เคลาส์ ฟิลลิพ มารีอา เช็งค์ กราฟ ฟ็อน ชเตาเฟินแบร์ค (เยอรมัน: Claus Philipp Maria Schenk Graf von Stauffenberg) เป็นนายทหารบกเยอรมัน มีชื่อเสียงจากการเป็นผู้นำแผนลับ 20 กรกฎาคม ค.ศ.
1944 เพื่อสังหารอดอล์ฟ ฮิตเลอร์และยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคนาซี และยังถือเป็นบุคคลสำคัญของขบวนการต่อต้านนาซีในเยอรมนี ภายหลังแผนการล้มเหลว เขาถูกประหารชีวิตพร้อมกับผู้ก่อการคนอื่นๆ
เคลาส์ ฟ็อน ชเตาเฟินแบร์ค | |
---|---|
ชเตาเฟินแบร์คและอัลเบร็ชท์ แมทซ์ ฟ็อน เควียร์นไฮม์ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1944 | |
ชื่อเกิด | Claus Philipp Maria Schenk Graf von Stauffenberg |
เกิด | 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1907 เย็ททิงเงิน จักรวรรดิเยอรมัน |
เสียชีวิต | 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1944 เบอร์ลิน นาซีเยอรมนี | (36 ปี)
รับใช้ | |
แผนก/ | กองทัพบก |
ประจำการ | 1926–1944 |
ชั้นยศ | พันเอก (Oberst) |
การยุทธ์ | |
บำเหน็จ | กางเขนเหล็กชั้นหนึ่ง |
คู่สมรส | Magdalena Freiin von Lerchenfeld (สมรส 1933) |
บุตร | 3 คน |
ชื่อเต็มของชเตาเฟินแบร์คคือ เคลาส์ ฟิลลิพ มารีอา ยุสทีนีอัน ตัวเขามีบรรดาศักดิ์ขุนนาง "กราฟ ฟ็อน ชเตาเฟินแบร์ค" เขาเกิดที่ปราสาทเย็ททิงเงิน ทางตะวันออกของภาคชวาเบิน ในราชอาณาจักรบาวาเรีย ส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเยอรมัน เป็นบุตรคนที่สามในสี่คนของครอบครัว ตระกูลชเตาเฟินแบร์คเป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางคาทอลิกเก่าแก่ไม่กี่ตระกูลในภาคใต้ของเยอรมนี
ชเตาเฟินแบร์คได้ติดยศร้อยตรีในปีค.ศ. 1930 ชเตาเฟินแบร์คมีความคิดเห็นด้วยกับนโยบายชาติพันธุ์และชาตินิยมของพรรคนาซี และเขาสนับสนุนการบุกยึดโปแลนด์ เขายังลงคะแนนเสียงให้ฮิตเลอร์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ค.ศ. 1932 กระนั้น เขาไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคนาซี และคัดค้านนโยบายอื่นหลายอย่างของฮิตเลอร์ อาจกล่าวได้ว่าในจุดนี้เขาทั้งรักทั้งชังฮิตเลอร์ เหตุการณ์ที่ทำให้ชเตาเฟินแบร์คถอยห่างออกมาจากพรรคนาซีอย่างไม่มีวันกลับคือคืนมีดยาวและคืนกระจกแตก เขามองว่าฮิตเลอร์เป็นคนไร้คุณธรรม นอกจากนี้ การกดขี่ชาวยิวอย่างรุนแรงและการกดขี่ศาสนาได้ขัดแย้งกับหลักศีลธรรมในใจของชเตาเฟินแบร์ค เนื่องจากครอบครัวของชเตาเฟินแบร์คมีความศรัทธาต่อคาทอลิกอย่างเคร่งครัด
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้นในปีค.ศ. 1939 ชเตาเฟินแบร์คและหน่วยของเขามีส่วนร่วมในการบุกครองโปแลนด์ เขาสนับสนุนให้เยอรมนียึดครองโปแลนด์และใช้ชาวยิวเป็นทาสแรงงานเพื่อความรุ่งเรืองของเยอรมนี เมื่อเสร็จศึกโปแลนด์ ชเตาเฟินแบร์คเริ่มรับรู้ถึงความเลวร้ายของระบอบนาซี ลุงของเขาสังเกตเห็นได้จึงพยายามโน้มน้าวให้เข้าร่วมกับขบวนการต่อต้านนาซี เขาถูกร้องขอให้เป็นทหารผู้ช่วยของจอมพลวัลเทอร์ ฟ็อน เบราคิทช์ ผู้บัญชาการใหญ่กองทัพบกในขณะนั้น เพื่อร่วมวางแผนรัฐประหาร ชเตาเฟินแบร์คปฏิเสธโดยอ้างว่าทหารทุกนายได้ปฏิญาณความภักดีต่อฮิตเลอร์ไปแล้วในค.ศ. 1934
ต่อมาเขาได้ถูกย้ายไปสังกัดหน่วยขึ้นตรงกองบัญชาการใหญ่กองทัพบกในช่วงสงครามลวง ในตอนนี้เขายังไม่ได้คิดวางแผนรัฐประหารใดๆ แต่พี่ชายสองคนของชเตาเฟินแบร์คเริ่มติดต่อกับฝ่ายต่อต้านทั้งพลเรือนและทหารแล้ว ชเตาเฟินแบร์คถูกโอนย้ายไปสังกัดกองพลยานเกราะที่ 6 และทำหน้าที่เป็นนายทหารเสนาธิการในช่วงยุทธการที่ฝรั่งเศส ในช่วงนี้เขาได้รับกางเขนเหล็กชั้นหนึ่ง ในปีค.ศ. 1943 ชเตาเฟินแบร์คในยศพันโทถูกส่งตัวไปปฏิบัติหน้าที่นายทหารเสนาธิการของกองทัพน้อยแอฟริกาที่ประเทศตูนีเซีย เขาได้รับบาดเจ็บในสนามรบที่นี่ โดยสูญเสียตาซ้าย, แขนขวา, และสองนิ้วมือซ้าย
หลังพักรักษาตัวอยู่หลายเดือน ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1943 ชเตาเฟินแบร์คได้รับการจัดแจงโดยทหารระดับสูงในฝ่ายต่อต้านให้เป็นนายทหารเสนาธิการในกองบัญชาการกำลังสำรอง (Ersatzheer) ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเบอร์ลิน จนกระทั่งเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1944 เขาได้เลื่อนยศเป็นพันเอกและได้ตำแหน่งใหม่เป็นหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บัญชาการกำลังสำรอง พลเอกอาวุโสฟรีดริช ฟร็อม เมื่อได้ดำรงตำแหน่งนี้ สิ่งแรกที่เขาทำคือการนำร่างปฏิบัติการวัลคือเรอ ฉบับแก้ไขไปขออนุมัติต่อฮิตเลอร์ เพื่อที่จะใช้ก่อรัฐประหาร
This article uses material from the Wikipedia ไทย article เคลาส์ ฟ็อน ชเตาเฟินแบร์ค, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.