เส้นทางสายไหม บ้างเรียก เส้นทางแพรไหม (อังกฤษ: Silk Road หรือ Silk Route) เป็นชุดเส้นทางการส่งการค้าและวัฒนธรรมซึ่งเป็นศูนย์กลางของอันตรกิริยาทางวัฒนธรรมผ่านภูมิภาคของทวีปเอเชียที่เชื่อมตะวันตกและตะวันออกโดยการโยงพ่อค้าวาณิช ผู้แสวงบุญ นักบวช ทหาร ชนเร่ร่อนและผู้อาศัยในเมืองจากจีนและอินเดียไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนระหว่างเวลาหลายสมัย
เส้นทางสายไหม | |
---|---|
เส้นทางหลักของเส้นทางสายไหม | |
ข้อมูลของเส้นทาง | |
ความยาว | 4,000 ไมล์ (6,400 กิโลเมตร) |
ช่วงเวลา | ราชวงศ์ฮั่น–คริสต์ทศวรรษ 1450 |
เส้นทางสายไหม : โครงข่ายเส้นทางฉนวนฉางอาน-เทียนชาน * | |
---|---|
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก | |
ประเทศ | จีน, คาซัคสถาน, คีร์กีซสถาน |
ประเภท | มรดกทางวัฒนธรรม |
เกณฑ์พิจารณา | (ii) (iii) (v) (vi) |
อ้างอิง | 1442 |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2557 (คณะกรรมการสมัยที่ 38) |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
เส้นทางสายไหม : ฉนวนซารัฟชอน-การากุม * | |
---|---|
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก | |
ประเทศ | ทาจิกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน, อุซเบกิสถาน |
ประเภท | มรดกทางวัฒนธรรม |
เกณฑ์พิจารณา | (ii) (iii) (v) |
อ้างอิง | 1675 |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2566 (คณะกรรมการสมัยที่ 45) |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
เส้นทางสายไหมมีความยาว 6,437 กิโลเมตร (4,000 ไมล์) ได้ชื่อมาจากการค้าผ้าไหมจีนที่มีกำไรมากตลอดเส้นทาง เริ่มตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 220) ราชวงศ์ฮั่นขยายเส้นทางการค้าส่วนเอเชียกลางราว 114 ปีก่อนคริสศักราช ส่วนใหญ่ผ่านคณะทูตและการสำรวจของผู้แทนทางการทูตจักรวรรดิจีน จางเชียน (Zhang Qian) ชาวจีนสนใจมากกับความปลอดภัยของผลิตถัณฑ์การค้าของพวกตนและขยายกำแพงเมืองจีนเพื่อประกันการคุ้มครองเส้นทางการค้านี้
การค้าบนเส้นทางสายไหมเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาของอารยธรรมจีน อนุทวีปอินเดีย เปอร์เซีย ทวีปยุโรปและคาบสมุทรอาหรับ โดยเปิดอันตรกิริยาทางการเมืองและเศรษฐกิจทางไกลระหว่างอารยธรรม แม้ผ้าไหมเป็นสินค้าหลักจากจีน แต่ก็มีการค้าสินค้าอื่นจำนวนมาก ศาสนา ปรัชญาหลายความเชื่อและเทคโนโลยีต่าง ๆ จนถึงโรคก็ไปมาตามเส้นทางสายไหมเช่นกัน นอกเหนือจากการค้าทางเศรษฐกิจแล้ว เส้นทางสายไหมยังใช้เป็นการค้าทางวัฒนธรรมในบรรดาอารยธรรมตามเครือข่ายเส้นทางด้วย
ผู้ค้าหลักระหว่างยุคโบราณ คือ ชาวจีน เปอร์เซีย กรีก ซีเรีย โรมัน อาร์มีเนีย อินเดียและแบกเตรีย (Bactrian) และตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง 8 เป็นชาวซอกเดีย (Sogdian) ระหว่างการเจริญของศาสนาอิสลาม พ่อค้าอาหรับกลายมาโดดเด่น
ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 38 พ.ศ. 2557 ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ มีมติให้ขึ้นทะเบียนเส้นทางสายไหมในจีน คาซัคสถาน และคีร์กีซสถาน เป็นแหล่งมรดกโลกภายใต้ชื่อ เส้นทางสายไหม : โครงข่ายเส้นทางฉนวนฉางอาน-เทียนชาน (Silk Roads: the Routes Network of Chang'an-Tianshan Corridor) โดยให้เหตุผลว่า เส้นทางนี้เป็นที่ยอมรับกันว่ามรดกทางอารยธรรของมนุษยชาติ ในฐานะเป็นเส้นทางโบราณในการติดต่อค้าขายและสื่อสารระหว่างตะวันออกกับตะวันตก และต่อมาในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 45 พ.ศ. 2566 ณ กรุงรียาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย มีมติให้ขึ้นทะเบียนเส้นทางสายไหมเป็นแหล่งมรดกโลกภายใต้ชื่อ เส้นทางสายไหม : ฉนวนซารัฟชอน-การากุม (Silk Roads: Zarafshan-Karakum Corridor)
This article uses material from the Wikipedia ไทย article เส้นทางสายไหม, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.