คตินิยมสิทธิสตรี หรือ สตรีนิยม หรือ เฟมินิสม์ (อังกฤษ: feminism) เป็นกลุ่มขบวนการและอุดมการณ์ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อนิยาม จัดตั้งและปกป้องสิทธิทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมแก่สตรี ซึ่งรวมถึงการแสวงจัดตั้งโอกาสที่เท่าเทียมแก่สตรีในการศึกษาและการจ้างงานด้วย ทั้งนี้ ระวังสับสนกับลัทธินิยมผู้หญิงหรือวูแมนนิสม์ (Womanism) ซึ่งเป็นแนวคิดคนละอย่างกัน
ชาร์ล ฟูรีเย นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นผู้ให้กำเนิดคำว่า "เฟมินิสม์" ในปี 1837 คำว่า "เฟมินิสม์" และ "เฟมินิสต์" ปรากฏครั้งแรกในฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ในปี 1872 บริเตนใหญ่ในคริสต์ทศวรรษ 1890 และสหรัฐอเมริกาในปี 1910, และพจนานุกรมภาษาอังกฤษ ฉบับออกซฟอร์ดระบุว่า ปี 1894 เป็นปีที่ปรากฏคำว่า "เฟมินิสต์" ครั้งแรก และปี 1895 ปรากฏคำว่า "เฟมินิสม์" ครั้งแรก ปัจจุบัน พจนานุกรมภาษาอังกฤษ ฉบับออกซฟอร์ด นิยามเฟมินิสต์ว่าเป็น "ผู้สนับสนุนสิทธิและความเสมอภาคของสตรี"
ทฤษฎีคตินิยมสิทธิสตรี ซึ่งกำเนิดขึ้นจากขบวนการคตินิยมสิทธิสตรีเหล่านี้ มีเป้าหมายเพื่อทำความเข้าใจความไม่เสมอภาคทางเพศสภาพโดยการสังเกตบทบาททางสังคมและประสบการณ์ชีวิตของสตรี มีการพัฒนาทฤษฎีในหลายสาขาวิชาเพื่อตอบสนองต่อประเด็นอย่างการประกอบสร้างเพศและเพศภาวะ คตินิยมสิทธิสตรีในอดีตบางรูปแบบถูกวิจารณ์ว่า คำนึงถึงแต่มุมมองของสตรีผิวขาว ชนชั้นกลางและมีการศึกษาเท่านั้น ซึ่งนำไปสู่คตินิยมสิทธิสตรีรูปแบบเจาะจงเชื้อชาติหรือหลายวัฒนธรรม
การรณรงค์สิทธิสตรีของนักเคลื่อนไหวคตินิยมสิทธิสตรี เช่น ในกฎหมายสัญญา กรรมสิทธิ์และการออกเสียงเลือกตั้ง ขณะที่สนับสนุนความชอบธรรมในร่างกาย การตัดสินใจเรื่องส่วนบุคคลและสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์แก่สตรี การรณรงค์คตินิยมสิทธิสตรีได้เปลี่ยนแปลงสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกตะวันตก โดยการบรรลุสิทธิออกเสียงเลือกตั้งของผู้หญิง ความเป็นกลางของเพศสภาพในภาษาอังกฤษ การจ่ายค่าจ้างเท่าเทียมแก่สตรี สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ของสตรี รวมถึงการเข้าถึงการคุมกำเนิดและการทำแท้ง และสิทธิในการทำสัญญาและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ นักคตินิยมสิทธิสตรีทำงานเพื่อปกป้องสตรีและเด็กหญิงจากความรุนแรงในครอบครัว การล่วงละเมิดทางเพศและการทำร้ายทางเพศ พวกเขายังสนับสนุนสิทธิในที่ทำงาน รวมถึงการลาคลอด และต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ แต่เพราะคตินิยมสิทธิสตรีแสวงความเท่าเทียมทางเพศ จึงมีนักคตินิยมสิทธิสตรีบางคนแย้งว่า การปลดปล่อยบุรุษก็เป็นส่วนที่จำเป็นของคตินิยมสิทธิสตรีเช่นกัน และว่าบุรุษเองก็ถูกทำร้ายจากลัทธิกีดกันทางเพศและบทบาทประจำเพศเช่นกัน
ทฤษฎีสตรีนิยมเป็นส่วนขยายของคตินิยมสิทธิสตรีในด้านทฤษฎีหรือปรัชญา ครอบคลุมการทำงานในสาขาวิชาต่าง ๆ รวมทั้งมานุษยวิทยา สังคมวิทยา เศรษฐศาสตร์ การศึกษาของสตรีการวิจารณ์วรรณกรรมประวัติศาสตร์ศิลปะ จิตวิเคราะห์ และปรัชญา ทฤษฎีสตรีนิยมมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความไม่เสมอภาคทางเพศและมุ่งเน้นไปที่การเมือง ความสัมพันธ์ อำนาจ และเรื่องทางเพศ ในขณะที่การให้คำวิจารณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางสังคมและการเมืองเหล่านี้ ทฤษฎีสตรีนิยมส่วนใหญ่ยังเน้นการส่งเสริมสิทธิและความสนใจของสตรี หัวข้อการอภิปรายหลัก ได้แก่ การเลือกปฏิบัติ สามัญทัศน์ การทำให้เป็นวัตถุโดยเฉพาะทางเพศ (objectification) การกดขี่ และการปกครองแบบผู้ชายเป็นใหญ่
This article uses material from the Wikipedia ไทย article คตินิยมสิทธิสตรี, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.