อเลสซันโดร ดี มารีอาโน ดี วันนี ฟีลีเปปี หรือ ซันโดร บอตตีเชลลี หรือเรียกสั้น ๆ ว่า บอตตีเชลลี (อิตาลี: Alessandro di Mariano di Vanni Filipepi หรือ Sandro Botticelli เรียกย่อว่า Il Botticello; 1 มีนาคม ค.ศ.
1444 (พ.ศ. 1987/1988) – 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1510 (พ.ศ. 2053) เป็นจิตรกรชาวอิตาลีแห่งสกุลช่างเขียนแห่งฟลอเรนซ์ระหว่างสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนต้น เพียงไม่ถึงร้อยปึต่อมาวิธีการเขียนของสกุลช่างนี้ (ภายใต้การอุปถัมภ์ของโลเรนโซ เด เมดีชี) ก็ถูกจัดโดยจอร์โจ วาซารีให้เป็น “ยุคทอง” ในบทนำของหนังสือ “ชีวิตศิลปิน” ในส่วนชีวประวัติของบอตตีเชลลี ชื่อเสียงของบอตตีเชลลีได้รับความเสียหายหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้วมาจนกระทั่งปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาบอตตีเชลลีก็ได้รับความนับถือว่าเป็นจิตรกรฝีมือดีของสมัยเรอแนซ็องส์ตอนต้นของอิตาลีหรือสมัยที่เรียกกันในภาษาอิตาลีว่า “กวัตโตรเชนโต” ผลงานที่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นงานชิ้นเอกของงานเขียนแบบฟลอเรนซ์ก็ได้แก่ “กำเนิดวีนัส” และ “ฤดูใบไม้ผลิ”
ซันโดร บอตตีเชลลี | |
---|---|
ภาพเหมือนตนเอง ในภาพ การนมัสการของโหราจารย์ (1475) | |
เกิด | อเลสซันโดร ดี มารีอาโน ดี วันนี ฟีลีเปปี ป. ค.ศ.1445 ฟลอเรนซ์, สาธารณรัฐฟลอเรนซ์ (ปัจจุบันคือประเทศอิตาลี) |
เสียชีวิต | 17 พฤษภาคม ค.ศ.1510 (ป. 64 ปี) ฟลอเรนซ์, สาธารณรัฐฟลอเรนซ์ |
สัญชาติ | อิตาลี |
การศึกษา | ฟีลิปโป ลิปปี |
มีชื่อเสียงจาก | จิตรกร |
ผลงานเด่น | ฤดูใบไม้ผลิ กำเนิดวีนัส การนมัสการของโหราจารย์ และอื่น ๆ |
ขบวนการ | สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลี |
ประวัติชีวิตของบอตตีเชลลีเบื้องต้นไม่เป็นที่รู้จักกันเท่าใดนักเพียงแต่ทราบว่ามิได้ฝึกเป็นช่างเขียนจนอายุราวสิบสี่ปี ซึ่งชี้ให้เห็นว่าได้รับการศึกษามากกว่าช่างเขียนอื่น ๆ ร่วมสมัย วาซารีกล่าวว่าบอตตีเชลลีได้รับการฝึกเป็นช่างทองก่อนโดยอันโตนีโอ พี่ชาย อาจจะเป็นราวปี ค.ศ. 1462 จึงได้ไปฝึกการเขียนภาพกับฟีลิปโป ลิปปี งานชิ้นแรก ๆ ของบอตตีเชลลีกล่าวกันว่าเป็นงานของลิปปี แต่ก็ยังเป็นที่ไม่ตกลงกันว่าเป็นงานเขียนของผู้ใดแน่ แต่บอตตีเชลลีศึกษาการเขียนรายละเอียดและความอ่อนหวานจากลิปปี งานเขียนของจิตรกรสำคัญอีกผู้หนึ่งที่มีอิทธิพลต่องานของบอตตีเชลลีคืองานของมาซัชชีโอ จากหลักฐานที่เพิ่งพบเมื่อไม่นานนี้ ในช่วงเวลานี้บอตตีเชลลีอาจจะเดินทางไปฮังการีเพื่อไปช่วยในการเขียนจิตรกรรมฝาผนังของงานร่วมปฏิบัติของฟีลิปโป ลิปปี ที่แอสซ์แตร์กม (Esztergom) ที่ได้รับสัญญาจ้างจากวีติซ ยานอส (Vitéz János) ผู้เป็นอัครบาทหลวงแห่งฮังการี
ภายในปี ค.ศ. 1470 บอตตีเชลลีก็มีห้องเขียนภาพเป็นของตัวเอง แม้ว่าจะเป็นงานเขียนสมัยต้นแต่ลักษณะการเขียนก็เป็นงานเขียนที่แสดงลักษณะที่พบในประติมากรรมแบบนูนต่ำมีเน้นการเขียนขอบคันและลดความตัดกันระหว่างแสงและเงา
งานชิ้นเอกสองชิ้น “ฤดูใบไม้ผลิ” (Primavera) ที่เขียนราวปี ค.ศ. 1478 และ “กำเนิดวีนัส” (The Birth of Venus) ที่เขียนราว ปี ค.ศ. 1485 เป็นงานที่วาซารีเห็นที่คฤหาสน์ของโลเรนโซ ดี ปิแอร์ฟรันเชสโก เด เมดีชี ที่เมืองกัสเตลโลราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และเป็นที่เชื่อกันมาจนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าเป็นงานเขียนที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับคฤหาสน์ที่กัสเตลโล แต่ผู้เชี่ยวชาญเมื่อไม่นานมานี้เชื่อว่าภาพ “ฤดูใบไม้ผลิ” เขียนสำหรับคฤหาสน์ของเมดีชีในฟลอเรนซ์ และภาพ “กำเนิดวีนัส” เขียนสำหรับผู้จ้างคนอื่นสำหรับสถานที่อื่น แต่เมื่อราวปี ค.ศ. 1499 สองภาพนี้ก็ได้มาตั้งที่คฤหาสน์ที่กัสเตลโล
งานสองชิ้นนี้มีอิทธิพลมาจากงานวรรณกรรมแบบสัจนิยมของกอทิกจากการศึกษางานเขียนโบราณของบอตตีเชลลี แต่ถ้าจะให้เข้าใจภาพเขียนอย่างที่ภาพควรจะเป็นที่เข้าใจ เนี้อความของภาพเขียนก็ยังกำกวมและทำให้ผู้ดูฉงนสนเท่ห์อยู่ ความซับซ้อนของความหมายทำให้ภาพยังได้รับการวิจัยศึกษาโดยผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเน้นความเข้าใจในทางปรัชญาของมานุษยวิทยาและโคลงกลอนของศิลปินร่วมสมัยของบอตตีเชลลี งานของบอตตีเชลลีมิได้พยายามสื่อสารข้อความจากบทเขียนเรื่องเดียว แต่จากหัวข้อสำคัญของบทเขียนจากหลายแหล่ง สำหรับความงามของภาพเขียนวาซารีใช้คำว่า “grace”
ภาพ “การนมัสการของโหราจารย์” ที่เขียนเมื่อปี ค.ศ. 1476 สำหรับวัดซันตามาเรียโนเวลลา (Santa Maria Novella) มีภาพเหมือนของโกซีโม เด เมดีชี, จูลิอาโน เด เมดีชี (หลาน) และ โจวันนี เด เมดีชี (ลูก) วาซารีสรรเสริญคุณภาพของภาพเขียนว่าเป็นจุดสุดยอดของบอตตีเชลลี
ในปี ค.ศ. 1481 สมเด็จพระสันตะปาปาซิกส์ตุสที่ 4 เรียกตัวบอตตีเชลลีและช่างเขียนผู้มีชื่อเสียงชาวฟลอเรนซ์และอุมเบรียอื่น ๆ ไปเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่โบสถ์น้อยซิสทีน งานที่บอตตีเชลลีเขียนมีความสำเร็จพอประมาณ หลังจากนั้นบอตตีเชลลีก็กลับมาฟลอเรนซ์ และเขียนความเห็นบางส่วนของงานของดันเตและเขียนภาพประกอบ “ไฟนรก” (Inferno) สำหรับมหากาพย์ ดีวีนากอมเมเดีย (ไตรภูมิดันเต) ซึ่งบอตตีเชลลีทุ่มเททั้งทางใจและทางกำลังทรัพย์จนทำให้ชีวิตออกจะไม่เข้าร่องเข้ารอยอยู่ระยะหนึ่ง
กลางคริสต์ทศวรรษ 1480 บอตตีเชลลีเขียนจิตรกรรมฝาผนังชิ้นสำคัญร่วมกับปีเอโตร เปรูจีโน, โดเมนีโก กีร์ลันดาโย และฟีลิปปีโน ลิปปี ให้กับโลเรนโซ เด เมดีชีที่คฤหาสน์ใกล้เมืองวอลแตร์รา นอกไปจากการเขียนจิตรกรรมฝาผนังสำหรับวัดหลายแห่งในฟลอเรนซ์
ในปี ค.ศ. 1491 บอตตีเชลลีทำงานให้กับสมาคมที่มีอำนาจในการตัดสินในการตกแต่งด้านหน้าของมหาวิหารฟลอเรนซ์ ในปี ค.ศ. 1502 บอตตีเชลลีถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในการสมสู่วัจมรรคแต่ต่อมาศาลก็ยกเลิกข้อกล่าวหา ในปี ค.ศ. 1504 บอตตีเชลลีได้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการที่มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับที่ตั้งของประติมากรรมดาวิดโดยมีเกลันเจโล งานเขียนสมัยต่อมา โดยเฉพาะงานเขียนในชุดประวัติของนักบุญเซนอบิอุส (Saint Zenobius) แสดงการเปลื่ยนแปลงวิธีการเขียนรูป ตัวแบบจะออกไปทางบิดเบือนและการใช้สีที่ไม่เป็นธรรมชาติ เช่นที่เห็นในงานเขียนของฟราอันเจลีโกเกือยร้อยปีก่อนหน้านั้น
This article uses material from the Wikipedia ไทย article ซันโดร บอตตีเชลลี, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.