หนังสือปฐมกาล

หนังสือปฐมกาล (อังกฤษ: Book of Genesis; ฮีบรู: בראשית; แอราเมอิก: ܣܦܪܐ ܕܒܪܝܬܐ; กรีก: Γένεση) มาจากภาษากรีกว่า “การเกิด” หรือ “ที่มา” เป็นหนังสือที่กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของโลก มนุษย์ และอิสราเอล ซึ่งเป็นตัวแทนของชนชาติที่พระเจ้าได้เลือกไว้ (ซึ่งมีความนัยทางเทววิทยา) ชื่อ ปฐมกาล แปลมาจากคำแรกของคัมภีร์ฮีบรูคำว่า בראשית (B'reshit or Bərêšîth) แปลว่า ในปฐมกาล...

ผู้เขียน

หนังสือปฐมกาลเป็นหนังสือเล่มแรกของคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิม (โทราห์) และเป็นเล่มแรกในหมวดเบญจบรรณ ชาวยิวเชื่อว่าโมเสสเป็นผู้เขียนขึ้น เนื้อหากล่าวถึงประวัติการสร้างโลกของพระยาห์เวห์ จนถึงลำดับลูกหลานของวงศ์วานอิสราเอล และการเข้าสู่อียิปต์ ซึ่งประกอบด้วยเรื่องที่รู้จักกันแพร่หลายดี เช่น อาดัมกับเอวา เรือโนอาห์ หอบาเบล ฯลฯ

สำหรับศาสนายูดาห์ ความสำคัญทางคริสต์ศาสนวิทยาเน้นพันธสัญญา (Covenants) ซึ่งเป็นพันธสัญญาระหว่างพระยาห์เวห์กับชาติที่ได้รับเลือก (Chosen People) คือชาวยิว เกี่ยวกับดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) ที่พระเจ้าทรงประทาน สำหรับศาสนาคริสต์ ตีความหมายมาสู่ความเชื่อว่า พระเยซูเปรียบได้กับอาดัมคนใหม่ และพันธสัญญาใหม่เป็น “บทสรุปของพันธสัญญาเดิม”

โครงสร้างของ หนังสือปฐมกาล ประกอบด้วย ประวัติศาสตร์ช่วงต้น (primeval history) (ปฐมกาล 1-11) กับ ลำดับพงศาวลี (biblical Patriarchs) ขณะที่ โครงเรื่องเกี่ยวกับโยเซฟ (บุตรยาโคบ) เป็นเรื่องเล่าต่างหาก ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าหนังสือปฐมกาลเขียนโดยผู้ไม่ออกนามและมีการแก้ไขระหว่างศตวรรษที่ 10 ถึง 5 ก่อนคริสตกาล

เนื้อหาโดยสรุป

หนังสือปฐมกาล 
อาดัมและเอวาโดยทิเชียน (Titian)

หนังสือปฐมกาลเริ่มต้นด้วยการทรงสร้างของพระเจ้า ทั้งการสร้างฟ้าสวรรค์ โลก สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ อาดัมและเอวามนุษย์คู่แรก รวมทั้งการกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของความบาปอันเป็นเหตุให้มนุษย์ถูกขับออกจากสวนเอเดน และหนังสือปฐมกาลก็นำไปสู่เหตุการณ์ที่สำคัญของมนุษยชาติ 2 เหตุการณ์ ได้แก่ การสร้างหอบาเบล และปรากฏการณ์เรือโนอาห์ในเหตุการณ์น้ำท่วมโลก

ต่อมากล่าวถึง การทรงเรียกอับราฮัม และพันธสัญญาที่ทรงกระทำต่อเขาและภรรยา และยังกล่าวไปถึงรุ่นลูกของอับราฮัม ซึ่งได้แก่ อิสอัค และอิชมาเอล บรรพบุรุษของชนชาติอิสราเอลและปาเลสไตน์ รุ่นหลานของอัมราฮัมได้แก่ยาโคบ ซึ่งต่อมาได้ชื่อว่า อิสราเอล และรุ่นเหลน ได้แก่ โยเซฟ ผู้ซึ่งนำพาอิสราเอลเข้าไปพำนักอยู่ในแผ่นดินอียิปต์

หนังสือปฐมกาลยังกล่าวถึงยุคก่อนหน้าที่ชนชาติอิสราเอลจะเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งอธิบายถึงพื้นฐานแนวความคิดทางด้านชาตินิยม ศาสนา รวมไปถึงประวัติศาสตร์ กฎหมาย และประเพณีต่าง ๆ ของชนชาติยิวอีกด้วย

เนื้อหาโดยย่อ

กำเนิดโลก

ในหนังสือปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างสรรพสิ่ง โดยทรงใช้เวลาในการสร้างโลกทั้งสิ้น 6 วัน และทรงใช้เวลาอีก 1 วันเพื่อพักผ่อน จึงเป็นที่มาของการกำหนดให้ 1 สัปดาห์ มี 7 วัน และกำหนดให้มี 1 วันเป็นวันพักผ่อน ที่มักพบในพระคัมภีร์ว่า "วันสะบาโต" ชาวยิวเคร่งครัดในวันสะบาโตมาก ไม่ทำอะไรในวันนั้น กิจกรรมที่อนุญาตให้ทำในวันนั้นมีจำนวนจำกัดมาก การไม่เคารพวันสะบาโต เสมือนการไม่ยำเกรงพระเจ้าเลยทีเดียว

ลำดับการทรงเนรมิตสร้างโลกของพระเจ้าเป็นดังนี้

  • วันที่ 1 ทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน แผ่น‍ดิน​ก็​ร้าง​และ​ว่าง‍เปล่า ทรงแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และความมืดนั้นว่า คืน มีเวลาเย็นและเวลาเช้า
  • วันที่ 2 พระเจ้าทรงสร้างภาคพื้น แล้วทรงแยกน้ำที่อยู่ใต้ภาคพื้น ออกจากน้ำที่อยู่เหนือภาคพื้น พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่า ฟ้า
  • วันที่ 3 พระเจ้าทรงแยกแผ่นดินออกจากแผ่นน้ำ และทรงเรียกแผ่นน้ำนั้นว่า ทะเล ทรงเนรมิตให้เกิดพืช ทั้งผัก หญ้า และต้นไม้นานาชนิด
  • วันที่ 4 พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างต่าง ๆ ของภาคพื้นฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้เป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี และทรงสร้างดาวต่าง ๆ
  • วันที่ 5 พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเล และนกในอากาศ และทรงอวยพระพรแก่สัตว์เหล่านั้นว่า "จง​มี​ลูก‍ดก​ทวี​มาก‍ขึ้น​จน​เต็ม​น้ำ​ใน​ทะเล และ​ให้​นก​ทวี​มาก​ขึ้น​บน​แผ่น‍ดิน‍โลก"
  • วันที่ 6 พระเจ้าทรงสร้างสัตว์บนแผ่นดิน ได้แก่ สัตว์ใช้งาน สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ป่า และทรงสร้างมนุษย์ โดยตรัสว่า "ให้​เรา​สร้าง​มนุษย์​ตาม​ฉายา​ของ​เรา ตาม​อย่าง​ของ​เรา ให้​ครอบ‍ครอง​ฝูง‍ปลา​ใน​ทะเล ฝูง‍นก​ใน​ท้อง‍ฟ้า​และ​ฝูง‍สัตว์‍ใช้‍งาน ให้​ปก‍ครอง​แผ่น‍ดิน‍โลก​ทั้ง‍หมด และ​สัตว์‍เลื้อย‍คลาน​ทุก​ชนิด​บน​แผ่น‍ดิน​ทั้ง‍หมด"
  • วันที่ 7 ในวันที่เจ็ดก็ทรงพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแก่วันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ (Sabbath) เพราะ​ใน​วัน‍นั้น​พระ‍องค์​ทรง​หยุด‍พัก​จาก​การ‍งาน​ทั้ง‍ปวง​ที่​พระ‍เจ้า​ทรง​เนร‌มิต‍สร้าง​และ​ทรง​กระ‌ทำ

กำเนิดมนุษย์

หนังสือปฐมกาล 
การกำเนิดมนุษย์

ในหนังสือปฐมกาล บทที่ 2 กล่าวถึงไว้ว่า พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่น ๆ บนโลกใบนี้ เนื่องจากพระเจ้าทรงระบายลมปราณให้แก่มนุษย์ด้วย เรามักรู้จักลมปราณที่ว่าในนามของวิญญาณ และนั่นจึงไม่มีความแตกต่างกัน ที่เมื่อร่างกายของมนุษย์สูญสลาย ก็กลับกลายไปเป็นดินเช่นเดิมนั่นเอง เช่นเดียวกับสัตว์ทั้งโลก เมื่อตายไปก็เป็นดินทั้งนั้น

พระเจ้าทรงสร้างสวนแห่งหนึ่งไว้ที่เอเดน ซึ่งคาดว่าอาจอยู่ในพื้นที่ของประเทศอิรักในปัจจุบัน ทั้งนี้เนื่องจากปฐมกาลได้กล่าวถึงแม่น้ำไทกริส และยูเฟรติสไว้ ซึ่งในสวนแห่งเอเดนนี้พระเจ้าทรงบัญชาไว้แก่มนุษย์ว่า "ผล‍ไม้​ทุก‍อย่าง​ใน​สวน​นี้ เจ้า​กิน​ได้​ตาม‍ใจ‍ชอบ แต่​ผล​ของ​ต้น‍ไม้​แห่ง​การ​รู้​ถึง​ความ​ดี​และ​ความ​ชั่ว​นั้น ห้าม​เจ้า​กิน เพราะ​ใน​วัน​ใด​ที่​เจ้า​กิน เจ้า​จะ​ต้อง​ตาย​แน่"

ในครั้งแรก พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ผู้ชาย ชื่อ อาดัม ต่อมาทรงเห็นว่าไม่ควรให้มนุษย์อยู่คนเดียว จึงทรงสร้างคู่อุปถัมภ์ที่เหมาะสมให้ โดยทรงชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่งออกมาขณะอาดัมกำลังหลับ และนำกระดูกซี่โครงนั้นมาสร้างเป็นมนุษย์ผู้หญิง ชื่อ เอวา

ความบาป

ปฐมบาป เข้ามาในโลกครั้งแรก จากการไม่เชื่อฟังพระเจ้า ของมนุษย์ เอวา ถูกล่อลวงโดยมารในรูปของงู ให้สงสัยในคำสั่งของพระเจ้า และไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ พระเจ้าจึงมอบความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่ให้ผู้หญิง นั่นคือการอุ้มท้อง และการคลอดลูก เพื่อเตือนให้มนุษย์ระลึกถึงความเจ็บปวดจากการมีบาป ดังพระดำรัสของพระเจ้า ว่า "เรา​จะ​เพิ่ม​ความ​ทุกข์​ลำ‌บาก​มาก​ขึ้น​แก่​เจ้าและ​เมื่อ​เจ้า​มี‍ครรภ์ เจ้า​จะ​คลอด‍บุตร​ด้วย​ความ​เจ็บ‍ปวด ถึง‍กระ‌นั้น เจ้า​จะ​ยัง​ปรารถ‌นา​ใน​สามี​ของ​เจ้า และ​เขา​จะ​ปก‍ครอง​ตัว​เจ้า"

อาดัม ไม่เชื่อฟังพระเจ้าเพราะเชื่อเอวา ดังนั้น ผู้ชายจึงถูกลงโทษให้ต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ดังที่พระเจ้าทรงตร้สไว้ว่า "เจ้า​จะ​ต้อง​หา‍กิน​ด้วย​เหงื่อ​อาบ‍หน้าจน​เจ้า​กลับ​ไป​เป็น​ดิน เพราะ​เจ้า​ถูก​นำ​มา​จาก​ดิน และ​เพราะ​เจ้า​เป็น​ผง‍คลี​ดิน และ​เจ้า​จะ​กลับ​เป็น​ผง‍คลี​ดิน​ดัง‍เดิม" การไม่เชื่อฟังพระเจ้าของอาดัม และเอวา ทำให้ทั้งสองคนถูกขับออกจากสวนเอเดน ต้องทำมาหาเลี้ยงตนเอง และสืบเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อมาอีกมากมาย

กาลเวลาต่อมาคาอิน (บุตรชายคนโตของอดัมและอีฟ) ได้ทำการสังหารอาเบล (บุตรชายคนเล็กของอดัมและอีฟและน้องชายของตน) จึงถือว่าเป็นการฆาตกรรมครั้งแรกของมนุษย์ พระเจ้าได้ทราบความในภายหลังจึงได้ลงโทษสาปให้คาอินทำไร่การเกษตรไม่ได้และกลายเป็นคนพเนจรร่อนเร่ไปมาในโลก คาอินได้ทูลอ้อนวอนต่อพระเจ้าว่า "โทษที่ได้รับนั้นหนักหนากว่าจะรับได้และเมื่อร่อนเร่ไปในโลกแล้วอาจจะโดนคนอื่นฆ่าตายได้" แต่พระเจ้าได้ทำสัญลักษณ์ไว้ในตัวคาอินว่า "ผู้ใดได้สังหารนายคาอิน ผู้นั้นจะได้รับโทษทัณฑ์ถึงเจ็ดเท่า" หลังจากนั้นคาอินได้เดินทางไปยังเมืองโนดทางด้านทิศตะวันออกของเอเดน สร้างเมืองและให้กำเนิดทายาทเป็นเวลาต่อมา

ในปฐมกาลช่วงถัดมา ลำดับถึงพงศ์พันธุ์ของอาดัมและเอวาต่อเรื่อยมา น่าสังเกตว่า ยิ่งมนุษย์ห่างไกลพระเจ้ามากขึ้น อายุขัยของมนุษย์ก็ยิ่งสั้นลงไปด้วยเช่นกัน ตามหลักพระคัมภีร์แล้ว มนุษย์ทุกคนบนโลก ล้วนแล้วแต่เป็นญาติพี่น้องกัน เพราะเราต่างสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษคนเดียวกันทั้งสิ้น

เรือโนอาห์

หนังสือปฐมกาล 
โนอาห์ต่อนาวา วาดโดยจิตรกรชาวฝรั่งเศส ประมาณ ค.ศ. 1675 ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ Magyar Szépművészeti Múzeum บูดาเปสต์

เมื่อมนุษย์ห่างจากพระเจ้า ความบาปต่าง ๆ ก็ครอบงำมนุษย์มากขึ้น พระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจของเขาล้วนเป็นเรื่องชั่วร้ายเสมอไป จึงทรงดำริว่า จะกวาดล้างมนุษย์ไปเสียจากแผ่นดินโลก ทั้งมนุษย์ สัตว์เลื้อยคลาน และนกในอากาศด้วย

แต่ด้วยทรงเห็นว่าโนอาห์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระเจ้า เป็นคนชอบธรรม ดีพร้อมในสมัยของเขา และดำเนินกับพระเจ้า พระองค์จึงทรงบอกเหตุการณ์น้ำท่วมโลกให้โนอาห์ทราบ พร้อมทั้งทรงมอบแผนผังรูปแบบเรือที่ใช้ในการช่วยชีวิตของโนอาห์ให้รอดพ้นจากการถูกล้างโลกในครั้งนั้น เป็นที่มาของ เรือโนอาห์ นั่นเอง เนื่องจากตามพระประสงค์ของพระเจ้า ต้องการให้โนอาห์นำสิ่งมีชีวิตบนโลกขึ้นไปบนเรือด้วยอย่างละคู่ พระเจ้าทรงบัญชาอย่างไร โนอาห์ก็ทำตามนั้นทุกประการ

เมื่อถึงกำหนดของพระเจ้า พระองค์ทรงบอกให้โนอาห์ขึ้นไปอยู่บนเรือ และทรงบันดาลให้ฝนตก 40 วัน 40 คืนติดต่อกัน และทรงปิดตาน้ำทั้งหมด จนน้ำท่วมโลก ผู้คน สัตว์ และพืชทุกชนิดที่อาศัยบนโลกก็เสียชีวิตไปทั้งสิ้น และทรงให้น้ำท่วมโลกอยู่เป็นเวลาถึง 150 วัน

ภายหลัง เมื่อพระเจ้าทรงระลึกถึงโนอาห์ จึงทรงทำให้น้ำลดลง โดยใช้เวลาประมาณ 150 ว้น เมื่อน้ำลดลงแล้วโนอาห์ และครอบครัวจึงกลับมาอาศัยอยู่บนแผ่นดินตามปกติ พระเจ้าทรงอวยพระพรให้แก่โนอาห์ และมอบบัญญัติบางประการ เช่น "ห้าม​กิน​เนื้อ​พร้อม​กับ​ชีวิต​ของ​มัน คือ​เลือด​ของ​มัน" ซึ่งเป็นเหตุผลที่ชาวยุโรปไม่รับประทานเลือด นอกจากนี้พระเจ้ายังทรงมีพันธสัญญาแก่โนอาห์ว่า "เรา​จะ​ตั้ง​พันธ‌สัญญา​ของ​เรา​ไว้​กับ​พวก‍เจ้า​ว่า​จะ​ไม่​ทำ‍ลาย​มนุษย์​และ​สัตว์​ทั้ง‍ปวง​โดย​ให้​น้ำ‍ท่วม​อีก และ​จะ​ไม่‍ให้​มี​น้ำ​มา​ท่วม​ทำ‍ลาย​โลก​อีก‍ต่อ‍ไป...เรา​ตั้ง​รุ้ง​ของ​เรา​ไว้​ที่เมฆ และรุ้ง​นั้น​จะ​เป็น​เครื่อง‍หมาย​แห่ง​พันธ‌สัญญา​ระหว่าง​เรา​กับ​โลก" ฉะนั้นตราบใดที่ยังเห็นรุ้งกินน้ำ ก็เป็นเหมือนคำสัญญาของพระเจ้าว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลก (ทั้งใบ) อีก

หอบาเบล

หนังสือปฐมกาล 
ภาพวาดหอบาเบล โดย ปีเตอร์ บรูเค็ล

หอบาเบล เกิดจากความสามัคคีของมนุษย์ ภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วมโลก จากลูกหลานของโนอาห์ ได้ขยายพงศ์พันธุ์แผ่ไพศาลออกไป แต่ทั่วทั้งโลกต่างพูดภาษาเดียวกัน และมีศัพท์สำเนียงเดียวกัน ผู้คนในยุคนั้นจึงได้ร่วมกันสร้างหอบาเบล โดยมีความมุ่งหมายเพื่อสร้างเป็นหอเทียมฟ้า สร้างชื่อเสียงไว้ และเป็นแหล่งรวมอารยธรรมของมนุษย์ไว้ด้วยกัน

การสร้างหอบาเบล เป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้กับมนุษยชาติ ซึ่งความภาคภูมิใจนี้ ก็นำมาซึ่งความหยิ่งผยอง คิดท้าทายพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงบันดาลให้เกิดภาษาที่แตกต่างกัน ทำให้มนุษย์สื่อสารกันไม่เข้าใจ การก่อสร้างหอบาเบลจึงหยุดชะงักลงเพียงนั้น

คำว่า "บาเบล" ที่ใช้ตั้งชื่อหอคอยนี้ มาจากรากศัพท์ภาษาฮีบรู ที่แปลว่า วุ่นวาย นั่นเอง และจากการสร้างหอบาเบล ทำให้มีพระธรรมข้อที่น่าประทับใจที่คริสตชนมักใช้ให้กำลังใจกัน กล่าวไว้ว่า แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ดู‍สิ คน​เหล่า‍นี้​เป็น​ชน‍ชาติ​เดียว​หมด มี​ภาษา​เดียว นี่​เป็น​เพียง​เบื้อง‍ต้น​ของ​สิ่ง​ที่​พวก‍เขา​จะ​ทำ และ​บัด‍นี้​ไม่‍มี​อะไร​ยับ‍ยั้ง​ทุก‍สิ่ง​ที่​พวก‍เขา​คิด​จะ​ทำ"

กำเนิดอิสราเอล

ภายหลังจากยุคของโนอาห์อีกหลายลำดับ ทายาทชื่อ อับราฮัม ซึ่งยำเกรงพระเจ้า และอธิษฐานต่อพระองค์เป็นประจำ พระเจ้าตรัสกับอับราฮัม ให้อพยพครอบครัวไปยังดินแดนที่พระเจ้าประทานให้ เป็นที่ซึ่งน้ำดินดี อุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งอวยพรให้พงษ์พันธุ์ของอับราฮัมเป็นพงษ์พันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งในขณะนั้นภรรยาของอับราฮัมเป็นหมัน

อับราฮัมได้ย้ายออกจากเมือง เดินทางไปตามที่พระเจ้าทรงนำ และผ่านไปยังเมืองโสโดม และเมืองโกโมรา โดยโลทหลานชายของอับราฮัมที่เดินทางมาด้วย ได้ตั้งหลักแหล่งที่เมืองโสโดมนี้ แต่ต่อมาเมืองนั้นก็ถูกพระเจ้าลงโทษโดยให้กลายเป็นเกลือทั้งเมือง (รวมทั้งผู้คน สัตว์ สิ่งของ) ซึ่งนักประวัติศาสตร์บางส่วนเชื่อว่าปัจจุบันทะเลสาบเดดซี หรือ ทะเลตาย คือที่ตั้งของเมืองโสโดม และเมืองโกโมรา ในอดีตนั่นเอง

ภรรยาของอับราฮัมชื่อ นางซาราห์ ซึ่งเดิมทีนางเป็นหมัน เมื่ออับราฮัมอายุได้ 99 ปี พระเจ้าทรงให้พันธสัญญาว่า อับราฮัมจะเป็นบิดาของชนชาติใหญ่ นางซาราห์จึงยกนางฮาร์กา สาวใช้ ให้เป็นภรรยาของอับราฮัม นางฮาร์กาตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายชื่อ อิชมาเอล เมื่ออิชมาเอลอายุได้ 13 ปี นางซาราห์ก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายชื่อ อิสอัค ในระหว่างนั้นมีเหตุให้อับราฮัมต้องขับไล่นางฮาการ์และอิชมาเอลออกจากครอบครัวไป ส่วนอิสอัคได้รับการเลี้ยงดูจากบิดา จนเติบใหญ่และมีบุตรชาย ชื่อยาโคบ ซึ่งภายหลังได้รับฉายาใหม่ว่า อิสราเอล และเป็นที่มาของชื่อประเทศอิสราเอลในทุกวันนี้ เพราะเชื่อว่าชาวยิวทุกเผ่าล้วนเป็นลูกหลานของยาโคบ

ยาโคบ หรือ อิสราเอล มีบุตรชายทั้งสิ้น 12 คน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการแบ่งเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลออกเป็น 12 เผ่า และ โยเซฟ บุตรชายคนสุดท้องของ ยาโคบ เป็นบุคคลที่ช่วยให้ชาวอิสราเอลสามารถหนีภัยแล้งไปพำนักอยู่ในประเทศอียิปต์ และก่อให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ในภายหลัง ซึ่งได้บันทึกไว้ในหนังสืออพยพ

มุมมองของศาสนาคริสต์ต่อหนังสือปฐมกาล

ในคริสตจักรยุคแรก มุ่งเน้นการศึกษาหนังสือปฐมกาลในเชิงทฤษฎีที่อ้างอิงอยู่บนพื้นฐานความเชื่อของชาวยิว ผู้เขียนพระวรสารนักบุญยอห์น ได้ใช้รูปแบบเปรียบเทียบระหว่างหนังสือปฐมกาล บทที่ 1 และพระวรสารนักบุญยอห์น บทที่ 1 โดยเปรียบพระลักษณะพระเจ้า มุ่งถึงการนำเสนอความเป็นตรีเอกภาพของพระเจ้ามากขึ้น โดยใช้คำว่า "พระ‍วาทะ​" (Word) รวมเข้ากับคำว่า "พระเจ้า" ดังกล่าวไว้ว่า "ใน​ปฐม‍กาล​พระ‍วาทะ​ทรง​ดำรง​อยู่ และ​พระ‍วาทะ​ทรง​อยู่​กับ​พระ‍เจ้า และ​พระ‍วาทะ​ทรง​เป็น​พระ‍เจ้า"

ศาสนาคริสต์ ได้นำเสนอความแตกต่างจากศาสนายูดาห์มากขึ้น เมื่อมีการนำเสนอภาพของพระเยซู ที่ทรงเป็นเสมือน อาดัม ที่ถูกส่งลงมาบังเกิดใหม่ เพื่อไถ่ความบาปให้แก่มนุษยชาติ และคริสตจักรก็เปรียบเสมือนเรือโนอาห์ที่ช่วยให้มนุษย์ผู้ชอบธรรมได้รับความรอด จากการรับบัพติสมา และพันธสัญญาของพระเจ้าที่มีต่ออับราฮัมที่ทรงอวยพระพรแก่ลูกหลานที่สืบเชื้อสายของอับราฮัมโดยสายเลือด กลับกลายเป็นลูกหลานของอับราฮัมที่สืบเชื้อสายโดยความเชื่อที่มีต่อองค์พระเยซู

นอกจากนี้ ยังมีภาพเปรียบเทียบในหนังสือปฐมกาล ที่ปรากฏชาย 3 คนเพื่อแจ้งข่าวการเกิดของอิสอัค แก่อับราฮัม กับโหราจารย์ 3 คนที่แจ้งข่าวการประสูติของพระเยซู อีกด้วย

มุมมองของศาสนาอิสลามต่อหนังสือปฐมกาล

ในคัมภีร์อัลกุรอานและคัมภีร์ไบเบิล มีทั้งส่วนที่เหมือน และส่วนที่แตกต่างกัน โดยพื้นฐานทั้งสองมีโครงเริ่มแรกเหมือนกัน โดยเนื้อหาในแง่ประวัติศาสตร์นั้น พระคัมภีร์ในทั้งสองศาสนามีความสอดคล้องกันตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลก การสร้างมนุษย์ ความบาป เรือโนอาห์ เหตุการณ์น้ำท่วมโลก เรื่องราวของอับราฮัม การทำนายฝันของโยเซฟ จนกระทั่งโมเสสเข้าเฝ้าพระเจ้า แต่ในมุมมองของคัมภีร์อัลกุรอานมองว่าหนังสือปฐมกาลมีความคลาดเคลื่อนของเนื้อหา ที่แตกต่างในหลายประเด็น และคัมภีร์อัลกุรอานค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องของกฎบัญญัติสูงมาก

ตัวอย่างของเนื้อหาส่วนที่มีความแตกต่าง

  • เรื่องเหตุการณ์น้ำท่วมโลก เนื้อหาคัมภีร์ทั้งสองศาสนากล่าวเหมือนกันว่าเหตุการณ์น้ำท่วมโลกนี้เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก (แม้มีคริสต์ศาสนิกชนบางกลุ่มความเชื่อ ไม่เชื่อเช่นนั้นก็ตาม) ในคัมภีร์อัลกุรอานกล่าวว่า ภรรยา (วาอิละฮฺ) และบุตรชาย (กันอาน) ของโนอาห์ ไม่เชื่อฟังพระเจ้า พวกเขาไม่ยอมขึ้นเรือและเสียชีวิตในเหตุการณ์น้ำท่วมโลก ซึ่งในพระธรรมปฐมกาลในคัมภีร์ไบเบิลนั้น ได้นับบุตรชายทั้งสามคนของโนอาห์ขึ้นไปบนเรือทั้งสิ้น


  • เรื่องราวของโลท (ลูฎ) ในคัมภีร์ไบเบิล กล่าวถึงโลทน้อยมาก ในขณะที่ในคัมภีร์อัลกุรอาน จัดให้โลท อยู่ในหมวดหมู่อัครสาวกและผู้พยากรณ์เหมือนกับอับราฮัม (อิบรอฮีม) ลุงของเขา แต่อ้างถึงฐานะในหมวดหมู่ดังกล่าวจากคัมภีร์โทราห์ของศาสนายูดาห์ คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่าภรรยาของโลทได้ติดตามโลทออกจากเมืองโสโดม และได้หันหลังกลับไปมองเมืองนั้น จึงถูกสาปให้เป็นเสาเกลือ แต่ในคัมภีร์อัลกุรอานกล่าวว่า ภรรยาของโลท เมื่อได้ยินเสียงกึกก้องของการลงโทษ นางได้เหลียวหลังไปดูหมู่บ้านของพวกนาง ทันใดนั้นก้อนหินก็หล่นลงมาฆ่านางตายทันที


  • การถวายบุตรแด่พระเจ้า ของอับราฮัม ในคัมภีร์อัลกุรอานเชื่อว่าบุตรที่ถูกถวายแด่พระเจ้าคืออิชมาเอล และเชื่อว่าอิชมาเอล คือ บุตรหัวปี ซึ่งบุตรทั้งสองคนเป็นผู้สืบเชื้อสายของอับราฮัมเหมือนกัน อิสอัค (อิสฮัค) และลูกหลานได้รับมรดก และรับพันธสัญญาของพระเจ้ามีบุตรหลานมากมายเป็นศาสดาพยากรณ์ เช่นเดียวกับที่ทางสายอิชมาเอลที่มีมุฮัมมัดเป็นศาสดาในยุคหลัง ในขณะที่คัมภีร์ไบเบิลนั้น อิสอัคเป็นบุตรที่พระเจ้าให้นำไปถวาย และพระเจ้าได้ตั้งพันธสัญญาขึ้นต่ออับราฮัม ว่าเชื้อสายของเขา (อิสอัค ผู้เป็นบุตรหัวปีของนางซาราห์ภรรยาหลวง) จะเป็นต้นเชื้อสายของผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง (ทางศาสนาคริสต์เล็งถึงการมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์) และกล่าวถึงการอวยพรของพระเจ้าต่อเชื้อสายของอับราฮัมทางฝั่งอิชมาเอล (บุตรหัวปีของนางฮาการ์ทาสรับใช้ของนางซาราห์) ว่า "ดูเถิด เราได้อวยพรเขาและจะกระทำให้เขามีลูกดกทวีมากขึ้นอุดมบริบูรณ์อย่างยิ่ง เขาจะให้กำเนิดเจ้านายสิบสององค์และเราจะกระทำให้เขาเป็นชนชาติใหญ่ชนชาติหนึ่ง"

การเปรียบเทียบกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์โลก

บนพื้นฐานของหนังสือปฐมกาลศาสนายูดาห์และศาสนาคริสต์ ต่างยึดเอาหนังสือปฐมกาล และหนังสือเล่มต่อ ๆ มาเป็นเครื่องช่วยในการคำนวณอายุเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏตามหลักฐานของพระคัมภีร์ เชื่อว่าโลกนี้ถูกสร้างเมื่อ 4 พันปีก่อนคริสตกาล (the beginning of the 4th millennium BC.) โดยนับตั้งแต่วันเริ่มแรกสร้างโลกของพระเจ้า การกำเนิดอาดัม และเอวา และเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์ และวันแรกของการสร้างโลกที่คำนวณด้วยวิธีการนี้ ที่เป็นที่ยอมรับและกล่าวอ้างถึงมากที่สุด คือเวลา 9 โมงเช้า ของวันที่ 23 เดือนตุลาคม เมื่อ 4004 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งบิช๊อป เจมส์ ยูเซอร์ (Anglican Bishop James Ussher) เป็นผู้คำนวณขึ้น

แต่การคำนวณอายุโลกด้วยวิธีการดังกล่าว ก่อให้เกิดข้อกังขาขึ้นอย่างมาก รวมทั้งนักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีโดยส่วนใหญ่ต่างก็ไม่ยอมรับการคำนวณอายุโลกด้วยวิธีการดังกล่าว นอกจากนี้ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ทั้งด้านดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และชีววิทยา ล้วนแล้วแต่ไม่สอดคล้องกับผลการคำนวณดังกล่าว เนื่องจากหลักฐานบางอย่างระบุอายุของโลกไว้กว่า 4 พันล้านปีด้วยซ้ำไป ประเด็นอายุของโลกจึงยังคงเป็นที่ถกเถียงกันระหว่างศาสนศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ในปัจจุบัน

อ้างอิง

ก่อนหน้า
-
หนังสือปฐมกาล
คัมภีร์ฮีบรู /
พันธสัญญาเดิมของศาสนาคริสต์
ถัดไป
หนังสืออพยพ

Tags:

หนังสือปฐมกาล ผู้เขียนหนังสือปฐมกาล เนื้อหาโดยสรุปหนังสือปฐมกาล เนื้อหาโดยย่อหนังสือปฐมกาล มุมมองของศาสนาคริสต์ต่อหนังสือปฐมกาล มุมมองของศาสนาอิสลามต่อหนังสือปฐมกาล การเปรียบเทียบกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์โลกหนังสือปฐมกาล อ้างอิงหนังสือปฐมกาลคัมภีร์ฮีบรูภาษากรีกภาษาอังกฤษภาษาฮีบรูภาษาแอราเมอิก

🔥 Trending searches on Wiki ไทย:

ราชวงศ์ชิงลมเล่นไฟฟุตบอลโลกวิธวัฒน์ สิงห์ลำพองจังหวัดนครพนมสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีเด่นคุณ งามเนตรสำนักพระราชวังชวน หลีกภัยประเทศกัมพูชาหม่อมราชวงศ์นริศรา จักรพงษ์คิม จี-ว็อน (นักแสดง)รหัสมอร์สศาสนาอิสลามรายการรหัสไปรษณีย์ไทยพระเจ้านันทบุเรงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฟุตซอลโลก 2012รายชื่ออักษรย่อของจังหวัดในประเทศไทยจังหวัดอุตรดิตถ์รหัสโทรศัพท์ระหว่างประเทศสโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ดบางกอกอารีนาสหรัฐเจนนิเฟอร์ คิ้มเขตการปกครองของประเทศพม่ารายชื่อละครโทรทัศน์ทางช่องวัน 31วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารบาป 7 ประการและสิ่งสุดท้ายสี่อย่างมหาวิทยาลัยนเรศวรวชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์หญิงรักร่วมเพศเทศน์ เฮนรี ไมรอนไทยรัฐสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืนวัดไร่ขิงชา อึน-อูจ้าว ลู่ซือบรรดาศักดิ์ไทยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเดนิส เจลีลชา คัปปุนณเดชน์ คูกิมิยะอาตาลันตาแบร์กามัสกากัลโชสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีลวรณ แสงสนิทสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังตระกูลเจียรวนนท์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยสมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชหมายเลขโทรศัพท์ในประเทศไทยรายชื่อภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในประเทศไทยอาณาจักรอยุธยาจังหวัดนครศรีธรรมราชรายชื่อโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานครมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สินจัย เปล่งพานิชตะวัน วิหครัตน์คริสเตียโน โรนัลโดเศรษฐา ทวีสินสีประจำวันในประเทศไทยธี่หยด 2จังหวัดนครปฐมข้อมูลมหาวิทยาลัยมหิดลอินสตาแกรมอัสซะลามุอะลัยกุมจังหวัดสุพรรณบุรีรายชื่อละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 เอชดีเมธวิน โอภาสเอี่ยมขจรชลน่าน ศรีแก้วรายชื่อค่ายทหารในสังกัดกองทัพบกไทยกรมการปกครองปีนักษัตรFBราศีเมษ🡆 More