สุลต่านอับดุลฮามิดที่สอง (อังกฤษ: Abdul Hamid II; ภาษาตุรกีออตโตมาน: عبد الحميد ثانی `Abdü’l-Ḥamīd-i sânî, ตุรกี: İkinci Abdülhamit)) พระองค์เป็นสุลต่านระหว่าง พ.ศ.
2419 – 2452 เป็นผู้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งจักรวรรดิออตโตมานเป็นฉบับแรก ภายหลังทรงยุบสภาและยึดอำนาจกลับคืนมาจึงถูกกลุ่มยังเติร์กปฏิวัติ
สุลต่านอับดุล ฮามิดที่ 2 السلطان عبد الحميد الثاني | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เคาะลีฟะฮ์แห่งออตโตมัน อะมีรุลมุอ์มินีน สุลต่านแห่งออตโตมัน ไกเซอรี รูม ผู้อารักขามัสยิดศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง | |||||||||
เชห์ซาเด (เจ้าชาย) อับดุล ฮามิด ในปีค.ศ. 1867. | |||||||||
เคาะลีฟะฮ์ออตโตมันองค์ที่ 26 สุลต่านออตโตมันองค์ที่ 34 (จักรพรรดิ) | |||||||||
ระยะปกครอง | 31 สิงหาคม ค.ศ.1876 – 27 เมษายน ค.ศ.1909 | ||||||||
Sword girding | 7 กันยายน ค.ศ.1876 | ||||||||
ก่อนหน้า | สุลต่านมูรัดที่ 5 | ||||||||
ต่อไป | สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 5 | ||||||||
ขุนนางราชมนตรี | See list
| ||||||||
ประสูติ | 21 กันยายน ค.ศ. 1842 พระราชวังโทพคาปึ, คอนสแตนติโนเปิล (ปัจจุบันคืออิสตันบูล), จักรวรรดิออตโตมัน) | ||||||||
สวรรคต | 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1918 พระราชวังเบย์เลอร์เบยี, คอนสแตนติโนเปิล, จักรวรรดิออตโตมัน | (75 ปี)||||||||
ฝังพระศพ | สุสานสุลต่านมะฮ์มูดที่ 2, ฟาติฮ์, อิสตันบูล | ||||||||
พระมเหสี | นาซีเกดา คาดืน เบดริเฟเล็ก คาดืน นูเรฟซุน คาดืน บีดัร คาดืน ดิลเปเซนด์ คาดืน เมซีดีเมสตัน คาดืน เอ็มซาลีนูร คาดืน มืชฟิกา คาดืน ซัสการ์ ฮานืม เปย์เวสเต ฮานืม เปเสนด์ ฮานืม เบฮิเซ ฮานืม นาซิเย ฮานืม | ||||||||
พระราชบุตร | see below | ||||||||
| |||||||||
ราชวงศ์ | ออตโตมัน | ||||||||
พระราชบิดา | สุลต่านอับดุล เมจิดที่ 1 | ||||||||
พระราชมารดา | มารดาแท้จริง: ติริมืจกาน คาดืน มารดารับเลี้ยง: เปเรชตู คาดืน | ||||||||
ศาสนา | อิสลามนิกายซุนนี | ||||||||
ทูกรา |
พระองค์ประสูติเมื่อ 21 กันยายน พ.ศ. 2385 เป็นโอรสของสุลต่านอับดุลเมจิดที่หนึ่ง ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากสุลต่านมูรัดที่ 5 ซึ่งประชวรด้วยโรคประสาทอย่างหนักจนถูกถอดออกจากราชบัลลังก์ พระองค์ซึ่งแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนระบบรัฐธรรมนูญจึงได้ขึ้นครองราชย์เมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2419 อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญต่อสุลต่าน พระองค์ได้พยายามต่อรองที่รักษาอำนาจไว้ให้ได้มากที่สุด รัฐธรรมนูญนี้ประกาศใช้เมื่อ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2419 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจแก่สุลต่านมาก ชาติตะวันตกจึงมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตยและเรียกร้องให้แก้ไข แต่พระองค์ปฏิเสธ รัสเซียจึงโจมตีจักรวรรดิออตโตมันในคาบสมุทรบอลข่าน และเทือกเขาคอเคซัสใน พ.ศ. 2420 โดยอ้างว่าเป็นสงครามเพื่อปกป้องชาวสลาฟที่นับถือศาสนาคริสต์ ในที่สุดรัสเซียยกทัพมาถึงกรุงคอนสแตนติโนเปิล ในระหว่างนั้น สุลต่านมีความขัดแย้งกับรัฐสภาในการออกกฎหมาย พระองค์จึงยุบสภาเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2420 แล้วไม่มีการเลือกตั้งใหม่อีกเลย
สงครามกับรัสเซียสิ้นสุดลงโดยสนธิสัญญาซานสเตฟาโน โดยออตโตมันต้องให้เอกราชแก่เซอร์เบีย โรมาเนีย มอนเตเนโกร ให้บัลแกเรียปกครองตนเอง และยกมณฑลเบสซาเรเบีย เบเตกซ์และและอาร์ตจานให้แก่รัสเซีย อย่างไรก็ตาม ต่อมา อังกฤษและออสเตรีย-ฮังการีเข้ามาบีบให้รัสเซียทำสนธิสัญญาใหม่ โดยลดขนาดของบัลแกเรียให้เล็กลง ออสเตรีย-ฮังการีมีอำนาจในการบริหารบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ส่วนอังกฤษได้ตั้งฐานทัพที่เกาะไซปรัส
สุลต่านอับดุลฮามิดที่สองทรงมีข้อขัดเคืองกับมัดฮัต ปาชา และระแวงว่าปาชาจะเป็นศัตรูจึงคิดกำจัด โดยเนรเทศออกจากจักรวรรดิในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2419 ก่อนจะให้ไปเป็นข้าหลวงแห่งซีเรียและอิซมีร์ ต่อมาใน พ.ศ. 2424 ทรงกล่าวหาว่าปาชามีส่วนในการลอบปลงพระชนม์สุลต่านอับดุล อะซีซใน พ.ศ. 2419 ก่อนจะพิพากษาว่าผิดจริงและถูกเนรเทศไปอาระเบีย และถูกลอบสังหารในที่สุดใน พ.ศ. 2426 สุลต่านอับดุลฮามิดที่สองทรงระแวงเสมอว่าจะมีคนปองร้าย จึงมีตำรวจลับไว้ป้องกันพระองค์ มักอาศัยอยู่ในวังที่สร้างใหม่นอกกรุงคอนสแตนติโนเปิลชื่อพระราชวังเยิลเดิซ ใน พ.ศ. 2424 มหาอำนาจในยุโรปพยายามเข้ามายึดครองดินแดนในจักรวรรดิออตโตมาน เช่น บังคับให้ยกเทสซาลีให้กรีซ ฝรั่งเศสยึดตูนีเซียเป็นรัฐในอารักขา และอังกฤษยึดครองอียิปต์ ในขณะที่พระองค์พยายามรักษาอำนาจและสร้างความนิยมในหมู่ชาวอาหรับ ส่งเสริมการไปแสวงบุญที่เมกกะ สร้างทางรถไฟสายฮิจาซจากดามัสกัสไปยังเมดินา ระหว่าง พ.ศ. 2444 – 2451 โดยไม่ใช้เงินจากยุโรป ทรงสนับสนุนการสร้างรถรางและสาธารณูปโภค ขยายเครือข่ายโทรเลขไปทั่วจักรวรรดิ ส่งเสริมการจัดตั้งสถาบันการศึกษาแบบตะวันตก ก่อตั้งมหาวิทยาลัยอิสตันบูลใน พ.ศ. 2443
อย่างไรก็ตาม พระองค์ต้องเผชิญกับการต่อต้านทั้งจากชาวเติร์กและกลุ่มชนอื่นในจักรวรรดิ กลุ่มนักศึกษาแพทย์และทหารได้รวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มยังเติร์กเพื่อรอโอกาสจะยึดอำนาจ ชาวอาหรับ กรีก และอาร์เมเนียได้รับแนวคิดชาตินิยมจากตะวันตกและพยายามแยกตัวเป็นอิสระ ชาวกรีกบนเกาะครีตก่อกบฏเพื่อขอแยกตัวไปรวมกับกรีซ สุลต่านอับดุลฮามิดที่สองให้ทหารปราบปรามอย่างรุนแรง กรีซจึงประกาศสงครามกับออตโตมานใน พ.ศ. 2440 ผลของสงครามออตโตมานเป็นฝ่ายชนะ แต่ชาติตะวันตกกลับยื่นมือเข้ามาบีบบังคับจนพระองค์ต้องยอมรับให้เกาะครีตปกครองตนเอง
ในการปราบปรามกลุ่มยังเติร์ก พระองค์ทรงปราบปรามด้วยความรุนแรง จนกระทั่งนายพลเชมซี ปาชา นายทหารของพระองค์ถูกทหารด้วยกันเองยิงเสียชีวิตหลังจากรายงานข่าวการปราบปรามพวกยังเติร์กมายังพระองค์เมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2451 ในวันรุ่งขึ้น พระองค์จึงออกประกาศว่าจะยอมให้เลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาและประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ต่อมาอีก 9 เดือน สุลต่านพยายามจะยึดอำนาจคืน กลุมยังเติร์กรู้ตัวก่อนจึงตัดสินใจถอดพระองค์ออกจากราชสมบัติเมื่อ 28 เมษายน พ.ศ. 2452 และตั้งอนุชาของพระองค์ขึ้นเป็นสุลต่านแทน พระนามว่าสุลต่านเมห์เมดที่ 5 พระองค์ถูกเนรเทศไปอยู่เมืองซาโลนิกา แต่ได้เสด็จกลับมาประทับที่พระราชวังเบย์เลอร์เบยีที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลฝั่งเอเชียจนสิ้นพระชนม์เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2460 รวมพระชนม์ได้ 75 พรรษา
This article uses material from the Wikipedia ไทย article สุลต่านอับดุล ฮามิดที่ 2, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.