกานิสถาน ประวัติศาสตร์ประเทศอัฟกานิสถาน การแบ่งเขตการปกครองประเทศอัฟกานิสถาน เศรษฐกิจประเทศอัฟกานิสถาน ประชากรศาสตร์ประเทศอัฟกานิสถาน วัฒนธรรมประเทศอัฟกานิสถาน หมายเหตุประเทศอัฟกานิสถาน อ้างอิงประเทศอัฟกานิสถาน บรรณานุกรมประเทศอัฟกานิสถาน แหล่งข้อมูลอื่นประเทศอัฟกานิสถานคาบูลประเทศจีนประเทศทาจิกิสถานประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลประเทศปากีสถานประเทศอิหร่านประเทศอุซเบกิสถานประเทศเติร์กเมนิสถานภาษาดารีภาษาปาทานภาษาอังกฤษเอเชียใต้

🔥 Trending searches on Wiki ไทย:

ศีล 227อีเอฟแอลแชมเปียนชิปสังโยชน์รายชื่อประเทศและเขตการปกครองเรียงตามขนาดพื้นที่ทั้งหมดยศทหารและตำรวจไทยเมลดา สุศรีเบชิกทัชฌิมนัสติกคูลือบือเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณีฟุตบอลโลกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์กองอาสารักษาดินแดนแม่น้ำสะโตงราชการส่วนท้องถิ่น (ประเทศไทย)จิราพร สินธุไพรจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่พีรวัส แสงโพธิรัตน์อำเภอพระประแดงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมารความเสียวสุดยอดทางเพศรายชื่อจังหวัดของประเทศไทยเรียงตามพื้นที่จิรภพ ภูริเดชธัญญภัสร์ ภัทรธีรชัยเจริญไพรวัลย์ วรรณบุตรหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ธนภพ ลีรัตนขจรพอได้เกิดใหม่เป็นองค์ชายลําดับที่เจ็ด ก็เพื่อเรียนเวทให้สนุกวัดไร่ขิงนิวรณ์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีสหรัฐธนินท์ เจียรวนนท์ไดโนเสาร์สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลรายชื่อภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในประเทศไทยภาคตะวันตก (ประเทศไทย)รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง23 เมษายนรายชื่อบัญชีอินสตาแกรมที่มียอดผู้ติดตามมากที่สุดพรนับพัน พรเพ็ญพิพัฒน์ศาสนาพุทธมหาวิทยาลัยศิลปากรประวัติศาสนาพุทธเชิญยิ้มวทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยาหมากรุกไทยแวมไพร์ ทไวไลท์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกราชวงศ์ชิงชาวมอญนิชคุณ ขจรบริรักษ์ปักหมุดรักฉุกเฉินณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์เปรม ติณสูลานนท์ลาลิกาชา อึน-อู1คิม จี-ว็อน (นักแสดง)ตระกูลจิราธิวัฒน์เจริญ สิริวัฒนภักดีแบล็กพิงก์ศรัณยู ประชากริชมิสอีโคอินเตอร์เนชันแนลจังหวัดจันทบุรีกรมราชเลขานุการในพระองค์69 (ท่วงท่าเพศสัมพันธ์)สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลมณี สิริวรสารนักเตะแข้งสายฟ้าธีรเดช เมธาวรายุทธนรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์ปริญ สุภารัตน์การโฆษณารายชื่อสถาบันอุดมศึกษาในกรุงเทพมหานครวันไหล🡆 More