แอฟริกาใต้ หรือ เซาท์แอฟริกา (อังกฤษ: South Africa) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ หรือ สาธารณรัฐเซาท์แอฟริกา (อังกฤษ: Republic of South Africa: RSA) เป็นประเทศที่อยู่ทางตอนใต้สุดของทวีปแอฟริกา ล้อมรอบด้วยแนวชายฝั่งยาว 2,798 กิโลเมตร (1,739 ไมล์) ทอดยาวไปตามมหาสมุทรแอตแลนติกใต้และมหาสมุทรอินเดีย อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับประเทศนามิเบีย, บอตสวานา และ ซิมบับเว ทางทิศตะวันออกติดกับโมซัมบิก และ เอสวาตินี และยังมีประเทศเลโซโทตั้งอยู่ภายในประเทศในฐานะดินแดนแทรกและดินแดนส่วนแยก แอฟริกาใต้ถือเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้มากที่สุดบนแผ่นดินใหญ่ของโลกเก่า และเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ใต้เส้นศูนย์สูตรที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันสองรองจากแทนซาเนีย แอฟริกาใต้เป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีชีวนิเวศ พืช และสัตว์ป่าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ Republic of South Africa (อังกฤษ) ชื่อทางการของประเทศใน 10 ภาษาอื่น ๆ
| |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เมืองหลวง |
| ||||||||||||||||||||
เมืองใหญ่สุด | โจฮันเนสเบิร์ก | ||||||||||||||||||||
ภาษาราชการ | 11 ภาษา
| ||||||||||||||||||||
กลุ่มชาติพันธุ์ (2019) |
| ||||||||||||||||||||
ศาสนา (2016) |
| ||||||||||||||||||||
เดมะนิม | ชาวแอฟริกาใต้ | ||||||||||||||||||||
การปกครอง | รัฐเดี่ยว ระบบพรรคเด่น สาธารณรัฐระบบรัฐสภาโดยมีประธานาธิบดีที่มีอำนาจบริหาร | ||||||||||||||||||||
ไซริล รามาโฟซา | |||||||||||||||||||||
• รองประธานาธิบดี | เดวิด มาบูซา | ||||||||||||||||||||
• ประธานสภาแห่งชาติ | อมอส มาซันโด | ||||||||||||||||||||
• ประธานสมัชชาแห่งชาติ | โนซิวิเว มาปิซา-นควากูลา | ||||||||||||||||||||
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา | ||||||||||||||||||||
• สภาสูง | สภาแห่งชาติ | ||||||||||||||||||||
• สภาล่าง | สมัชชาแห่งชาติ | ||||||||||||||||||||
เอกราช | |||||||||||||||||||||
• สหภาพ | 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1910 | ||||||||||||||||||||
11 ธันวาคม ค.ศ. 1931 | |||||||||||||||||||||
• สาธารณรัฐ | 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1961 | ||||||||||||||||||||
17 มิถุนายน ค.ศ. 1991 | |||||||||||||||||||||
• เป็นประชาธิปไตย | 27 เมษายน ค.ศ. 1994 | ||||||||||||||||||||
• รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน | 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1997 | ||||||||||||||||||||
พื้นที่ | |||||||||||||||||||||
• รวม | 1,221,037 ตารางกิโลเมตร (471,445 ตารางไมล์) (อันดับที่ 24) | ||||||||||||||||||||
0.380 | |||||||||||||||||||||
ประชากร | |||||||||||||||||||||
• 2021 ประมาณ | 60,142,978 (อันดับที่ 23) | ||||||||||||||||||||
• สำมะโนประชากร 2011 | 51,770,560: 18 | ||||||||||||||||||||
42.4 ต่อตารางกิโลเมตร (109.8 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 169) | |||||||||||||||||||||
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2021 (ประมาณ) | ||||||||||||||||||||
• รวม | 862 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 32) | ||||||||||||||||||||
• ต่อหัว | 14,239 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 96) | ||||||||||||||||||||
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2021 (ประมาณ) | ||||||||||||||||||||
• รวม | 415 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 33) | ||||||||||||||||||||
• ต่อหัว | 6,861 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 89) | ||||||||||||||||||||
จีนี (2014) | 63.0 สูงมาก | ||||||||||||||||||||
เอชดีไอ (2019) | 0.709 สูง · อันดับที่ 114 | ||||||||||||||||||||
สกุลเงิน | แรนด์แอฟริกาใต้ (ZAR) | ||||||||||||||||||||
เขตเวลา | UTC+2 (SAST) | ||||||||||||||||||||
รูปแบบวันที่ | รูปแบบสั้น:
| ||||||||||||||||||||
ขับรถด้าน | ซ้าย | ||||||||||||||||||||
รหัสโทรศัพท์ | +27 | ||||||||||||||||||||
รหัส ISO 3166 | ZA | ||||||||||||||||||||
โดเมนบนสุด | .za |
ด้วยจำนวนประชากรเกือบ 62 ล้านคน ทำให้เป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 23 ของโลก แผ่นดินของประเทศครอบคลุมพื้นที่ 1,221,037 ตารางกิโลเมตร (471,445 ตารางไมล์) ประเทศแอฟริกาใต้ได้แบ่งเมืองหลวงออกเป็นสามเมืองได้แก่ พริทอเรียซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางในการบริหาร, เคปทาวน์ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางนิติบัญญัติและที่ตั้งของรัฐสภา และบลูมฟอนเทน ในขณะที่เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือโจฮันเนสเบิร์กซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลสูงสุด กว่า 80% ของประชากรเป็นชาวแอฟริกาผิวดำ ประชากรที่เหลือประกอบด้วยชุมชนชาวยุโรปที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา (ชาวแอฟริกาผิวขาว), ชาวเอเชีย (ชาวแอฟริกาใต้จากอินเดียและจีน) และประชากรที่สืบจากบรรพบุรุษหลากหลายเชื้อชาติ แอฟริกาใต้เป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ซึ่งครอบคลุมวัฒนธรรม ภาษา และศาสนาที่หลากหลาย สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นจากการที่รัฐธรรมนูญของประเทศยอมรับภาษามากถึง 12 ภาษาในฐานะภาษาราชการ ซึ่งมากเป็นอันดับสี่ของโลก จากรายงานใน ค.ศ. 2011 ภาษาที่ถูกใช้มากที่สุดคือ ภาษาซูลู (22.7%) และ ภาษาโคซา (16.0%) ตามมาด้วยภาษาอาฟรีกานส์ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากภาษาดัตซ์ และภาษาอังกฤษซึ่งเป็นผลมาจากลัทธิอาณานิคม โดยภาษาอังกฤษมีบทบาทสำคัญในการค้าและสถานที่สาธารณะ
มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปเป็นเวลาเกือบหนึ่งศตวรรษ อย่างไรก็ตาม พลเมืองส่วนใหญ่ไม่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าวจนถึง ค.ศ. 1994 นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 การเรียกร้องสิทธิทางสังคมของประชากรผิวสีเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา พรรคการเมืองแห่งชาติมีนโยบายแบ่งแยกเชื้อชาติอย่างชัดเจนในทศวรรษ 1940 การเรียกร้องสิทธิและนโยบายโดยพรรคสมัชชาแห่งชาติแอฟริกา รวมถึงนักเคลื่อนไหวต่อต้านการแบ่งแยกสีผิวทั้งในและนอกประเทศ เป็นผลให้มีการยกเลิกกฎหมายการเลือกปฏิบัติในทศวรรษ 1980 นับตั้งแต่ ค.ศ. 1994 มีการยอมรับกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ให้เป็นตัวแทนทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเสรีนิยมมากขึ้น และประเทศได้กลายเป็นสาธารณรัฐระบบรัฐสภาเต็มรูปแบบ และแบ่งจังหวัดออกเป็นเก้าจังหวัด แอฟริกาใต้มักถูกเรียกว่า "ประเทศสีรุ้ง" เพื่ออธิบายความหลากหลายทางวัฒนธรรมในประเทศ โดยเฉพาะภายหลังจากการแบ่งแยกสีผิวและเชื้อชาติ จากการรายงานโดยดัชนีประชาธิปไตย แอฟริกาใต้ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 51 ของโลก และอันดับ 3 ในทวีปแอฟริกาในแง่คุณภาพของระบบประชาธิปไตยในประเทศ และความเท่าเทียมกันทางสังคม
แอฟริกาใต้เป็นประเทศอำนาจปานกลางของโลก และถือเป็นประเทศอำนาจนำภูมิภาคโดยเป็นสมาชิกของเครือจักรภพแห่งประชาชาติและกลุ่ม 20 แอฟริกาใต้เป็นประเทศกำลังพัฒนา อยู่ในอันดับที่ 109 ตามดัชนีการพัฒนามนุษย์ และอันดับ 7 ในทวีป และยังเป็นประเทศเดียวในทวีปแอฟริกาที่ยอมรับกฎหมายการสมรสเพศเดียวกัน แอฟริกาใต้ได้รับการจัดอันดับโดยธนาคารโลกให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามในทวีปหากวัดตามอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และมีอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากที่สุดในทวีป รวมทั้งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 39 ของโลก รายได้หลักมาจากอุตสาหกรรมแร่ธาตุ และการท่องเที่ยว แอฟริกาใต้มีแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโกมากที่สุดในทวีป ภายหลังยุคแห่งการถือผิว การพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตประชากรดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม อาชญากรรมและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมยังเป็นปัญหาสำคัญโดยมีอัตราการว่างงานสูงถึง 40% ใน ค.ศ. 2021 ในขณะที่ประชากรกว่า 60% ยังมีรายได้ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจน และกว่าหนึ่งในสี่มีรายได้ต่ำกว่า 2.15 ดอลลาร์ต่อวัน
ชื่อ "แอฟริกาใต้" มาจากที่ตั้งของประเทศที่อยู่ทางตอนใต้สุดของทวีปแอฟริกา เมื่อมีการก่อตั้งนั้น ประเทศแอฟริกาใต้จึงได้รับการตั้งชื่อว่า สหภาพแอฟริกาใต้ (Union of South Africa) ในภาษาอังกฤษ และ Unie van Zuid-Afrika ในภาษาดัตช์ ซึ่งสะท้อนถึงการรวมตัวกันของอาณานิคมบริติชทั้ง 4 แห่ง ที่ถูกแยกออกจากกันในก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ ค.ศ. 1961 ชื่ออย่างเป็นทางการของประเทศในรูปแบบยาวในภาษาอังกฤษคือ "สาธารณรัฐแอฟริกาใต้" (Republic of South Africa) และ Republiek van Suid-Afrika ในภาษาอาฟรีกานส์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1994 เป็นต้นมา ประเทศแอฟริกาใต้จึงมีชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาราชการทั้งหมด 11 ภาษา
ประเทศแอฟริกาใต้ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้สุดของทวีปแอฟริกา โดยมีแนวชายฝั่งที่ทอดยาวมากกว่า 2,500 กม. (1,553 ไมล์) และตามแนวมหาสมุทร 2 แห่ง (มหาสมุทรแอตแลนติกใต้และมหาสมุทรอินเดีย) ด้วยพื้นที่ 1,219,912 ตารางกิโลเมตร (471,011 ตารางไมล์) แอฟริกาใต้จึงเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 24 ของโลก หากไม่รวมหมู่เกาะปรินซ์เอ็ดเวิร์ด ประเทศนี้อยู่ระหว่างละติจูด 22° ถึง 35°S และลองจิจูด 16° ถึง 33°E พื้นที่ด้านในของแอฟริกาใต้ประกอบด้วยที่ราบสูงขนาดใหญ่โดยมีระดับความสูงระหว่าง 1,000 ม. (3,300 ฟุต) ถึง 2,100 ม. (6,900 ฟุต) ซึ่งสูงที่สุดในทิศตะวันออกและลาดลงไปทางทิศตะวันตกและทิศเหนือ และ ไปทางทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้เล็กน้อย
พื้นที่ทางทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้ของที่ราบสูง (ที่ความสูงประมาณ 1,100–1,800 ม. เหนือระดับน้ำทะเล) และที่ราบที่อยู่ติดกันด้านล่าง (ที่ความสูงประมาณ 700–800 ม. เหนือระดับน้ำทะเล) เรียกว่า Great Karoo ซึ่งประกอบด้วยป่าไม้พุ่ม ส่วนทางตะวันออกเฉียงเหนือและที่สูงที่สุดของที่ราบสูงเรียกว่าไฮเวลด์ พื้นที่เป็นที่ตั้งของพื้นที่เพาะปลูกเชิงพาณิชย์ในสัดส่วนที่มากของประเทศ และมีพื้นที่ชานเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของไฮเวลด์ จากเส้นละติจูดประมาณ 25° 30' ใต้ ที่ราบสูงลาดลงสู่บุชเวลด์ ซึ่งท้ายที่สุดจะเป็นทางไปสู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำลิมโปโปหรือโลว์เวลด์
บริเวณมุมตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ คาบสมุทรเคปก่อตัวใต้สุดของแนวชายฝั่งซึ่งติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกและไปสิ้นสุดที่ชายแดนของประเทศติดกับนามิเบียที่แม่น้ำออเรนจ์ คาบสมุทรเคปมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน และพื้นที่โดยรอบเป็นเพียงส่วนเดียวของแอฟริกาตอนใต้ทะเลทรายซาฮาราที่ได้รับฝนตกส่วนใหญ่ในฤดูหนาว แนวชายฝั่งทางตอนเหนือของคาบสมุทรเคปล้อมรอบด้วยมหาสมุทรแอตแลนติกทางทิศตะวันตก และแนวของเทือกเขาเคปโฟลด์ที่ทอดยาวจากเหนือ-ใต้ไปทางทิศตะวันออก เทือกเขาเคปโฟลด์เคลื่อนตัวออกไปที่เส้นละติจูด 32° ใต้ หลังจากนั้นแนวชันใหญ่จะทอดตัวเข้าสู่ที่ราบชายฝั่ง
แอฟริกาใต้ยังครอบครองพื้นที่นอกชายฝั่งแห่งหนึ่ง ได้แก่ หมู่เกาะเล็ก ๆ ทางใต้ของทวีปแอนตาร์กติกของหมู่เกาะปรินซ์เอ็ดเวิร์ด ซึ่งประกอบด้วยเกาะแมเรียน (290 ตารางกิโลเมตร หรือ 110 ตารางไมล์) และเกาะปรินซ์เอ็ดเวิร์ด (45 ตารางกิโลเมตร หรือ 17 ตารางไมล์)
แอฟริกาใต้มีสภาพอากาศโดยทั่วไปค่อนข้างเย็น เนื่องจากถูกล้อมรอบด้วยมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอินเดียทั้งสามด้าน และเนื่องจากตั้งอยู่ในซีกโลกใต้ที่มีอากาศเย็นกว่าปกติ นอกจากนี้ ระดับความสูงเฉลี่ยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไปทางเหนือ (ไปทางเส้นศูนย์สูตร) และไกลออกไป ภูมิประเทศและอิทธิพลมหาสมุทรที่หลากหลายนี้ส่งผลให้เกิดเขตภูมิอากาศที่หลากหลาย เขตภูมิอากาศมีตั้งแต่ทะเลทรายสุดขั้วทางตอนใต้ของนามิบทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดไปจนถึงภูมิอากาศกึ่งเขตร้อนอันเขียวชอุ่มทางตะวันออกตามแนวชายแดนติดกับโมซัมบิกและมหาสมุทรอินเดีย ฤดูหนาวในแอฟริกาใต้เกิดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม
พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้มีสภาพอากาศใกล้เคียงกับแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีฤดูหนาวที่ชื้นและฤดูร้อนที่ร้อนจัด และแห้ง เป็นที่ตั้งของฟินบอสอันโด่งดังซึ่งประกอบด้วยป่าไม้พุ่ม บริเวณนี้ผลิตไวน์ได้มากในแอฟริกาใต้ และขึ้นชื่อในเรื่องลมที่พัดเป็นระยะ ๆ เกือบตลอดทั้งปี ลมที่รุนแรงทำให้พัดผ่านแหลมกู๊ดโฮปทำให้เกิดเรืออับปางจำนวนมาก ไกลออกไปทางตะวันออกบนชายฝั่งทางใต้ ปริมาณน้ำฝนจะกระจายอย่างสม่ำเสมอมากขึ้นตลอดทั้งปี ทำให้เกิดภูมิทัศน์สีเขียว ปริมาณน้ำฝนรายปีจะเพิ่มขึ้นทางตอนใต้ของโลว์เวลด์ โดยเฉพาะบริเวณใกล้ชายฝั่งซึ่งเป็นเขตกึ่งเขตร้อน
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในแอฟริกาใต้ส่งผลให้อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นและเกิดความแปรปรวนของปริมาณน้ำฝน เหตุการณ์สภาพอากาศเฉียบพลันกำลังเป็นปัญหามากขึ้น นี่เป็นข้อกังวลที่สำคัญสำหรับประชากรแอฟริกาใต้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อสถานะโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของประเทศ เช่น การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดผลกระทบที่ชัดเจนต่อชุมชนและระดับสิ่งแวดล้อมในรูปแบบและด้านต่าง ๆ เริ่มจากคุณภาพอากาศ รูปแบบอุณหภูมิและสภาพอากาศ การเข้าถึงความมั่นคงทางอาหารและภาวะโรคติดต่อ
ตามแบบจำลองสภาพภูมิอากาศที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ซึ่งจัดทำโดยสถาบันความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติแห่งแอฟริกาใต้ บางส่วนของแอฟริกาใต้ตอนใต้จะมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นประมาณ 1 °C (1.8 °F) ตามแนวชายฝั่งเป็นมากกว่า 4 °C (7.2 °F) ในพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมืองที่ร้อนอยู่แล้ว เช่น นอร์เทิร์นเคป ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนภายในปี 2050 คาดการณ์ว่าภูมิภาคเคปฟลอรัลจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความแห้งแล้ง และอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้สัตว์หายากหลายชนิดสูญพันธุ์
แอฟริกาใต้ลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1995 และได้เข้าเป็นภาคีของอนุสัญญาดังกล่าวเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนปีเดียวกัน ต่อมาได้จัดทำยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการด้านความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติซึ่งได้รับจากอนุสัญญาเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2006 ประเทศนี้อยู่ในอันดับที่หกจากสิบเจ็ดประเทศที่มีความหลากหลายขนาดใหญ่ของโลก การท่องเที่ยวเชิงนิเวศในแอฟริกาใต้แพร่หลายมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวิธีการที่เป็นไปได้ในการรักษาและปรับปรุงความหลากหลายทางชีวภาพ
สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่พบได้ทั่วไป เช่น สิงโต เสือดาวแอฟริกา ชีตาห์ แรดขาว วิลเดอบีสต์เคราขาว ไฮยีนา และยีราฟแอฟริกา สัตว์ป่าในประเทศมีความผูกพันและมีอิทธิพลสูงต่อวิถีชีวิตของคนในประเทศ แอฟริกาใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด
หากนับจนถึง ค.ศ. 1945 มีรายงานการพบเชื้อรามากกว่า 4,900 สายพันธุ์ (รวมถึงสายพันธุ์ที่ก่อตัวเป็นไลเคน) ด้วยจำนวนสายพันธุ์พืชที่แตกต่างกันมากกว่า 22,000 ชนิด หรือประมาณ 9% ของพืชที่รู้จักทั้งหมดบนโลก แอฟริกาใต้จึงอุดมไปด้วยความหลากหลายของพืชมากกว่าประเทศอื่น ชีวนิเวศที่แพร่หลายมากที่สุดคือทุ่งหญ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนไฮเวลด์ ซึ่งพืชปกคลุมไปด้วยหญ้าชนิดต่าง ๆ พุ่มไม้เตี้ย และอะคาเซียพืชพรรณกระจัดกระจายไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเนื่องจากมีฝนตกน้อย มีพืชอวบน้ำกักเก็บน้ำได้หลายชนิด เช่น ว่านหางจระเข้และยูโฟเบีย ในพื้นที่ ๆ ร้อนและแห้งมาก และจากข้อมูลขององค์การกองทุนสัตว์ป่าสากล แอฟริกาใต้เป็นบ้านของสัตว์น้ำประมาณหนึ่งในสามของสายพันธุ์ทั้งหมด หญ้าและหนามสะวันนาค่อย ๆ กลายเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยมีการเจริญเติบโตหนาแน่นมากขึ้น
แอฟริกาใต้ได้สูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติจำนวนมากในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากการมีจำนวนประชากรมากเกินไป รูปแบบการพัฒนา และการขยายผังเมือง และการทำลายป่าในช่วงศตวรรษที่ 19 ประเทศนี้มีคะแนนเฉลี่ยดัชนีความสมบูรณ์ของภูมิทัศน์ป่าไม้ประจำปี 2019 อยู่ที่ 4.94/10 ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 112 ของโลกจาก 172 ประเทศ
ในอดีต เคยมีการค้นพบป่าเขตอบอุ่นดั้งเดิมที่พบโดยผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรปกลุ่มแรก ทว่าต่อมาได้ถูกทำลายเพื่อนำไปใช้ประโยชน์จนเหลือเพียงพื้นที่เล็ก ๆ เท่านั้น
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สาธารณรัฐบูร์ได้รับชัยชนะจากการรุกรานของอังกฤษในช่วงสงครามบูร์ครั้งที่หนึ่ง (1880-1881) โดยใช้ยุทธวิธีการรบแบบกองโจรซึ่งเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น กองทัพอังกฤษกลับมาพร้อมกับกองกำลังที่มากขึ้น ประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น และกลยุทธ์ใหม่ในสงครามบูร์ครั้งที่สอง (1899-1902) และแม้ว่ากองทัพอังกฤษจะได้รับบาดเจ็บหนักเนื่องจากการสู้รบที่ดุเดือด แต่ในที่สุดก็ได้รับชัยชนะ ผู้หญิงและเด็กชาวบูร์มากกว่า 27,000 คนเสียชีวิตในค่ายกักกันของอังกฤษ
ประชากรในเมืองของแอฟริกาใต้เติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ภายหลังความเสียหายจากสงคราม เกษตรกรชาวบูร์ที่มีเชื้อสายดัตช์ได้หนีเข้าไปในเมืองต่างๆ จากดินแดนทรานส์วาลและเสรีรัฐออเรนจ์ และกลายเป็นชนชั้นยากจนในแอฟริกาใต้
ใน ค.ศ. 1948 พรรคเนชั่นแนล (National Party) ชนะการเลือกตั้ง และได้เริ่มทำการส่งเสริมนโยบายแบ่งแยกเชื้อชาติ ซึ่งริเริมมาตั้งแต่สมัยเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์และบริเตน โดยยึดเอาพระราชบัญญัติอินเดียน ของแคนาดาเป็นแบบอย่าง รัฐบาลชาตินิยม ได้จำแนกประชาชนออกเป็นสามเชื้อชาติ โดยเชื้อชาติทั้งสามจะมีสิทธิและข้อจำกัดต่างกันออกไป ชนกลุ่มน้อยผิวขาว (น้อยกว่า 20% จากประชากรทั้งหมด) ควบคุมประชากรผิวสีซึ่งมีจำนวนมากกว่า การแบ่งแยกสีผิวอย่างถูกต้องตามกฎหมายนี้กลายมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ การถือผิว ในขณะชาวผิวขาวมีมาตราฐานการครองชีพ สูงที่สุดในทวีปแอฟริกา สามารถเทียบได้กับชาติตะวันตกโลกที่หนึ่ง ประชากรผิวสีซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ของประเทศกลับด้อยกว่าในทุกทาง รวมไปถึงรายได้ การศึกษา การเคหะ และอายุคาดเฉลี่ย กฎบัตรเสรีภาพ ซึ่งได้ถูกรับเอามาใช้โดยพันธมิตรคองเกรส ค.ศ. 1955 เรียกร้องถึงสังคมที่ไร้การแบ่งแยกเชื้อชาติ และยุติการเลือกปฏิบัติ
แอฟริกาใต้ | ไทย |
สาธารณรัฐแอฟริกาใต้กับราชอาณาจักรไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2536 แอฟริกาใต้มีสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยที่กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ แอฟริกาใต้ยังได้แต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ประจำจังหวัดเชียงใหม่ และมีเขตอาณาทางการกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงรายอีกด้วย และประเทศแอฟริกาใต้มีสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพริทอเรีย
แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่มีความสำคัญที่สุดประเทศหนึ่งสำหรับไทยในทวีปแอฟริกา โดยเป็นหุ้นส่วนหลักทางยุทธศาสตร์ของไทยทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
จุดสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเกิดขึ้นเมื่ออดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลา เดินทางเยือนประเทศไทยและได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อปี 2539 ซึ่งนับว่าเป็นการแสดงถึงจุดสูงสุดของไมตรีจิตรและมิตรภาพที่มีอยู่ระหว่างประชาชนของสองประเทศ
แอฟริกาใต้เป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของประเทศไทยในทวีปแอฟริกา และเป็นตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ และไทยเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของประเทศแอฟริกาใต้ในกลุ่มประเทศอาเซียน
จากการสำรวจของบริษัทนำเที่ยวในแอฟริกาใต้ ประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเป็นอันดับ 2 ของชาวแอฟริกาใต้ รองจากประเทศมอริเชียส โดยในปี 2561 มีนักท่องเที่ยวชาวแอฟริกาใต้เดินทางมาประเทศไทยจำนวน 102,713 คน ซึ่งแอฟริกาใต้ถือเป็นตลาดการท่องเที่ยวของไทยที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา
ประเทศแอฟริกาใต้แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 จังหวัด (provines-provinsie) โดยแต่ละจังหวัดจะมีเมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด ได้แก่
จังหวัด | เมืองหลวง | เมืองใหญ่สุด | พื้นที่ | ประชากร |
---|---|---|---|---|
จังหวัดอีสเทิร์นเคป | บิโช | พอร์ตเอลิซาเบท | 168,966 | 6,829,958 |
จังหวัดฟรีสเตต | บลูมฟอนเทน | บลูมฟอนเทน | 129,825 | 2,759,644 |
จังหวัดเคาเต็ง | โจฮันเนสเบิร์ก | โจฮันเนสเบิร์ก | 18,178 | 11,328,203 |
จังหวัดควาซูลู-นาตัล | ปีเตอร์มาริตซ์เบิร์ก | เดอร์บัน | 94,361 | 10,819,130 |
จังหวัดลิมโปโป | โพโลเควน | โพโลเควน | 125,754 | 5,554,657 |
จังหวัดพูมาลังกา | เนลสไปรต์ | เนลสไปรต์ | 76,495 | 3,657,181 |
จังหวัดนอร์ทเวสต์ | มาเฮเคง | รุสเทนเบิร์ก | 104,882 | 3,253,390 |
จังหวัดนอร์เทิร์นเคป | คิมเบอร์เลย์ | คิมเบอร์เลย์ | 372,889 | 1,096,731 |
จังหวัดเวสเทิร์นเคป | เคปทาวน์ | เคปทาวน์ | 129,462 | 5,287,863 |
ปัญหาด้านการศึกษาของชาวแอฟริกาใต้ ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่และสำคัญที่สุด เพราะหากชาวแอฟริกาใต้ได้รับการศึกษาที่ดีแน่นอนว่าย่อมจะได้รับการพัฒนาประชากร เมื่อคนได้รับความรู้ ก็สามารถที่จะนำความรู้ที่ได้นี้ไปปรับใช้เพื่อนำไปพัฒนาแหล่งที่อยู่อาศัย สภาพความเป็นอยู่ รวมทั้งการนำไปพัฒนาในด้านต่าง ๆ ของตนเองและครอบครัวให้มีชีวิตที่ดีขึ้น จึงอาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่ชาวแอฟริกาใต้ต้องการมากไม่แพ้ในสิ่งอื่นใดนั่นก็คือการศึกษา ในปัจจุบันการศึกษาจะถูกจำกัดไว้แค่คนที่มีฐานะเท่านั้น ส่วนคนจนแทบจะไม่ได้รับการศึกษาหรือได้รับการศึกษาที่น้อยมาก
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ชาวผิวขาว เป็นชาวยุโรป ที่สืบเชื้อสายจากชาวดัตช์, ชาวอังกฤษ และชาวฝรั่งเศส ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในแอฟริกาใต้ ปัจจุบันเรียกว่าชาวอาฟรีกาเนอร์ ชาวผิวสี เป็นชาวเลือดผสมระหว่างชาวอาฟรีกาเนอร์, ชาวพื้นเมือง, และชาวมลายูที่อพยพเข้ามา ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในจังหวัดเวสเทิร์นเคป และชาวพื้นเมืองเป็นชาวพื้นเมืองดั้งเดิมของทวีปแอฟริกา เช่น ชาวซูลู เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีชาวอินเดียที่ส่วนมากอาศัยอยู่ในจังหวัดควาซูลู-นาตัล อีกด้วย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
คริสต์ร้อยละ 79.77% ไม่มีศาสนา 15.1% อิสลาม 1.46% พราหมณ์-ฮินดู 1.25% พุทธ 1.15%และอื่นๆอีก 1.42%
ประเทศแอฟริกาใต้มีภาษาราชการ 11 ภาษา ได้แก่ ภาษาอาฟรีกานส์, ภาษาอังกฤษ, ภาษาซูลู, ภาษาโชซา, ภาษาสวาตี, ภาษาเอ็นเดเบลี, ภาษาซูทูใต้, ภาษาซูทูเหนือ, ภาษาซองกา, ภาษาสวันนา และภาษาเวนดา ชาวแอฟริกาใต้ส่วนใหญ่สามารถใช้ภาษาอาฟรีกานส์และภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้
ฟุตบอลทีมชาติแอฟริกาใต้ (อังกฤษ: South Africa national football team) หรือ บาฟานา บาฟานา (Bafana Bafana มีความหมายว่าเด็กชาย) เป็นตัวแทนทีมฟุตบอลจากประเทศแอฟริกาใต้ อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฟุตบอลแอฟริกาใต้ (SAFA) ทีมกลับมาเล่นระดับโลกในปี 1992 หลังจากหลายปีที่ถูกฟีฟ่าแบนจากนโยบายการแบ่งแยกสีผิว และในปี 2010 แอฟริกาใต้เป็นประเทศแรกของทวีปแอฟริกาที่เป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลโลก 2010 เดือนมิถุนายน ซิฟิเว่ ชาบาลาล่ายังเป็นคนแรกที่ทำประตูให้กับทีมชาติแอฟริกาใต้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ทีมชาติแอฟริกาใต้ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้ชนะการแข่งขันแอฟริกาคัพออฟเนชันส์ ในปี 1996 ที่ประเทศตนเองเป็นเจ้าภาพ
กีฬารักบี้เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในแอฟริกาใต้อย่างมากพอๆกับฟุตบอล ทีมชาติแอฟริกาใต้เป็นทีมรักบี้ที่เก่งระดับโลกและมีผู้เล่นมากฝีมือมากมาย เช่น Percy Montgomery นักรักบี้ทีมชาติแอฟริกาใต้ที่เกิดในประเทศนามิเบีย
เครื่องดนตรีพื้นเมืองคือวูวูเซลา (อังกฤษ: vuvuzela, เป็นภาษาซูลู แปลว่า ทำให้เกิดเสียงดัง) หรือในบางครั้งเรียก เลปาตาตา (Lepatata ในภาษาสวานา) เป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่าคล้ายทรัมเป็ต เป็นเครื่องดนตรีและวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองแอฟริกาใต้ มีความยาวประมาณ 1 เมตร เสียงของวูวูเซลา เป็นไปในลักษณะดังกึกก้อง คล้ายเสียงร้องของช้าง (บ้างก็บอกว่าคล้ายแมลงหวี่) และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการแข่งขันฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2009 และฟุตบอลโลก 2010
This article uses material from the Wikipedia ไทย article ประเทศแอฟริกาใต้, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.