สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ หรือกฎมนเทียรบาล ออกพระนามว่า สมเด็จพระรามาธิบดีบรมไตรโลกนาถ มหามงกุฎเทพยมนุษย์ บริสุทธิสุริยวงศ์ องค์พุทธางกูรบรมบพิตร ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 8 แห่งอาณาจักรอยุธยา และพระองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ ระหว่าง พ.ศ.
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
1991 ถึง พ.ศ. 2031 พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ 1 ในหลาย ๆ พระองค์ที่ได้รับพระราชสมัญญาเป็นพระเจ้าช้างเผือก พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่มี "ช้างเผือก" ไว้ประดับพระบารมี ซึ่งตามความเชื่อของชาวฮินดูว่าเป็น "เครื่องหมายแห่งความรุ่งโรจน์และความสุข" รัชสมัยของพระองค์ยังเป็นที่รู้จักในด้านการปฏิรูประบบราชการไทยครั้งใหญ่และการต่อสู้กับอาณาจักรล้านนา ในรัชสมัยพระเจ้าติโลกราชที่ประสบความสำเร็จ พระองค์ยังได้รับการเทิดทูนในฐานะพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งของประเทศไทย
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ | |
---|---|
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา | |
ครองราชย์ | พ.ศ. 1991 - 2031 (40 ปี) |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 |
ถัดไป | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 |
พระมหาอุปราชกรุงศรีอยุธยา | |
ครองราชย์ | พ.ศ. 1989 - 1991 (2 ปี) |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระเจ้ารามราชา |
ถัดไป | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 |
พระร่วงเจ้าสุโขทัย (ครั้งที่ 1) | |
ครองราชย์ | พ.ศ. 1989 - 1991 (2 ปี) |
ก่อนหน้า | พระมหาธรรมราชาที่ 4 |
ถัดไป | พระยายุทธิษเฐียร |
พระร่วงเจ้าสุโขทัย (ครั้งที่ 2) | |
ครองราชย์ | พ.ศ. 2017 - 2028 (11 ปี) |
ก่อนหน้า | พระยายุทธิษเฐียร |
ถัดไป | สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 |
พระราชสมภพ | พ.ศ. 1962 |
สวรรคต | พ.ศ. 2032 (70 พรรษา) เมืองพิษณุโลก อาณาจักรอยุธยา |
พระราชบุตร | พระอินทราชา พระบรมราชา (สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3) พระเชษฐา (สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2) |
ราชวงศ์ | สุพรรณภูมิ |
พระราชบิดา | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 |
พระราชมารดา | พระราชเทวี (พระราชธิดาในพระมหาธรรมราชาที่ 2) |
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสืบคันในกฎหมายสมัยกรุงศรีอยุธยา พบว่าออกพระนามสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ดังนี้
ในพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ พบว่าออกพระนามสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ดังนี้
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ มีพระนามเดิมว่า พระราเมศวร (โปรดอย่าสับสนกับสมเด็จพระราเมศวร ครองราชย์ พ.ศ. 1912-1913) ประสูติเมื่อ พ.ศ. 1974 เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) นักประวัติศาสตร์บางคนอ้างว่าพระราชมารดาของพระองค์เป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรสุโขทัย พระราชธิดาของพระมหาธรรมราชาที่ 3 ตามที่นักประวัติศาสตร์ Michael Vickery กล่าว สิ่งนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ในแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ อาจเป็นเพราะการอ่านพงศาวดารผิดหรือตีความผิด
อาจเป็นไปได้ว่าพระราเมศวรประสูติในสมัยที่อาณาจักรสุโขทัยขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา โดยอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองตั้งแต่ปี พ.ศ. 1955 เมื่อพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 1981 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ได้ผนวกอาณาจักรสุโขทัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา และสถาปนาพระราเมศวรพระราชโอรสของพระองค์เองซึ่งมีพระชนมายุ 7 พรรษาเป็นอุปราชแห่งสุโขทัย เมื่อพระราเมศวรมีพระชนมายุได้ 15 พรรษา พระราชบิดาได้ส่งพระองค์ไปยังเมืองพิษณุโลก (ซึ่งเป็นเมืองหลวงแทนที่สุโขทัยในราว พ.ศ. 1973) เพื่อปกครองดินแดนเดิมของสุโขทัยซึ่งปัจจุบันเรียกว่า "หัวเมืองเหนือ"
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 1974 พระราเมศวรมีพระชนมายุได้ 17 พรรษา ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทำให้พระองค์รวมสุโขทัยและอยุธยาเข้าด้วยกัน
พระราชกรณียกิจด้านการปกครองประกอบด้วยการจัดระเบียบการปกครองส่วนกลางและส่วนภูมิภาค อันเป็นแบบแผนซึ่งยึดสืบต่อกันมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และการตราพระราชกำหนดศักดินา ซึ่งทำให้มีการแบ่งแยกสิทธิ และหน้าที่ของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป โดยทรงเห็นว่ารูปแบบการปกครองนับตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 มีความหละหลวม หัวเมืองต่าง ๆ เบียดบังภาษีอากร และปัญหาการแข็งเมืองในบางช่วงที่พระมหากษัตริย์อ่อนแอ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงปฏิรูปการปกครองโดยมีการแบ่งงานฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนออกจากกันอย่างชัดเจน ให้สมุหพระกลาโหมดูแลฝ่ายทหาร และให้สมุหนายกดูแลฝ่ายพลเรือน รวมทั้งจตุสดมภ์ในราชธานี
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงแบ่งงานทางการปกครองออกเป็น "ฝ่ายพลเรือน" และ "ฝ่ายทหาร" อย่างชัดเจน โดยมี "เจ้าพระยามหาเสนาบดี" ดำรงตำแหน่ง สมุหพระกลาโหม มีหน้าที่ดูแลกิจการทหารทั่วอาณาจักร และ "เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์" ดำรงตำแหน่ง สมุหนายก รับผิดชอบงานพลเรือนทั่วอาณาจักร พร้อมกับดูแลหน่วยงานจตุสดมภ์ จากเดิมที่พื้นฐานการปกครองนับตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัยยังไม่ได้แยกฝ่ายพลเรือนกับทหารออกจากกันชัดเจน ทั้งนี้ ในยามสงคราม ไพร่ทุกคนจะต้องรับราชการทหารอันเป็นหน้าที่หลัก อันเป็นลักษณะรูปแบบการปกครองของอาณาจักรขนาดเล็กที่ขาดการประสานงานระหว่างเมือง
ในปี พ.ศ. 2006 การปกครองในส่วนภูมิภาค ได้ยกเลิกระบบการปกครองหัวเมืองต่าง ๆ แต่เดิมที่แบ่งออกเป็นเมืองลูกหลวง หลานหลวง แล้วระบบการปกครองหัวเมืองเสียใหม่ ดังนี้
สำหรับการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้จัดเป็นหมู่บ้าน มีผู้ใหญ่บ้านปกครองดูแล ตำบล มีกำนันเป็นหัวหน้า แขวง มีหมื่นแขวงเป็นหัวหน้า
พระองค์ยังทรงแบ่งการปกครองในภูมิภาค ออกเป็นหมู่บ้าน ตำบล แขวง และเมือง
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงตราพระราชกำหนดศักดินาขึ้นเป็นกฎเกณฑ์ของสังคม ทำให้มีการแบ่งประชากรออกเป็นหลายชนชั้น เช่นเดียวกับหน้าที่และสิทธิของแต่ละบุคคล ศักดินาเป็นความพยายามจัดระเบียบการปกครองให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น อันเป็นหลักที่เรียกว่า การรวมเข้าสู่ศูนย์กลาง ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าศักดินาจะเป็นการกำหนดสิทธิในการถือครองที่ดิน แต่ในทางปฏิบัติแล้วหมายถึงจำนวนไพร่พลที่สามารถครอบครอง เกณฑ์การปรับไหม และลำดับการเข้าเฝ้าแทน
มีการแต่งตั้งตำแหน่งข้าราชการให้มีบรรดาศักดิ์ตามลำดับจากต่ำสุดไปสูงสุดคือ ทนาย พัน หมื่น ขุน หลวง พระ พระยา และเจ้าพระยา มีการกำหนดศักดินาเพื่อเป็นค่าตอบแทนการรับราชการ และได้อาศัยใช้เป็นเกณฑ์กำหนดการมีที่นาและการปรับไหมตามกฎหมาย
ในปี พ.ศ. 2001 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงตั้งกฎมณเฑียรบาล ขึ้นเป็นกฎหมายสำหรับการปกครอง แบ่งออกเป็นสามแผน คือ
ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระองค์ได้โปรดเกล้า ฯ ให้ประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิตแต่งหนังสือมหาชาติคำหลวง นับว่าเป็นวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา เรื่องแรกของกรุงศรีอยุธยา และเป็นวรรณคดีชั้นเยี่ยมที่ใช้เป็นแนวทางในการศึกษาภาษา และวรรณคดีของไทย นอกจากนี้ยังมีลิลิตพระลอ ซึ่งเป็นยอดวรรณคดีประเภทลิลิตของไทย
พงศาวลีของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
This article uses material from the Wikipedia ไทย article สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.