จักรพรรดิโชวะ

จักรพรรดิโชวะ​ (ญี่ปุ่น: 昭和天皇.; โรมาจิ: Shōwa-tennō., 29 เมษายน..

ค.ศ. 1901 – 7 มกราคม ค.ศ. 1989) หรือที่รู้จักในสื่อต่างประเทศจากพระนามจริงว่า ฮิโรฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 裕仁โรมาจิHirohito) เป็นจักรพรรดิญี่ปุ่นพระองค์ที่ 124 ปกครองจักรวรรดิญี่ปุ่นตั้งแต่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1926 ซึ่งเปลี่ยนมาเป็นประเทศญี่ปุ่นใน ค.ศ. 1947 จนกระทั่งเสด็จสวรรคต รวมรัชสมัย 63 ปี นับเป็นจักรพรรดิที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดของโลก

จักรพรรดิโชวะ
จักรพรรดิโชวะ
จักรพรรดิญี่ปุ่น
ครองราชย์25 ธันวาคม พ.ศ. 2469 - 7 มกราคม พ.ศ. 2532
(62 ปี 13 วัน)
พิธีขึ้น10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471
พระราชวังหลวงเคียวโตะ
ก่อนหน้าจักรพรรดิไทโช
ถัดไปจักรพรรดิอากิฮิโตะ
นายกรัฐมนตรี
ดูรายพระนามและรายชื่อ
เจ้าชายผู้สำเร็จราชการแห่งญี่ปุ่น
ระหว่าง29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2464 – 25 ธันวาคม พ.ศ. 2469
(5 ปี 26 วัน)
จักรพรรดิจักรพรรดิไทโช
พระราชสมภพ29 เมษายน ค.ศ. 1901(1901-04-29)
พระราชวังโทงู อาโอยามะ กรุงโตเกียว จักรวรรดิญี่ปุ่น
ฮิโรฮิโตะ
พระราชทานเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2444
สวรรคต7 มกราคม ค.ศ. 1989(1989-01-07) (87 ปี)
พระราชวังโอมิยะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ฝังพระศพ24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1989
จักรพรรดินีจักรพรรดินีโคจุง
อภิเษกเมื่อวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1924
พระราชบุตรเจ้าหญิงชิเงโกะ ฮิงาชิกูนิ
เจ้าหญิงซาจิโกะ เจ้าหญิงฮิซะ
เจ้าหญิงคาซูโกะ เจ้าหญิงทากะ
เจ้าหญิงอัตสึโกะ เจ้าหญิงโยริ
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
เจ้าชายมาซาฮิโตะ เจ้าชายฮิตาชิ
เจ้าหญิงทาคาโกะ เจ้าหญิงซูงะ
รัชศก
โชวะ (2469 - 2532)
พระมรณนาม
จักรพรรดิโชวะ (昭和天皇)
ถวายเมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1989
ราชวงศ์ราชวงศ์ญี่ปุ่น
พระราชบิดาจักรพรรดิไทโช
พระราชมารดาจักรพรรดินีเทเม
ศาสนาชินโต
ลายพระอภิไธยจักรพรรดิโชวะ

พระราชประวัติ

จักรพรรดิโชวะ 
เจ้าชายฮิโระฮิโตะ ครั้นทรงพระเยาว์ พ.ศ. 2445

จักรพรรดิฮิโระฮิโตะเสด็จพระราชสมภพ ณ พระราชวังอะโอะยะมะ ในกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 29 เมษายน ปีเมจิที่ 34 (ค.ศ.1901,พ.ศ. 2444) เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในเจ้าชายโยะชิฮิโตะ มกุฎราชกุมาร (ภายหลังคือจักรพรรดิไทโช) และเจ้าหญิงซะดะโกะ มกุฎราชกุมารี (ภายหลังคือจักรพรรดินีเทเม) โดยทรงราชทินนามขณะทรงพระเยาว์ ว่า เจ้าชายมิชิ (迪宮) ในปี พ.ศ. 2451 ทรงเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนประถมชูอิง

หลังจากจักรพรรดิเมจิพระอัยกาสวรรคตเมื่อ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2455 พระราชบิดาของพระองค์ เจ้าชายโยะชิฮิโตะ ก็ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิ ทำให้พระองค์กลายเป็นองค์รัชทายาทตามลำดับการสืบราชสันตติวงศ์ญี่ปุ่น ในขณะเดียวกัน ก็ทรงเข้ารับราชการในกองทัพบกและกองทัพเรือในยศเรือตรี ในตำแหน่งนายธง และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ชั้นสายสะพาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2457 ทรงได้รับการเลื่อนยศให้เป็นร้อยโทแห่งกองทัพบก และเรือตรีแห่งกองทัพเรือ สองปีต่อมา ก็ถูกเลื่อนยศขึ้นเป็น พันโท และ นาวาเอก ในปีเดียวกันนี้เอง พระองค์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น "มกุฎราชกุมาร" ตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการ เมื่อ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2457

มกุฎราชกุมาร

ในปี พ.ศ. 2463 พระองค์ได้รับการเลื่อนยศขึ้นเป็นพลโทแห่งกองทัพบก และ พลเรือโทแห่งกองทัพเรือ ต่อมา พ.ศ. 2464 เจ้าชายฮิโระฮิโตะได้ใช้เวลาหกเดือน ในการเสด็จประพาสยุโรป ซึ่งได้เสด็จพระราชดำเนินเยือน สหราชอาณาจักร, สาธารณรัฐฝรั่งเศส, ราชอาณาจักรอิตาลี, ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และ เบลเยียม นับเป็นมกุฎราชกุมารญี่ปุ่นพระองค์แรกที่เสด็จเยือนต่างประเทศ ซึ่งภายหลังการกลับจากยุโรป ทรงดำรงตำแหน่ง ผู้สำเร็จราชการพระองค์ จากการที่ที่พระราชบิดาทรงพระประชวรทางพระจิต

ระหว่างที่ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ทรงมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย อาทิ ใน พ.ศ. 2464 การลงนามในสนธิสัญญาสี่อำนาจ (อังกฤษ: Four-Power Treaty) โดยจักรวรรดิญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ตกลงที่จะรับรู้สภาพที่เป็นอยู่ในภาคพื้นแปซิฟิก ญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักรตกลงที่จะยุติพันธมิตรอังกฤษ-ญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ หรือใน พ.ศ. 2466 ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภูมิภาคคันโต เป็นต้น

พระราชจริยวัตร

หลังประสูติได้ไม่นาน เจ้าชายฮิโระฮิโตะอยู่ในความอภิบาลของ คะวะมุระ สึมิโยะชิ นายทหารเรือเกษียณ และภรรยา เมื่อคะวะมุระถึงแก่กรรมลงในปี พ.ศ. 2447 เจ้าชายองค์น้อยได้เสด็จกลับไปประทับร่วมกับพระบิดาและพระมารดาอีกครั้ง ณ พระราชวังโทงู ทรงรู้สึกใกล้ชิดพระบิดาและพระชนนีเท่าใดนั้นยากที่จะกล่าว แต่หนึ่งในบรรดามหาดเล็กที่ถวายการดูแลเจ้าชายอยู่คือ คันโระจิ โอะซะนะงะ ให้ความเห็นว่าเจ้าชายรักและผูกพันกับจักรพรรดิเมจิ ซึ่งเป็นพระอัยกาเป็นพิเศษ และยามที่เสด็จไปหาเสด็จสมเด็จพระอัยกาที่พระราชวังโตเกียว ก็โปรดที่จะเกาะแจอยู่กับพระองค์ แต่ภาพเช่นนั้นก็ไม่ปรากฏบ่อยนัก ทางจักรพรรดิเมจิ นั้น ก็ได้พระราชทานของขวัญแก่พระราชนัดดาองค์น้อยและแย้มพระโอษฐ์ให้ แม้จะตรัสกับพระราชนัดดาน้อยมาก เช่นเดียวกัน จักรพรรดิเมจิแทบจะไม่มีพระราชดำรัสต่อเจ้าชายโยะชิฮิโตะ มกุฎราชกุมารเลย

ในด้านพระวรกาย เจ้าชายฮิโระฮิโตะมิได้มีพระวรกายที่น่าประทับใจแก่ผู้พบเห็นแต่อย่างใด เพราะสายพระเนตรสั้น จึงต้องทรงฉลองพระเนตรตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และเหล่ามหาดเล็กก็ต้องคอยทูลให้เปลี่ยนท่าทางพระวรกายอยู่เสมอ เพราะพระบุคลิกภาพของพระองค์ไม่ค่อยงดงามนัก นอกจากนี้ยังทรงเป็นเด็กเรียนรู้ช้า มักจะมีปัญหาแม้กระทั่งกลัดกระดุมเครื่องแบบนักเรียน ต้องพึ่งการฝึกซ้อมร่างกาย, ทรงม้า, ว่ายน้ำ และวิธีออกกำลังกายอื่นๆ อีกมากเพื่อช่วยปรับเปลี่ยนพระบุคลิกภาพให้ดีขึ้น แต่ก็ยังทรงพระวรกายเล็กอยู่เช่นเดิมแม้เมื่อเจริญพระชันษาแล้ว

เมื่อเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ เสด็จพระราชดำเนินมาเยือนญี่ปุ่น เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจำต้องแสร้งตีลูกกอล์ฟพลาด เมื่อทอดพระเนตรเห็นว่าเจ้าชายฮิโระฮิโตะทรงตีลูกกอล์ฟไม่ค่อยถูก

พระราชโอรส-ธิดา

จักรพรรดิโชวะ 
เจ้าชายฮิโระฮิโตะและเจ้าหญิงนางาโกะ ในช่วงพิธีอภิเษกสมรส

เจ้าชายฮิโรฮิโตะได้อภิเษกสมรสกับ เจ้าหญิงนางาโกะแห่งคุนิ พระธิดาองค์โตในเจ้าชายคุนิ คุนิโยะชิ ซึ่งภายหลังราชาภิเษกก็ขึ้นเป็น "สมเด็จพระจักรพรรดินี" เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2467 (ค.ศ. 1924) และมีพระราชโอรสด้วยกัน 2 พระองค์ และพระราชธิดา 5 พระองค์

ขึ้นครองราชสมบัติ

จักรพรรดิโชวะ 
สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ ครั้นเสด็จขึ้นครองราชย์
จักรพรรดิโชวะ 
สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะในช่วงปีแรกของการครองราชย์สมบัติ

ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระราชบิดา จักรพรรดิไทโช เจ้าชายฮิโระฮิโตะจึงได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ในนามรัชสมัยใหม่ว่า โชวะ ที่หมายถึงสันติภาพอันส่องสว่าง ซึ่งภายหลังจากการสวรรคตของพระราชบิดาไม่นาน จักรพรรดิโยะชิฮิโตะถูกออกพระนามเป็น "จักรพรรดิไทโช"

สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ ทรงตั้งความหวังไว้กับประเทศญี่ปุ่นไว้สูง โดยในพระราชโองการฉบับแรกแห่งรัชสมัยที่ทรงประกาศเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2469 มีข้อความว่า

โลกเราในขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการวิวัฒน์ไปอย่างต่อเนื่อง ประวัติศาสตร์บทใหม่แห่งอารยธรรมโลกกำลังพลิกเผยตัวตนให้เราได้เห็นกัน...นโยบายของชาติเรามักจะมุ่งเน้นไปที่วิถีทางอันดำเนินไปอย่างต่อเนื่องพร้อม ๆ กับการปรับปรุงให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ คือ ความเรียบง่ายแทนการสร้างภาพที่ไร้ประโยชน์ ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตนแทนการลอกเลียนแบบที่ไม่รู้จักคิด วิธีดำเนินงานที่สอดคล้องกับวิวัฒนาการแห่งยุคสมัยที่ดำเนินอยู่ การพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นเพื่อจะได้ไหลลื่นไปกับกระแสความก้าวหน้าแห่งอารยธรรมโลก ความกลมเกลียวในชาติทั้งในด้านจุดหมายที่ต้องไปให้ถึงและวิธีการที่จะทำให้บรรลุจุดหมายนั้น ๆ คุณงามความดีที่เผยแผ่ไปทุกชนชั้น และสุดท้าย ความมีมิตรไมตรีจิตต่อประเทศทั้งมวลบนผืนพิภพ สิ่งเหล่านี้คือจุดหมายหลักที่เราใฝ่ใจและมุ่งที่จะไปให้ถึงอย่างที่สุด

— สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ

เหตุการณ์ต้นรัชสมัย

จักรพรรดิโชวะ 
สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ ในปี 2478
จักรพรรดิโชวะ 
สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะทรงออกว่าราชการ

ตอนต้นรัชสมัยโชวะนั้น เป็นยุคสมัยที่ญี่ปุ่น กำลังประสบกับวิกฤตการณ์การเงิน ในขณะที่อำนาจของกองทัพก็มีมากขึ้นภายในรัฐบาล ด้วยการแทรกแซงทั้งวิธีการตามกฎหมายและนอกกฎหมาย กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้กุมอำนาจทางการเมืองอย่างเด็ดขาดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2443 ซึ่งระหว่างปี พ.ศ. 2464-2487 ก็มีอุบัติเหตุทางการเมืองมากถึง 64 ครั้ง

กบฏ 26 กุมภาฯ

9 มกราคม พ.ศ. 2475 สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ รอดจากการลอบสังหารอย่างหวุดหวิด จากการขว้างระเบิดมือของ ลี บงชาง นักเคลื่อนไหวเพื่อปลดแอกเกาหลี ในกรุงโตเกียว หรือที่เรียกกันว่า เหตุการณ์ซะกุระดะมง อีกกรณีที่น่าสังเกตคือการลอบสังหารอินุไก สึโยะชิ นายกรัฐมนตรี โดยทหารเรือระดับล่างในปีเดียวกัน เหตุการณ์นี้เองตามมาด้วยการที่สี่ปีต่อมา กลุ่มนายทหารรักษาพระองค์ระดับล่างที่มีแนวคิดแบบชาตินิยม หรือ โคโดฮะ ไม่พอใจเหล่านายทหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล ในหลายๆ เรื่อง อาทิ การทุจริตในรัฐบาล ผลประโยชน์แก่เหล่าพวกพ้อง มีความพยายามทำรัฐประหาร ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2479 ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม เหตุการณ์ 26 กุมภาพันธ์

การก่อกบฏครั้งนี้ได้สร้างความสูญเสียเป็นอย่างมาก นักการเมือง, เจ้าหน้าที่, และนายทหารระดับสูงหลายคนถูกฆ่าตาย มีการบุกทำลายสถานที่ราชการหลายแห่งในใจกลางกรุงโตเกียว การก่อกบฏครั้งนี้ ฝ่ายกบฏอ้างว่าเป็นการต่อสู้ในนามของพระจักรพรรดิ เมื่อจักรพรรดิทรงทราบว่ามีกลุ่มทหารเลือดใหม่ก่อกบฏ ทรงกำชับรัฐมนตรีกลาโหมอย่างเฉียบขาดว่า "เราให้เวลาท่านหนึ่งชั่วโมงในการปราบกบฏ" ผลปรากฏว่า รัฐบาลล้มเหลวในการปราบกบฏ วันต่อมาทรงรับสั่งว่า "ฉัน! ตัวฉันนี่แหล่ะ จะนำกองโคะโนะเอะ(กองราชองค์รักษ์)และปราบพวกเขาเอง" กลุ่มกบฏได้บุกเข้ามายังพระราชวังหลวงเพื่อต้องการที่จะอ่านสาสน์ต่อสมเด็จพระจักรพรรดิเพื่อให้จักรพรรดิรับรองสถานะของกลุ่มทหารที่ก่อการกบฏ จักรพรรดิฮิโระฮิโตะมีพระราชดำรัสต่อกลุ่มทหารเหล่านั้นว่า "พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรที่เข้ามาในนี้ ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นจักรพรรดิของพวกเจ้า"

ภายหลังปราบกบฏได้ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พลเรือเอก โอกะดะ เคซุเกะ นายกรัฐมนตรีซึ่งรอดจากการถูกสังหาร ได้ปรากฏตัวหลังจากการหลบซ่อน สามวันต่อมา เขาประกาศลาออกจากนายกรัฐมนตรี อันเป็นการเปิดทางให้มีการจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนขึ้น

สงครามโลกครั้งที่สอง

จักรพรรดิโชวะ 
สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะกับม้าขาวทรงโปรดชื่อว่า ชิรายูกิ (แปลตรงตัว 'หิมะขาว') ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

แม้ว่าพระองค์จะเห็นว่าการทำสงครามเป็นสิ่งจำเป็นต่อญี่ปุ่น แต่พระองค์ก็ไม่ทรงเห็นด้วยกับกองทัพที่ดำเนินนโยบายการสงครามแบบบ้าระห่ำ เมื่อทรงทราบถึงแผนการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ของสหรัฐอเมริกา พระองค์ทรงกังวลมิน้อยว่าการกระทำนี้จะส่งผลร้ายต่อญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามพระองค์ทรงพอพระทัยอยู่เสมอเมื่อทรงทราบว่ากองทัพญี่ปุ่นได้ชัยชนะในศึกสงครามที่อยู่ห่างไกล ต้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2485 ทรงพอพระทัยไม่น้อยกับชัยชนะอันรวดเร็วของจักรวรรดิญี่ปุ่นที่มีเหนือเกาะฮ่องกง, กรุงมะนิลา, สิงคโปร์, ปัตตาเวีย (จาร์กาตา) และย่างกุ้ง

ขณะเดียวกัน ก็ทรงกังวลเกี่ยวกับปัญหาในการลำเลียงเสบียงและเชื้อเพลิงไปให้กับกองกำลังญี่ปุ่นที่กำลังรบอยู่ในสมรภูมิที่ห่างไกลมาตุภูมิ "ชัยชนะที่ได้มาออกจะเร็วไปหน่อย" พระองค์จึงมักจะทรงเตือนผู้นำทหารบกและทหารเรือให้ปรับปรุงการทำงานระหว่างสองกองทัพให้ประสานงานได้ดีขึ้น เพราะสภาพที่เป็นอยู่นั้นจัดว่าไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง และยังทรงเตือนให้สองกองทัพ เลิกใช้วิธีเหมือนเล่นการเมืองพาทะเลาะกันเรื่องการเคลื่อนย้ายฝูงบินเสียที เมื่อทรงได้รับรายงานเกี่ยวกับความปราชัยครั้งสำคัญของญี่ปุ่นเช่นในยุทธนาวีที่มิดเวย์ จึงมีแต่พระราชดำรัสให้ผู้นำทหารทั้งหลายทำงานของตนให้ดีที่สุดในการปฏิบัติครั้งหน้า โดยแทบจะมิได้ทรงแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาอีก ราวกับทรงปลงเสียแล้ว

พระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติในระหว่างสงครามกระตุ้นให้ประชาชนฮึกเหิมกับศึกที่เกิดขึ้นด้วยอีกแรงหนึ่งไม่ว่าจะเป็นการทรงม้าขาวออกเสด็จตรวจกำลังพล หรือมีพระราชดำรัสเปิดการประชุมรัฐสภาที่ปลุกเร้ากำลังใจของราษฎรให้ช่วยกันพยายามเพื่อชัยชนะของประเทศตามหนังสือที่ร่างโดยรัฐบาล พระราชกรณียกิจเหล่านี้ล้วนสร้างภาพว่า พระองค์กำลังทรงบัญชาการความเคลื่อนไหวทั้งหมดของกองทัพในฐานะที่ทรงเป็นจอมทัพของชาติ ในความเป็นจริง พระองค์ทรงทำหน้าที่แค่ทอดพระเนตรรายงานการสถานการณ์รบ และลงพระนามรับรองแผนปฏิบัติการทางทหารต่างๆเท่านั้น สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะมิได้ทรงมีส่วนในการบัญชาการรบใดๆ เช่นเมื่อนานกิงถูกตีแตกในปี พ.ศ. 2480 และทหารญี่ปุ่นได้สังหารพลเรือนไปกว่าสองแสนคนนั้น รายงานที่ถวายไปยังพระองค์ระบุแค่ว่า กองทัพสามารถยึดนานกิงได้แล้ว

จักรพรรดิทรงเห็นว่า ญี่ปุ่นได้รับชัยชนะและดินแดนมามากเกินพอแล้ว การทำสงครามต่ออาจจะส่งผลร้ายในภายหลัง ทรงอยากให้กองทัพญี่ปุ่นยุติสงครามโดยไวที่สุด ดังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2485 พระองค์มีพระราชดำรัสให้พลเอกฮิเดะกิ โทโจ นายกรัฐมนตรีรับทราบข้อเท็จจริงข้อนี้ "ฉันหวังว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ท่านได้ใช้ความพยายามอย่างที่สุด และใช้ทุกโอกาสที่มีอยู่เพื่อยุติการประหัตประหารในทันทีที่สามารถทำได้ ถ้าคิดถึงความสงบสุขของมนุษย์ด้วยกันแล้ว การปล่อยให้สงครามยืดเยื้อต่อไปก็รังแต่จะเปล่าประโยชน์...ฉันเกรงว่า ประสิทธิภาพทหารเราอาจจะด้อยลง หากสงครามต้องยืดเยื้อ" แต่โทโจก็ยังยืนยันถึงความจำเป็นในการทำสงครามต่อไป

แม้กระแสการรบจะพัดย้อนไปกระหน่ำญี่ปุ่นแทน สงครามก็ยังไม่อาจยุติลงได้ ดูเหมือนว่าจักรพรรดิฮิโระฮิโตะกลับเป็นผู้ต่อเวลาทำสงครามออกไปเสียเองถึง 2 ทางด้วยกัน ประการแรก แม้ในช่วงแรก ๆ จะมีขบวนการสันติภาพที่ก่อตั้งขึ้นโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ข้าราชสำนัก และแม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์บางองค์ แต่สมเด็จพระจักรพรรดิก็ไม่ทรงยอดปลดโทโจออกตามคำเรียกร้องของสมาชิกขบวนการที่ต้องการจะหยุดยั้งสงครามไว้ให้ได้ เพราะในระหว่างยังไงเสียญี่ปุ่นก็ต้องอาศัยโทโจดำเนินการรบไปจนกว่าสถานะของญี่ปุ่นในการเจรจาสันติภาพจะดีขึ้น และบรรลุเงื่อนไขตามที่ญี่ปุ่นต่อรอง โดยพระองค์ตรัสกับ เจ้าทะกะมะสึ พระอนุชาองค์รองว่า

"ใครๆก็ว่าโทโจไม่ดี แต่จะหาใครดีไปกว่านี้ได้อีกไหมในเมื่อมันไม่มีคนที่เหมาะสมกว่า ยังจะมีทางเลือกอื่น นอกจากร่วมงานกับคณะของโทโจหรือ"

ภายหลังสงคราม

สถานะของจักรพรรดิ

จักรพรรดิโชวะ 
สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะและนายพลดักลาส แมคอาเธอร์

ภายหลังญี่ปุ่นยอมแพ้ สหรัฐอเมริกาได้ส่งกำลังทหารส่วนหนึ่งเข้าควบคุมญี่ปุ่น มีการเรียกร้องจากชาติฝ่ายสัมพันธมิตรโดยเฉพาะจากยุโรป ให้นำตัวสมเด็จพระจักรพรรดิมาลงโทษ นายพลดักลาส แมคอาเธอร์ ได้แสดงความคัดค้านอย่างถึงที่สุดในเรื่องนี้ ด้วยมองว่า จักรวรรดิญี่ปุ่นได้ยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข แสนยานุภาพของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ และหากจะลงโทษจักรพรรดิแล้ว อาจเกิดการลุกฮือจากกองทัพญี่ปุ่นก็เป็นได้ ซึ่งจะต้องส่งกำลังทหารเข้ามาประจำการในญี่ปุ่นอีกมหาศาล อีกทั้งการบัญชาการทัพญี่ปุ่นในการบุกดินแดนต่าง ๆ เป็นการบัญชาการจากผู้นำรัฐบาลและกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นเป็นหลัก ท้ายที่สุดจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ รอดพ้นจากข้อหาอาชญากรสงคราม

จักรพรรดิโชวะ 
สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะเสด็จเยือนเมืองฮิโรชิม่า ในปี ค.ศ. 1947 มีประชาชนมาเข้าเฝ้ารับเสด็จถวายพระพรเป็นจำนวนมาก

แม้ว่าสมเด็จพระจักรพรรดิจะรอดพ้นจากข้อหาอาชญากรสงคราม แต่ทรงถูกบังคับ ให้ปฏิเสธการเรียกร้องรัฐชินโตที่จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นเป็น อะระฮิโตะงะมิ หรือพระเจ้าที่มีตัวตน สิ่งนี้เป็นแรงจูงใจจากข้อเท็จจริงที่ว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่น ค.ศ. 1889 บัญญัติให้จักรพรรดิมีพระราชอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมาจากความเชื่อของชินโตที่ว่า พระราชวงศ์แห่งจักรพรรดิญี่ปุ่นเป็นสืบเชื้อสายมาจากจันทรเทพ สึกุโยะมิ และ สุริยะเทพี อะมะเตะระซุ ซึ่งจักรพรรดิฮิโระฮิโตะยืนกรานในความเชื่อนี้ ดังในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2488 ตรัสกับรองสมุหพระราชวัง มิชิโอะ คิโนะชิตะ ว่า "เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ที่จะบอกว่า ความคิดที่ว่าเท็นโน (จักรพรรดิ) เป็นลูกหลานของเทพเจ้านั้น เป็นความคิดที่ผิด แต่เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้อย่างยิ่งหากจะบอกว่า เรื่องที่เท็นโนเป็นลูกหลานของเทพเจ้า เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ "

การที่ทรงปฏิเสธข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสถานะอันศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิ ทำให้ปมนี้เป็นอันตกไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนายพลแมคอาเธอร์คิดว่า พระองค์มีแนวโน้มที่จะเป็นพันธมิตรที่จะทำให้สหรัฐได้รับประโยชน์ในอนาคต อีกส่วนคือการดำเนินการของชิเงะรุ โยะชิดะ นายกรัฐมนตรี ที่ขัดขวางความพยายามที่จะทำให้จักรพรรดิเป็นพระมหากษัตริย์ตามในแบบของยุโรป

อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาได้ถอดพระบรมวงศานุวงศ์บางพระองค์ออกจากฐานันดรศักดิ์เป็นสามัญชน

พระราชกรณียกิจ

จักรพรรดิโชวะ 
สมเด็จพระจักรพรรดินี, สุภาพสตรีฟอร์ด, สมเด็จพระจักรพรรดิ และประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด ที่ทำเนียบขาว พ.ศ. 2518

สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ ทรงดำเนินพระราชกรณียกิจทั่วไปที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ การขจัดทุกข์บำรุงสุขและให้กำลังใจแก่ประชาชน การปรากฏพระองค์ในพิธีการหรือเหตุการณ์สำคัญ นอกจากนี้ ยังทรงมีบทบาทสำคัญในด้านการสร้างภาพลักษณ์ทางการทูตของญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอยู่บ่อยครั้งเพื่อพบปะกับผู้นำต่างประเทศ อาทิ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 (พ.ศ. 2514) , ประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด (พ.ศ. 2518) เป็นต้น

สมเด็จพระจักรพรรดิทรงให้ความสนใจและทรงรอบรู้เกี่ยวกับชีววิทยาทางทะเล ซึ่งภายในพระราชวังโตเกียวมีห้องปฏิบัติการที่สมเด็จพระจักรพรรดิได้เผยแพร่เอกสารการค้นคว้าและวิจัยหลายด้าน ในนามแฝงของพระองค์ว่า "โช" ผลงานของพระองค์ก็อาทิ คำอธิบายเกี่ยวกับไฮโดรซัวหลากหลายสายพันธุ์

พระราชอิสริยยศ

  • 29 เมษายน พ.ศ. 2444 – 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2455: เจ้ามิชิ
  • 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2455 – 25 ธันวาคม พ.ศ. 2469: มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น
  • 25 ธันวาคม พ.ศ. 2469 – 7 มกราคม พ.ศ. 2532: สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

พงศาวลี

อ้างอิง

บรรณานุกรม

  • Behr, Edward Hirohito: Behind the Myth, Villard, New York, 1989. - A controversial book that posited that Hirohito had a more active role in WWII than had publicly been portrayed; it contributed to the re-appraisal of his role.
  • Bix, Herbert P. Hirohito and the Making of Modern Japan, HarperCollins, 2000. ISBN 0-06-019314-X, A recent scholarly (and copiously sourced) look at the same issue.
  • Drea, Edward J. (1998). "Chasing a Decisive Victory: Emperor Hirohito and Japan's War with the West (1941-1945)". In the Service of the Emperor: Essays on the *Imperial Japanese Army. Nebraska: University of Nebraska Press. ISBN 0-8032-1708-0.
  • Fujiwara, Akira, Shōwa Tennō no Jū-go Nen Sensō (Shōwa Emperor's Fifteen-year War), Aoki Shoten, 1991. ISBN 4-250-91043-1 (Based on the primary sources)
  • Hoyt, Edwin P. Hirohito: The Emperor and the Man, Praeger Publishers, 1992. ISBN 0-275-94069-1
  • Kawahara, Toshiaki Hirohito and His Times: A Japanese Perspective, Kodansha International, 1997. ISBN 0-87011-979-6 (Japanese official image)
  • Mosley, Leonard Hirohito, Emperor of Japan, Prentice-Hall, Englewood Cliffs, 1966. ISBN 1-111-75539-6 ISBN 1-199-99760-9, The first full-length biography, it gives his basic story.
  • Wetzler, Peter Hirohito and War: Imperial Tradition and Military Decision Making in Prewar Japan, University of Hawaii Press, 1998. ISBN 0-8248-1925-X
  • Yamada, Akira, Daigensui Shōwa Tennō (Shōwa Emperor as Commander in Chief), Shin-Nihon Shuppansha, 1994. ISBN 4-406-02285-6 (Based on the primary sources)


ก่อนหน้า จักรพรรดิโชวะ ถัดไป
สมเด็จพระจักรพรรดิไทโช จักรพรรดิโชวะ  จักรพรรดิโชวะ 
จักรพรรดิญี่ปุ่น
(พ.ศ. 2469 - พ.ศ. 2532)
จักรพรรดิโชวะ  สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
เจ้าชายโยะชิฮิโตะ
ภายหลังคือ จักรพรรดิไทโช
จักรพรรดิโชวะ  จักรพรรดิโชวะ 
มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น
(พ.ศ. 2457 - พ.ศ. 2469)
จักรพรรดิโชวะ  เจ้าชายอะกิฮิโตะ
ภายหลังคือ จักรพรรดิเฮเซ
ไม่มี จักรพรรดิโชวะ  จักรพรรดิโชวะ 
ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
(พ.ศ. 2464 - พ.ศ. 2469)
จักรพรรดิโชวะ  ทรงขึ้นเป็นจักรพรรดิเอง

Tags:

จักรพรรดิโชวะ พระราชประวัติจักรพรรดิโชวะ พระราชจริยวัตรจักรพรรดิโชวะ พระราชโอรส-ธิดาจักรพรรดิโชวะ ขึ้นครองราชสมบัติจักรพรรดิโชวะ เหตุการณ์ต้นรัชสมัยจักรพรรดิโชวะ สงครามโลกครั้งที่สองจักรพรรดิโชวะ ภายหลังสงครามจักรพรรดิโชวะ พระราชอิสริยยศจักรพรรดิโชวะ พงศาวลีจักรพรรดิโชวะ อ้างอิงจักรพรรดิโชวะ บรรณานุกรมจักรพรรดิโชวะจักรพรรดิญี่ปุ่นจักรวรรดิญี่ปุ่นประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นประเทศญี่ปุ่นภาษาญี่ปุ่นรายพระนามพระมหากษัตริย์ทั่วโลกตามรัชกาลโรมาจิ

🔥 Trending searches on Wiki ไทย:

สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาขุนณรงค์ ประเทศรัตน์มินนี่ (นักร้อง)สำนักงานอัยการสูงสุด (ประเทศไทย)ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ไทย)เอ็กซ์โอเอ็กซ์โอเอนเตอร์เทนเมนต์การ์ลัส ปุดจ์ดาโมนบอลทิมอร์ประเทศญี่ปุ่นพ.ศ. 2566ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปจรูญเกียรติ ปานแก้วข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีตี๋ เหรินเจี๋ยแอน อรดีศึกโลกเวทมนตร์คนพลังกล้ามกระทรวงสาธารณสุข (ประเทศไทย)จุลจักร จักรพงษ์สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกพงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัยสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีประเทศอินเดียจริยา แอนโฟเน่พระยศเจ้านายไทยอักษรไทยจักรภพ เพ็ญแขพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวคณะสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่นโรงเรียนนายร้อยตำรวจผู้หญิง 5 บาปจังหวัดราชบุรีณัฐฐชาช์ บุญประชมรายพระนามและชื่อผู้บัญชาการทหารบกไทยรายชื่อตอนในเป็นต่อ (ช่องวัน)รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเบ็นเท็น (ซีรีส์โทรทัศน์ พ.ศ. 2548)ตารางธาตุจังหวัดชลบุรีพระมหากษัตริย์ไทยมรรคมีองค์แปดจังหวัดสมุทรปราการพรรคภูมิใจไทยเป็นต่อโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษารายชื่อรัฐของสหรัฐเรียงตามลำดับการก่อตั้งสำนักพระราชวังสถาบันพระบรมราชชนกจังหวัดหนองบัวลำภูประเทศกัมพูชาสงครามเวียดนามญีนา ซาลาสเกียรติศักดิ์ เสนาเมืองเอ็งดรีกี เฟลีปีเมแทบอลิซึมสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์จุดทิศหลักคงกะพัน แสงสุริยะฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกสังคหวัตถุ 4พระราชสังวราภิมณฑ์ (โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ)ยศทหารและตำรวจไทยคิม ซู-ฮย็อนประเทศเนเธอร์แลนด์เขตพื้นที่การศึกษาเทย์เลอร์ สวิฟต์พงษ์สิทธิ์ คำภีร์หลิว เต๋อหัวอีสเตอร์ปฏิวัติ คำไหมประเทศลาวสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลนักเตะแข้งสายฟ้า🡆 More