ฮาเกียโซเฟีย (อังกฤษ: Hagia Sophia; กรีกคอยนี: Ἁγία Σοφία, อักษรโรมัน: Hagía Sophía) หรือ อายาโซฟยา (ตุรกี: Ayasofya) แปลว่า พระปรีชาญาณศักดิ์สิทธิ์ (Holy Wisdom; ละติน: Sancta Sofia) ชื่ออย่างเป็นทางการว่า มัสยิดใหญ่อายาโซฟยาอันศักดิ์สิทธิ์ (ตุรกี: Ayasofya-i Kebir Camii Şerifi) และในอดีตมีชื่อว่า คริสตจักรฮาเกียโซเฟีย (ตุรกี: Ayasofya Kilisesi; กรีก: Ναός της Αγίας του Θεού Σοφίας, อักษรโรมัน: Naós tis Ayías tou Theoú Sofías; ละติน: Ecclesia Sanctae Sophiae) เป็นศาสนสถานจากปลายสมัยโบราณ ตั้งอยู่ในอิสตันบูล ผู้ออกแบบ คือ อีซีดอร์แห่งไมลิทัส และแอนทิเมียสแห่งทรัลเลส ชาวกรีกทั้งคู่ โดยสร้างใน ค.ศ.
537 เพื่อเป็นอาสนวิหารประจำเขตอัครบิดรคอนสแตนติโนเปิล นับเป็นโบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิโรมันตะวันออกและศาสนจักรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ ยกเว้นในสมัยจักรวรรดิละตินช่วง ค.ศ. 1204–1261 ซึ่งศาสนถานนี้กลายเป็นอาสนวิหารคริสตจักรละตินประจำนครแทน ต่อมาใน ค.ศ. 1453 หลังจากที่เสียคอนสแตนติโนเปิลให้แก่จักรวรรดิออตโตมัน ศาสนสถานนี้ก็ได้รับการแปรเปลี่ยนเป็นมัสยิด ใน ค.ศ. 1935 สาธารณรัฐเติร์กซึ่งเป็นกลางทางศาสนาได้จัดศาสนสถานนี้เป็นพิพิธภัณฑ์แทน (ตุรกี: Ayasofya Müzesi) กระทั่งใน ค.ศ. 2020 จึงมีการเปิดศาสนสถานนี้เป็นมัสยิดอีกครั้ง
มัสยิดฮาเกียโซเฟียในอิสตันบูล ฮาเกียโซเฟียถูกสร้างขึ้นใน ค.ศ. 537 ในรัชสมัยของจักรพรรดิยุสตินิอานุส หอคอยสุเหร่าถูกเพิ่มเข้ามา ในขณะที่ฮาเกียโซเฟียถูกแปรเปลี่ยนเป็นมัสยิด ในคริสต์ศตวรรษที่ 15–16 ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน | |
พิกัด | 41°0′30.48″N 28°58′48.93″E / 41.0084667°N 28.9802583°E |
---|---|
บางส่วน | พื้นที่ประวัติศาสตร์ของอิสตันบูล |
เกณฑ์พิจารณา | มรดกทางวัฒนธรรม: i, ii, iii, iv |
อ้างอิง | 356 |
ขึ้นทะเบียน | 1985 (สมัยที่ 9) |
ที่ตั้ง | ฟาติฮ์, อิสตันบูล, ตุรกี |
ผู้ออกแบบ | อีซีโดเรแห่งมีลเลตุส อันตีมอุสแห่งตรัลเลส |
ประเภท |
|
วัสดุ | แอชลาร์, อิฐโรมัน |
ความยาว | 82 เมตร (269 ฟุต) |
ความกว้าง | 73 เมตร (240 ฟุต) |
ความสูง | 55 เมตร (180 ฟุต) |
เริ่มก่อสร้าง | 360 |
สร้างเสร็จ | 537 |
อุทิศแด่ | พระปรีชาญาณศักดิ์สิทธิ์ หมายถึงพระวจนะ พระบุคคลที่สองในตรีเอกภาพ |
ช่วง ค.ศ. 532–537 จักรพรรดิยุสตินิอานุสที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออก ทรงสถาปนาศาสนสถานนี้ขึ้นเป็นอาสนวิหารประจำกรุงคอนสแตนติโนเปิลสำหรับคริสตจักรประจำชาติจักรวรรดิโรมัน ยุคนั้น สถานที่แห่งนี้เป็นอาคารโถงที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในอาคารแรก ๆ ที่ใช้โดมชนิดสามเหลี่ยมโค้งอย่างเต็มรูปแบบ ถือกันว่า เป็นตัวแทนของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ทีเดียว นอกจากนี้ ยังกล่าวกันว่า เป็นจุด "เปลี่ยนประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม" ด้วย แต่อาคารดั้งเดิมดังกล่าวถูกทำลายไปในระหว่างการจลาจลนิกา ส่วนอาคารที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นแบบจัสติเนียนนั้น เกิดจากการบูรณะในครั้งที่สาม ศาสนสถานแห่งนี้ใช้เป็นสำนักของอัครบิดรแห่งคอนสแตนติโนเปิล และดำรงสถานะเป็นอาสนวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาเกือบ 1,000 ปี จนกระทั่งถูกแทนที่ด้วยอาสนวิหารเซอวิลซึ่งสร้างแล้วเสร็จใน ค.ศ. 1520 เริ่มแรกฮาเกียโซเฟียใช้สถาปัตยกรรมไบแซนไทน์แบบสมัยหลัง และได้ชื่อว่าเป็นแบบฉบับของโบสถ์ออร์ทอดอกซ์ อันเป็นรูปแบบที่มัสยิดออตโตมันพยายามจำลองมาใช้ในอีก 1,000 ปีให้หลัง นอกจากนี้ ศาสนสถานแห่งนี้ยังได้รับการพรรณาว่า "มีสถานะพิเศษในโลกคริสเตียน" ทั้งเป็นต้นแบบทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมแห่งอารยธรรมไบแซนไทน์และอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์
ศาสนสถานแห่งนี้อุทิศถวายแด่ "พระปรีชาญาณศักดิ์สิทธิ์" ซึ่งก็คือ พระวจนะ อันนับเป็นพระบุคคลลำดับที่สองในตรีเอกภาพ มีเทศกาลประจำปีทุก ๆ วันที่ 25 ธันวาคม (คริสต์มาส) เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่พระวจนะทรงรับเป็นมนุษย์ คำว่า "โซเฟีย" ในชื่อของสถานที่นั้น มาจากภาษากรีก แปลว่า "ปรีชาญาณ" และบางทีก็ได้รับการขนานนามว่า "เซนต์โซเฟีย" แต่มิได้เกี่ยวข้องกับนักบุญโซเฟียแห่งซอร์ติโนผู้ได้รับยกย่องเป็นมรณสักขี และในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของศาสนจักรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์มาเกือบ 1,000 ปี ศาสนสถานนี้ได้ผ่านเหตุการณ์สำคัญมากมาย ซึ่งรวมถึงการที่นักบวชฮัมเบิร์ตแห่งซิลวากันดิดาประกาศขับอัครบิดรไมคิลที่ 1 คีรูลาเรียสจากศาสนจักรใน ค.ศ. 1054 ตามรับสั่งของสันตะปาปาลีโอที่ 9 อันถือกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นของศาสนเภทครั้งใหญ่ ต่อมาใน ค.ศ. 1204 กองทัพครูเสดชุดที่ 4 ปรับเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้จากศาสนสถานของอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์เป็นศาสนสถานของละตินแคทอลิกในความปกครองของจักรวรรดิละติน กระทั่งจักรวรรดิไบแซนไทน์หวนคืนสู่อำนาจใน ค.ศ. 1261 จึงได้รับการปรับคืนเป็นสถานที่ของอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ และร่างไร้วิญญาณของเอ็นริโก ดันโดโล ผู้เป็นดอเจแห่งเวนิสและเป็นผู้นำสงครามครูเสดครั้งนั้น ยังฝังไว้ภายในศาสนสถานแห่งนี้
เมื่อกรุงคอนสแตนติโนเปิลตกสู่เงื้อมมือของจักรวรรดิออตโตมันใน ค.ศ. 1453 สุลต่านเมห์เหม็ดผู้พิชิตทรงให้แปรเปลี่ยนศาสนสถานนี้เป็นมัสยิด ส่วนสำนักอัครบิดรก็ย้ายไปอยู่ที่โบสถ์อัครทูตซึ่งได้กลายเป็นอาสนวิหารประจำพระนครแทน และแม้หลายหลายภาคส่วนของคอนสแตนติโนเปิลจะทรุดโทรมลง แต่ศาสนสถานแห่งนี้ได้รับการซ่อมบำรุงอยู่เสมอด้วยกองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อการนั้นโดยเฉพาะ และบรรดาประมุขคนใหม่ ๆ แห่งออตโตมัน ก็มีความประทับใจอย่างยิ่งในคริสต์ศาสนาแห่งนี้ แม้จะเป็นผู้ก่อให้เกิดการแปลงสถานที่นั้นเป็นมัสยิดก็ตาม อย่างไรก็ดี ในการแปลงเปลี่ยนสถานที่นั้น มีการโยกย้ายระฆัง แท่นบูชา ฉากรูปบูชา แท่นเทศนา และหอล้างบาป ทั้งมีการทำลายพระสารีริกธาตุ ส่วนโมเสกที่เป็นภาพพระเยซู พระแม่มารี นักบุญในศาสนาคริสต์ และเทวทูตต่าง ๆ ที่สุดแล้วก็ถูกทำลายหรือป้ายปูนทับ ไม่เท่านั้น ยังมีการเพิ่มเติมลักษณะทางสถาปัตยกรรมอิสลามเข้าไป เช่น แท่นมิมบัร หอมินาเรต และซุ้มมิฮ์รอบ นับตั้งแต่ช่วงเริ่มแรกของการแปลงสถานที่ให้เป็นมัสยิด ไปจนถึงค.ศ. 1616 ที่มีการสร้างมัสยิดสุลต่านอาห์เมดขึ้นอยู่ข้างเคียง สถานที่นี้มีสถานะเป็นมัสยิดกลางประจำอิสตันบูล และสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ก็ยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่อาคารทางศาสนาหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงมัสยิดสุลต่านอาห์เมดนั้นเองด้วย
สถานที่แห่งนี้เป็นมัสยิดจนถึง ค.ศ. 1931 แล้วปิดมิให้สาธารณชนเข้าเป็นเวลาสี่ปี ก่อนกลับมาเปิดใหม่ใน ค.ศ. 1935 ในฐานะพิพิธภัณฑ์ ตามคำสั่งของสาธารณรัฐตุรกี กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของตุรกีเปิดเผยว่า สถานที่แห่งนี้เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวซึ่งมีผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุดใน ค.ศ. 2015 และ 2019
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020 สภาแห่งรัฐของตุรกียกเลิกมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อ ค.ศ. 1934 ที่ให้จัดแต่งสถานที่นี้เป็นพิพิธภัณฑ์ และประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน สั่งให้จัดสถานที่นี้กลับคืนเป็นมัสยิด การกระทำดังกล่าวเป็นที่ประณามของพรรคฝ่ายค้านตุรกี ผู้นำนานาชาติหลายคน ตลอดจนองค์การระหว่างประเทศ เช่น ยูเนสโก สภาโบสถ์โลก และสมาคมศึกษาไบแซนไทน์ระหว่างประเทศ
This article uses material from the Wikipedia ไทย article ฮาเกียโซเฟีย, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.