บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: The ONE Enterprise Public Company Limited; ชื่อย่อ: ONEE) เป็นบริษัทมหาชนจำกัดที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น ในเครือของ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ซึ่งเป็นผู้นำในการประกอบธุรกิจสื่อและความบันเทิงอย่างครบวงจร ตั้งแต่การเป็นผู้สร้างสรรค์เนื้อหา ผ่านการผลิตรายการที่มีคุณภาพหลากหลายประเภท ครอบคลุมผู้ชมทุกกลุ่มเป้าหมาย ไปจนถึงการเป็นเจ้าของช่องทางเผยแพร่เนื้อหาที่ครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการจัดอีเวนต์, การรับจ้างผลิตและให้บริการแก่บุคคลภายนอก และการจำหน่ายลิขสิทธิ์เนื้อหาไปสู่ต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ให้บริการเช่าสตูดิโอ, การบริหารจัดการศิลปิน และการขายสินค้า โดยเป็นบริษัทเรือธงของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) สำหรับการผลิตเนื้อหาเพื่อออกอากาศทางทีวีดิจิทัลและวิทยุเอฟเอ็ม โดยต่อยอดการประกอบธุรกิจมาจาก บริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด และ บริษัท ซีเนริโอ จำกัด และมี บอย - ถกลเกียรติ วีรวรรณ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม
ชื่อเดิม |
|
---|---|
ประเภท | บริษัทมหาชนจำกัด |
การซื้อขาย | SET:ONEE |
อุตสาหกรรม | สื่อและสิ่งพิมพ์ |
ก่อนหน้า |
|
ก่อตั้ง |
|
สำนักงานใหญ่ | 50 อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ถนนอโศกมนตรี แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา, , |
บุคลากรหลัก | |
ผลิตภัณฑ์ | |
รายได้ | 4,875.91 ล้านบาท (ณ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563) |
เจ้าของ | จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ |
บริษัทในเครือ |
|
เว็บไซต์ | www |
เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ มีวิวัฒนาการจากการที่บอยเข้ามากำกับละครให้กับ บริษัท มาสเตอร์แพลน จำกัด (ปัจจุบันคือเอไทม์ มีเดีย) ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2533 ก่อนแยกตัวออกมาก่อตั้ง เอ็กแซ็กท์ เมื่อปี พ.ศ. 2534 ขึ้นเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน เพื่อผลิตเนื้อหาออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ ก่อนจะถูกเข้าซื้อกิจการโดยจีเอ็มเอ็ม มีเดีย ในปี พ.ศ. 2545 จากนั้นบอยได้ก่อตั้ง ซีเนริโอ ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 และถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 1 เป็นบริษัทร่วมของจีเอ็มเอ็ม มีเดีย เพื่อต่อยอดไปสู่การจัดคอนเสิร์ต, การจัดแสดงละครเวที รวมถึงบริหารโรงละครเมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์
จากนั้นในปี พ.ศ. 2556 จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้ก่อตั้ง บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ขึ้นเป็นบริษัทย่อย โดยถือหุ้นเอง 100% และให้เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ถือหุ้น 100% ในบริษัท วัน สามสิบเอ็ด จำกัด ซึ่งจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ส่งเข้าประมูลโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล ประเภทความละเอียดสูง ก่อนจะชนะการประมูลและได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการในชื่อช่องว่า ช่องวัน 31 จากนั้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2558 บอยและกลุ่มของบอยเข้าร่วมถือหุ้น 49% ในเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ พร้อมรับโอนกิจการโทรทัศน์จากเอ็กแซ็กท์และซีเนริโอมารวมกันเพื่อความสะดวกในการบริหาร และยังเข้าซื้อหุ้นในบริษัทอื่น ๆ เพิ่มเติม ทั้งเอ็กแซ็กท์ ซีเนริโอ, มีมิติ และแอ็กซ์ สตูดิโอ มาเป็นบริษัทย่อย จากนั้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2560 ได้รับการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2 เท่า โดยปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ในนามบริษัท ประนันทภรณ์ จำกัด
ต่อมาในปลายปี พ.ศ. 2563 เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของจีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง ซึ่งมีบริษัทย่อยคือจีเอ็มเอ็มทีวี, เชนจ์ 2561, จีเอ็มเอ็ม มีเดีย (รวมถึงเอไทม์ มีเดีย) และจีเอ็มเอ็ม สตูดิโอส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อขยายฐานผู้รับชมเนื้อหาในกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ รวมถึงเพิ่มการทำงานร่วมกันในกลุ่มบริษัท และเข้ารับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนการตลาดให้กับช่องจีเอ็มเอ็ม 25 เพื่อวางเนื้อหาของตนในแต่ละช่องทางการรับชมให้ชัดเจนขึ้น จากนั้นได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดในนาม บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เพื่อระดมทุนสาธารณะในรูปแบบการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ก่อนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในชื่อย่อหลักทรัพย์ ONEE และเริ่มซื้อขายหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน
เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2533 หลังจากที่บอย - ถกลเกียรติ วีรวรรณ บินกลับมาที่ประเทศไทยหลังจบการศึกษาจากสหรัฐ และเริ่มต้นเข้ามาทำงานในบริษัท แกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (ชื่อเดิมของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่) โดยเริ่มทำงานจาก บริษัท มาสเตอร์แพลน จำกัด ในเครือแกรมมี่ (ปัจจุบันคือ บริษัท เอไทม์ มีเดีย จำกัด) ของยุทธนา มุกดาสนิท และวาณิช จรุงกิจอนันต์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ผลิตละครออกอากาศมาแล้ว 4 เรื่อง ออกอากาศในปี พ.ศ. 2532 - 2533 โดยบอยได้รับหน้าที่กำกับละครซิตคอมเรื่องใหม่ให้มาสเตอร์แพลน 2 เรื่อง คือ นางฟ้าสีรุ้ง และ 3 หนุ่ม 3 มุม ซึ่งประสบความสำเร็จทั้ง 2 เรื่อง
ต่อมาบอยต้องการผลิตละครด้วยตนเองเพื่อออกอากาศหลังข่าว จึงได้แยกตัวจากมาสเตอร์แพลนออกมาก่อตั้ง บริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด (อังกฤษ: Exact Co., Ltd.) และควบตำแหน่งทั้งผู้จัด ผู้กำกับละคร และกรรมการผู้จัดการของบริษัทด้วยตนเอง แต่ยังเป็นบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งของแกรมมี่ เพื่อรับจ้างผลิตรายการประเภทละคร เกมโชว์ ทอล์กโชว์ วาไรตี้ ซิตคอม ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2534 โดยผลงานแรกอย่างเต็มรูปแบบของบริษัทคือละครดราม่าเรื่อง รักในรอยแค้น ออกอากาศในปี พ.ศ. 2535 ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และต่อมาเอ็กแซ็กท์ก็ประสบความสำเร็จในการผลิตซิตคอมหลายเรื่อง จนกระทั่งเป็นผู้นำในการผลิตซิตคอมของประเทศไทย ก่อนที่เอ็กแซ็กท์ รวมถึงมาสเตอร์แพลน จะถูกเข้าซื้อกิจการไปเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2545
และในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2547 บอยได้ต่อยอดธุรกิจโดยการก่อตั้ง บริษัท ซีเนริโอ จำกัด (อังกฤษ: Scenario Co., Ltd.) โดยในปัจจุบันถือหุ้นเอง 54.38%, ให้จีเอ็มเอ็ม มีเดีย ถือหุ้น 25% และอีก 20.62% ที่เหลือให้ศิลปิน นักแสดง และผู้บริหารของซีเนริโอเป็นผู้ถือหุ้น โดยมีจุดประสงค์เดียวกับเอ็กแซ็กท์ คือรับจ้างผลิตรายการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ ซึ่งมักจะผลิตรายการร่วมกับเอ็กแซ็กท์เป็นส่วนมาก แต่ซีเนริโอได้ต่อยอดธุรกิจเพิ่มเติมจากเอ็กแซ็กท์คือการจัดแสดงคอนเสิร์ตและละครเวที รวมถึงต่อมายังได้จัดสร้างและบริหารโรงละครเมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ โดยการร่วมทุนกับเมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารไทยพาณิชย์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ซึ่ง 2 กิจการอย่างหลังนี้ซีเนริโอยังคงดำเนินกิจการมาจนถึงปัจจุบัน และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 ยังมีการผลิตเนื้อหาออกอากาศในช่องทางออนไลน์เพิ่มเติม ตามวิสัยทัศน์ใหม่คือ "มากกว่าละครเวที" ปัจจุบัน จิณณวัตร สิริวัฒน์ เป็นกรรมการผู้จัดการ แทนบอยที่ขยับขึ้นไปเป็นประธานกรรมการแทน นอกจากนี้ ซีเนริโอยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 3 ในเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ในปัจจุบัน และยังเป็นผู้ถือหุ้นรายเดิมที่เสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกของ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ อีกด้วย
ในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ภายหลังจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ขายหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท จีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี เทรดดิง จำกัด (ชื่อในขณะนั้นของ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์) ให้กับบอยและกลุ่มของบอยแล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายได้ทำสัญญาร่วมกัน ซึ่งกำหนดให้เอ็กแซ็กท์และซีเนริโอโอนย้ายผู้บริหาร บุคลากรฝ่ายการผลิต ทรัพย์สิน และอุปกรณ์ในการผลิตรายการโทรทัศน์ทั้งหมด ยกเว้นลิขสิทธิ์ในคลังเนื้อหาเดิมของเอ็กแซ็กท์และซีเนริโอ จากจีเอ็มเอ็ม มีเดีย ไปยังจีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี เทรดดิง ทำให้เอ็กแซ็กท์และซีเนริโอเหลือธุรกิจเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์เพียงเฉพาะการถือลิขสิทธิ์ในคลังเนื้อหาเดิมของรายการและละครโทรทัศน์ที่ผลิตขึ้นก่อนปรับโครงสร้าง และซีเนริโอยังคงประกอบธุรกิจละครเวทีและคอนเสิร์ตเช่นเดิม โดยมีผลหลังการเสร็จสิ้นกระบวนการเพิ่มทุนเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558
ต่อมาในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560 บริษัท อเดลฟอส จำกัด ของกลุ่มทีซีซี ได้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ดูแลกลุ่มธุรกิจทั้งหมดของช่องจีเอ็มเอ็ม 25 ของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ซึ่งได้รวมเอาจีเอ็มเอ็ม มีเดีย เข้ามาเป็นบริษัทย่อยด้วย ในสัญญาจึงระบุให้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ปรับโครงสร้างการลงทุน โดยเข้าซื้อและรับโอนหุ้นในเอ็กแซ็กท์และซีเนริโอ เฉพาะส่วนที่จีเอ็มเอ็ม มีเดีย ถืออยู่เดิม มาถือเองโดยตรง ทำให้เอ็กแซ็กท์และซีเนริโอถูกย้ายไปเป็นบริษัทย่อยและบริษัทร่วมตามลำดับของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ไปโดยปริยาย การปรับโครงสร้างในส่วนนี้แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม
ส่วน เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ นั้น ก่อตั้งขึ้นโดยจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556 ในชื่อ บริษัท จีเอ็มเอ็ม เอชดี ดิจิทัล ทีวี เทรดดิง จำกัด (อังกฤษ: GMM HD Digital TV Trading Co., Ltd.) ด้วยทุนจดทะเบียน 200,000,000 บาท ถือหุ้นในสัดส่วน 100% โดยตราไว้ที่หุ้นละ 100 บาท มีสถานะเป็นบริษัทย่อย (Subsidiary) ของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และส่งบริษัท จีเอ็มเอ็ม เอชดี ดิจิทัล ทีวี จำกัด (อังกฤษ: GMM HD Digital TV Co., Ltd.; ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท วัน สามสิบเอ็ด จำกัด (อังกฤษ: One 31 Co., Ltd.)) บริษัทย่อยของตนเข้าประมูลช่องโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล และชนะการประมูลในประเภทช่องรายการทั่วไป ความละเอียดสูง โดยจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้ถ่ายโอนเนื้อหาของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม "จีเอ็มเอ็มวัน" มาให้จีเอ็มเอ็ม เอชดี ดิจิทัล ทีวี ดำเนินการออกอากาศทั้งหมดในนาม "ช่องวัน" (ปัจจุบันคือช่องวัน 31) จากนั้นบอยได้เข้าบริหารช่องวันอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีเอ็มเอ็ม ดิจิทัลทีวี (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เปลี่ยนชื่อตำแหน่งเป็น "ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม วัน ดิจิทัลทีวี") ของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน จีเอ็มเอ็ม เอชดี ดิจิทัล ทีวี เทรดดิง ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท จีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี เทรดดิง จำกัด (อังกฤษ: GMM One TV Trading Co., Ltd.) และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 400,000,000 บาท ก่อนที่บอยจะปรับเปลี่ยนแผนการออกอากาศละครซึ่งเดิมออกอากาศทาง ททบ.5 โดยย้ายมาออกอากาศทางช่องวันตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน เพื่อให้สอดคล้องกับเปลี่ยนแปลงรูปแบบการออกอากาศเพื่อให้ ททบ.5 เป็นสถานีโทรทัศน์ประเภทบริการสาธารณะเพื่อความมั่นคง รวมถึงกฎการเช่าเวลาผลิตรายการของ กสทช. และการขาดทุนในการเช่าเวลาผลิตละครกับ ททบ.5 อีกด้วย
จากนั้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557 คณะกรรมการของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้อนุมัติการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ในจีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี เทรดดิง โดยให้จีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี เทรดดิง เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 500,000,000 บาท ขายให้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เป็นผู้ถือหุ้นเพิ่มอีก 59,000,000 บาท และขายหุ้นอีก 441,000,000 บาทที่เหลือให้กับบอยและกลุ่มของบอย (ประกอบด้วยบริษัท ซีเนริโอ จำกัด, หุ้นที่บอยถือโดยตรง และบริษัท วัน ทำ ดี จำกัด) เป็นผู้ถือหุ้น รวมเป็นทุนจดทะเบียนใหม่ในขณะนั้นคือ 900,000,000 บาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นในจีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี เทรดดิง ระหว่างจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กับบอยและกลุ่มของบอย เปลี่ยนแปลงไปเป็น 51% ต่อ 49% จึงเปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อยเป็นกิจการร่วมค้า (Joint Venture) พร้อมทั้งทำสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น ให้จีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี เทรดดิง รับโอนกิจการโทรทัศน์ทั้งหมดของเอ็กแซ็กท์และซีเนริโอ ออกมาจากจีเอ็มเอ็ม มีเดีย และโอนถ่ายไปยังจีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก เพื่อเพิ่มความสะดวกในการบริหารทั้งเนื้อหาที่ตนผลิตและช่องทางการเผยแพร่ให้เป็นวงจรเดียวกัน และยังขายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท แอ็กซ์ สตูดิโอ จำกัด ซึ่งในขณะนั้นถือหุ้นโดยจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (รับโอนหุ้นมาจากเอ็กแซ็กท์เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2557) และซีเนริโอ ฝ่ายละ 50% ให้กับจีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี เทรดดิง เพื่อเข้าซื้อมาเป็นบริษัทย่อยของตน สำหรับใช้เป็นสตูดิโอถ่ายทำรายการและละครของช่องวัน โดยที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้เห็นชอบการปรับโครงสร้างธุรกิจทั้งหมดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 โดยกระบวนการเพิ่มทุนและการปรับโครงสร้างองค์กรทั้งหมดเสร็จสิ้นในวันที่ 27 มีนาคม และในช่วงเดือนเมษายน จีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี เทรดดิง ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท เดอะ นิวส์ ทีวี จำกัด จากจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอ็กแซ็กท์ ซีเนริโอ จำกัด (คนละนิติบุคคลกับเอ็กแซ็กท์และซีเนริโอ) มาเป็นบริษัทย่อย เพื่อดูแล ประสานงาน และบริหารจัดการศิลปินในสังกัด
ต่อมาในวันที่ 27 พฤษภาคม จีเอ็มเอ็ม วัน ทีวี เทรดดิง ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (อังกฤษ: The ONE Enterprise Co., Ltd.) และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,500,000,000 บาท จากนั้นในเดือนมิถุนายน เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท มีมิติ จำกัด ของรุ่งธรรม พุ่มสีนิล ในส่วนที่จีเอ็มเอ็มทีวีถืออยู่เดิมทั้งหมด ซึ่งคิดเป็น 70% ของหุ้นในมีมิติ ทำให้มีมิติถูกย้ายไปเป็นบริษัทย่อยของเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ไปโดยปริยาย เพื่อร่วมผลิตรายการเกมโชว์ วาไรตี้โชว์ เรียลลิตี้โชว์ ออกอากาศทางช่องวันและจีเอ็มเอ็ม แชนแนล และวันที่ 17 พฤศจิกายน หลังจากเข้าซื้อแอ็กซ์ สตูดิโอ ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำนวนอีก 405,000,000 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุนจดทะเบียนจึงเพิ่มขึ้นเป็น 1,905,000,000 บาท โดยเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ เข้าถือหุ้นในแอ็กซ์ สตูดิโอทั้งหมด และเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้รับหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของแอ็กซ์ สตูดิโอ มาเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นของตนตามสัดส่วน ต่อมาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้จำหน่ายหุ้นที่ตนถือในมีมิติให้รุ่งธรรมไปถือโดยตรงจำนวน 27,000 หุ้น พร้อมโอนพนักงานบางส่วนของตนไปยังมีมิติ และปรับสถานะเป็นบริษัทร่วม เนื่องจากเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ต้องการมุ่งเน้นการผลิตละครเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม รุ่งธรรมและเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ก็ได้ทำสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นในมีมิติ โดยเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จะประสานงานกับสถานีโทรทัศน์ในการเช่าเวลาออกอากาศรายการของมีมิติ
ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2560 เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยได้ขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บริษัท ประนันท์ภรณ์ จำกัด ซึ่งถือหุ้นใหญ่จำนวน 100% โดยแพทย์หญิงปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ บุตรสาวของนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ก่อตั้งสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และเครือกรุงเทพดุสิตเวชการ จำนวน 2 ครั้ง ในวันที่ 31 มีนาคม และ 31 พฤษภาคม เป็นจำนวน 500,000,000 บาท และ 1,405,000,000 บาท ตามลำดับ ทำให้ปรมาภรณ์เป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดใน เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ คือ 1,905,000,000 บาท และทำให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มจากเดิม 2 เท่า คือ 3,810,000,000 บาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นในเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ระหว่างประนันท์ภรณ์, จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กับบอยและกลุ่มของบอย เป็น 50% : 25.50% : 24.50% อย่างไรก็ตาม ประนันท์ภรณ์ไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารของเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ แต่อย่างใด ภายหลังการเพิ่มทุนเสร็จสิ้น เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้แต่งตั้งไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการของ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ควบอีกบริษัทหนึ่ง ระหว่างนี้ในวันที่ 17 เมษายน ซีเนริโอได้เสนอขายหุ้นที่ตนถืออยู่ใน เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำนวน 220,000,000 บาท ให้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มาลงทุนในเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ เพิ่มเติม โดยได้รับความเห็นชอบที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม และกระบวนการเข้าซื้อหุ้นเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นในเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ระหว่างประนันท์ภรณ์, จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กับบอยและกลุ่มของบอย เปลี่ยนเป็น 50% : 31.27% : 18.73% และตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม วัน ดิจิทัลทีวี ก็ได้ถูกโอนย้ายจากจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ไปเป็นธุรกิจของ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ อย่างเต็มรูปแบบ จากการปรับโครงสร้างองค์กรของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง จำกัด (ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจากจีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง; ประกอบด้วย จีเอ็มเอ็มทีวี, เชนจ์ 2561, จีเอ็มเอ็ม มีเดีย (รวมถึงเอไทม์ มีเดีย) และจีเอ็มเอ็ม สตูดิโอส์ อินเตอร์เนชั่นแนล) จากจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และกลุ่มทีซีซี มูลค่า 2,200,000,000 ล้านบาท ทำให้เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้กลุ่มบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์เนื้อหาหลากหลายประเภท เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของผู้รับชมเนื้อหาในหลากหลายกลุ่ม รวมถึงช่องทางการเผยแพร่เนื้อหาทางออฟไลน์เพิ่มเติมคือวิทยุ เข้ามาบริหารและเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปทั้งหมด รวมถึงทำสัญญาแต่งตั้งตัวแทนการตลาด และสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์รายการของช่องจีเอ็มเอ็ม 25 จากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จำกัด ผู้รับใบอนุญาตของช่องจีเอ็มเอ็ม 25 ซึ่งถูกโอนขายไปเป็นบริษัทย่อยของจีเอ็มเอ็ม โฮลดิ้ง ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ทำให้ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้รับสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนการตลาด ผ่านการจัดหาลูกค้า การจำหน่ายเวลาโฆษณาทั้งหมด และการร่วมผลิตรายการให้กับช่องจีเอ็มเอ็ม 25 โดยการปรับโครงสร้างทั้งหมดเสร็จสิ้นตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ยกเว้นการเป็นตัวแทนการตลาดและการอนุญาตใช้ชื่อรายการโทรทัศน์ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 จนกว่าจะหมดอายุใบอนุญาตของช่องจีเอ็มเอ็ม 25
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยแยกกิจการวิทยุและการผลิตเนื้อหาออกอากาศทางโทรทัศน์ของตนไปอยู่ในความดูแลของ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ทั้งหมด เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการสร้างสรรค์เนื้อหาของเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ให้ครอบคลุมผู้รับชมทุกกลุ่มเป้าหมาย และเป็นการขยายฐานผู้รับชมเนื้อหาให้ครอบคลุมมากขึ้นตามยุคสมัยที่ปัจจุบันมีผู้รับชมเนื้อหาเฉพาะกลุ่มมากขึ้น และเพื่อขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้ากัน ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมเพื่อนำ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ เข้าสู่การเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เพื่อทำการระดมทุนสาธารณะผ่านการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial public offering; IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ ซึ่งจะทำให้มูลค่าของบริษัทเพิ่มมากขึ้นจากทรัพย์สิน และการเป็นผู้นำด้านการสร้างสรรค์เนื้อหาอย่างครบวงจร โดยเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2564 คณะกรรมการของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้มีมติกำหนดให้ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นบริษัทเรือธง (Flagship Company) ของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ สำหรับการผลิตเนื้อหาที่มุ่งเน้นเพื่อการออกอากาศผ่านโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล และวิทยุกระจายเสียงระบบเอฟเอ็ม
วันที่ 10 มีนาคม ปีเดียวกัน จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้อนุมัติแนวทางการดำเนินธุรกิจเพิ่มเติมระหว่างตนกับ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ และอนุมัติให้ส่งแผนการนำเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยมีเงื่อนไขในการเข้าจดทะเบียนจำนวน 4 ข้อ จากนั้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ มีมติพิเศษอนุมัติให้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 3,810,000,000 ล้านบาท เป็น 4,762,500,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 952,500,000 บาท คิดเป็น 20% ของทุนจดทะเบียนเดิม เพื่อใช้เป็นหุ้นเพิ่มทุนที่จะใช้ในการระดมทุนสาธารณะโดยการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก รวมถึงแตกหุ้นจากเดิมหุ้นละ 100 บาท เป็นหุ้นละ 2 บาท ทำให้จำนวนหุ้นทั้งหมดของเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ มีจำนวน 2,381,250,000 หุ้น ในจำนวนนี้เสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกเป็นจำนวน 476,250,000 หุ้น (ตามเงื่อนไขเข้าจดทะเบียนข้อที่ 1) โดยมีผลหลังแปรสภาพ จากนั้นเมื่อวันที่ 28 เมษายน ได้กระจายหุ้นที่ถือโดยบริษัท วัน ทำ ดี จำกัด ให้ผู้ถือหุ้นของวัน ทำ ดี เป็นผู้ถือหุ้นโดยตรงตามสัดส่วน และในวันที่ 30 เมษายน ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ก็ได้มีมติอนุมัติเป็นเอกฉันท์ให้นำ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามแผนที่วางไว้
จากนั้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ได้แจ้งมติพิเศษของที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และแปรสภาพนิติบุคคลจากบริษัทจำกัด เป็นบริษัทมหาชนจำกัด ในนาม บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: The ONE Enterprise Public Co., Ltd.) ด้วยทุนจดทะเบียนตามมติพิเศษคือ 4,762,500,000 ล้านบาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในชื่อย่อหลักทรัพย์ ONEE โดยมีกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ซึ่งพบว่าซีเนริโอได้เสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกเพิ่มเติมอีกจำนวน 20,025,000 หุ้น มูลค่า 40,050,000 บาท คิดเป็นสัดส่วน 0.84% รวมแล้ว ONEE เสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปทั้งหมด 20.84% คิดเป็นจำนวน 496,252,500 หุ้น และเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม บริษัท ประนันท์ภรณ์ จำกัด ซึ่งปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ถือหุ้น 100% ได้โอนหุ้นที่ตนถือใน ONEE มาให้ปรมาภรณ์ถือโดยตรงทั้งหมด จากกระบวนการดังกล่าวทำให้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กลับขึ้นมามีอำนาจควบคุมใน ONEE อีกครั้ง โดยร่างหนังสือชี้ชวนได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม (ตามเงื่อนไขเข้าจดทะเบียนข้อที่ 2)
ONEE ได้เริ่มต้นกระบวนการระดมทุนสาธารณะโดยการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกในเบื้องต้นที่ช่วงราคาหุ้นละ 7.50 - 8.50 บาท เมื่อวันที่ 20 - 21, 25 - 26 ตุลาคม รวมถึงเสนอขายหุ้นให้แก่นักลงทุนสถาบันเมื่อวันที่ 28 - 29 ตุลาคม และ 1 พฤศจิกายน ผลปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนในระดับดีมาก ONEE จึงประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายที่ราคาสูงสุดของช่วงราคาที่ตั้งไว้ คือหุ้นละ 8.50 บาท ซึ่งเมื่อคำนวณกับจำนวนหุ้นที่เสนอขายไปแล้ว ONEE จึงมีมูลค่าเสนอขายทั้งหมด 4,218,146,250 บาท ทำให้เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าเสนอขายที่สูงที่สุดในหมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ นับตั้งแต่เปิดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกด้วย
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ONEE ได้รับชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นจนครบถ้วน และจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ (ตามเงื่อนไขเข้าจดทะเบียนข้อที่ 4) จากนั้นในวันรุ่งขึ้น (4 พฤศจิกายน) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ประกาศข่าวเพิ่มสินค้าใหม่เป็นหุ้นสามัญของ ONEE โดยกำหนดวันเริ่มต้นการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและการซื้อขายหุ้นของ ONEE ในวันที่ 5 พฤศจิกายน (ตามเงื่อนไขเข้าจดทะเบียนข้อที่ 3)
ในที่สุด เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (ONEE) ก็ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรรมการกับผู้บริหารได้ร่วมกันตีฆ้องและสั่นระฆังเป็นสัญลักษณ์ของการทำพิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกอย่างเป็นทางการ (First Trading Day) ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ เมื่อเวลา 10:00 น.
หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว ในปี พ.ศ. 2565 ONEE ได้ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงที่ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยลงทำการแข่งขันทุกนัด เพื่อขยายฐานผู้รับชมไปสู่ผู้รับชมที่เน้นรับชมรายการกีฬาเพิ่มเติม โดยเริ่มจากวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2022 ออกอากาศทางช่องวัน 31 สลับกับจีเอ็มเอ็ม 25 รวมทั้งยังร่วมมือกับเอสบีเอส คอนเทนต์ ฮับ จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อรวมกันผลิตซีรีส์จากประเทศเกาหลีใต้ในรูปแบบของประเทศไทยเพื่อออกอากาศทางช่องวัน 31 และออกอากาศคู่ขนานในประเทศเกาหลีใต้ ประเทศจีน และเครือข่ายทั่วโลก ต่อมาในวันที่ 9 พฤศจิกายน ได้จัดตั้งบริษัท วันสนุก จำกัด เป็นบริษัทย่อย เพื่อประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่นเพิ่มเติม
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปรมาภรณ์ได้ขายหุ้นสามัญที่ถืออยู่ในบริษัทเป็นจำนวน 375,000,000 หุ้น คิดเป็น 15% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของ ONEE ให้แก่นักลงทุนวงจำกัดแบบข้ามคืน (Overnight Private Placement) ซึ่งรวมถึงนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลโดยเฉพาะเจาะจง จำนวนไม่เกิน 50 ราย ในราคาหุ้นละ 8.50 บาท ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจัดจำหน่ายโดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน ONEE ของปรมาภรณ์ลดลงจาก 40.04% เหลือ 25.05% แต่ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของ ONEE เช่นเดิม และทำให้สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยของ ONEE เพิ่มขึ้นจาก 20.90% เป็น 35.90% โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารของกลุ่ม ONEE แต่อย่างใด
วันที่ 22 ธันวาคม ONEE ได้เผยแพร่สารสนเทศเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิมของ บริษัท ภาพดีทวีสุข จำกัด ของจีเอ็มเอ็มทีวี ในสัดส่วน 51% ซึ่งเป็นรายการที่มีการอนุมัติไว้ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน ทำให้ภาพดีทวีสุขมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ ONEE ไปโดยปริยาย และเป็นการขยายกำลังการผลิตคอนเทนต์เพื่อออกอากาศเป็นการเพิ่มเติม และในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2566 ONEE ได้เผยแพร่สารสนเทศเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 51% ในบริษัท กู๊ดธิงแฮพเพ่น จำกัด ของวันสนุก ซึ่งเป็นรายการที่มีการอนุมัติไว้ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ทำให้กู๊ดธิงแฮพเพ่นมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ ONEE ไปโดยปริยาย เพื่อเข้ามาช่วยดูแลการจัดจำหน่ายโฆษณาต่าง ๆ ให้กับบริษัทในเครือ
ต่อมาจากการปิดสมุดจดทะเบียนบริษัท ณ วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2566 พบว่าในช่วงหลังจากที่ปรมาภรณ์ขายหุ้นจนถึงวันปิดสมุด จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ได้รับหุ้น ONEE เพิ่มขึ้นอีก 1,600,000 หุ้น คิดเป็น 0.05% ของทุนจดทะเบียนบริษัท ทำให้ปัจจุบันจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กลับมาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ใน ONEE แทนปรมาภรณ์อีกครั้ง
วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ONEE ได้แจ้งว่าได้จัดตั้งบริษัทย่อยเพิ่มอีก 1 บริษัท คือบริษัท เกรทเดย์ โปรดักชั่นส์ จำกัด ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม และจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน โดย ONEE ถือหุ้น 100% เพื่อรับจ้างผลิตเนื้อหาเพิ่มเติม และบริษัทยังได้ให้วันสนุกร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนอีกสองแห่งกับนิติบุคคลอื่น คือ บริษัท จิงเจอซ์ จำกัด ประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตเนื้อหา และบริษัท นีโอ วัน ซัสเทนเมนท์ จำกัด ประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตเนื้อหา ผลิตสินค้า และรับจ้างจัดอีเวนต์
และในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ปรมาภรณ์ได้ขายหุ้นที่เหลือทั้งหมดใน ONEE ให้กับกลุ่มของพิธาน องค์โฆษิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย พิธาน จำนวน 14.84% และบริษัท วันทอง โฮลดิ้งส์ จำกัด จำนวน 10% และตระกูลวีรวรรณ ซึ่งประกอบด้วย ถกลเกียรติ, รสนาภรณ์ และอมรภิมล อีกรายละ 0.07% พร้อมกันนี้ พิธานยังได้ขายหุ้นของวันทอง โฮลดิ้งส์ ให้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ถือหุ้นทั้งหมด ทำให้โครงสร้างการถือหุ้นเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง และจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดในบริษัทโดยปริยาย
ลำดับที่ | รายชื่อผู้ถือหุ้น | จำนวนหุ้นสามัญ | สัดส่วนการถือหุ้น |
1 | บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) | 597,374,850 | 25.09% |
2 | นาย พิธาน องค์โฆษิต | 353,375,000 | 14.84% |
3 | บริษัท วันทอง โฮลดิ้งส์ จำกัด | 238,125,000 | 10.00% |
4 | บริษัท ซีเนริโอ จำกัด | 201,722,500 | 8.47% |
5 | นาย ถกลเกียรติ วีรวรรณ | 105,738,800 | 4.44% |
บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (ONEE) เป็นบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น หรือบริษัทผู้ถือหุ้น (Holding Company) โดยลงทุนและกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสื่อและความบันเทิงที่ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Vertically Integrated Service Provider) ตั้งแต่การเป็นผู้สร้างสรรค์เนื้อหา (Content Creator) ผ่านการผลิตรายการที่มีคุณภาพหลากหลายประเภท เช่น ละคร, ซิทคอม, ซีรีส์, วาไรตี้, เกมโชว์, ข่าว ครอบคลุมผู้ชมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มผู้ชมระดับกำลังซื้อสูงในวงกว้าง (Premium Mass), กลุ่มครอบครัว (Family), กลุ่มคนรุ่นใหม่ (New Generation) และกลุ่ม Edgy และยังเป็นเจ้าของช่องทางเผยแพร่เนื้อหาของตนซึ่งครอบคลุมทั้งออฟไลน์ (โทรทัศน์, วิทยุ) และออนไลน์ (เว็บไซต์, สื่อสังคม และบริการสื่อผ่านอินเทอร์เน็ต) โดยมีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจต่าง ๆ ดังนี้
ปัจจุบัน ONEE มีบริษัทในเครือจำนวน 14 บริษัท แบ่งออกเป็น 13 บริษัทย่อย และ 1 บริษัทร่วม ดังนี้
ONEE มีบริษัทร่วม 1 แห่งคือ บริษัท มีมิติ จำกัด (ONEE ถือหุ้น 25% อีก 75% ถือโดยรุ่งธรรม พุ่มสีนิล) เป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ประเภทเกมโชว์ วาไรตี้ เรียลลิตี้ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ โดย ONEE เป็นที่ปรึกษา หรือประสานงานให้กับสถานีโทรทัศน์ในการเช่าเวลาออกอากาศรายการของมีมิติ
ONEE ประกอบธุรกิจ 4 ธุรกิจหลัก และธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีก 3 ธุรกิจ ดังนี้
ONEE ประกอบกิจการในธุรกิจโทรทัศน์ ทั้งการผลิตรายการประเภทต่าง ๆ เช่น ละคร ซิทคอม ซีรีส์ วาไรตี้ เกมโชว์ และข่าว รวมถึงการบริหารลิขสิทธิ์ และการบริหารจัดการการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ โดยการนำรายการไปเผยแพร่ในช่องทางหลัก ได้แก่
ONEE ยังประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการสร้างสรรค์เนื้อหาเสียง (Voice Content) โดยจีเอ็มเอ็ม มีเดีย และเอไทม์ มีเดีย ดำเนินการผลิตรายการวิทยุออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทั้งบนคลื่นความถี่เอฟเอ็ม และช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันทั้งหมด 3 รายการ ได้แก่
ONEE ประกอบกิจการรับจ้างผลิตและบริการให้กับบุคคลภายนอกตามความต้องการ เพื่อนำไปเผยแพร่ในช่องทางการเผยแพร่ต่าง ๆ ทั้งของสถานีโทรทัศน์ที่เป็นพันธมิตร และผู้ให้บริการทางออนไลน์ โดยลิขสิทธิ์รายการจะเป็นของผู้ว่าจ้าง รวมถึงยังรับจ้างจัดอีเวนต์ให้กับบุคคลภายนอกอีกด้วย โดยจีเอ็มเอ็ม สตูดิโอส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้ผลิตผลงานต้นฉบับของเน็ตฟลิกซ์ (Netflix Original) รายแรกของประเทศไทย จากซีรีส์ เคว้ง ในปี พ.ศ. 2562
ONEE ประกอบธุรกิจจัดอีเวนต์ เช่น งานพบปะกับศิลปิน งานคอนเสิร์ต งานสัมมนา กิจกรรมตามสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ เช่นแอปพลิเคชันวีไลฟ์ หรือซูม โดยงาน "โกลบอล ไลฟ์ แฟนมีตติ้ง" ของไบรท์ - วชิรวิชญ์ ชีวอารี และวิน - เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร ซึ่งจัดโดยจีเอ็มเอ็มทีวี เป็นกิจกรรมที่ถูกเผยแพร่ไปมากกว่า 93 ประเทศทั่วโลก
นอกจากธุรกิจข้างต้น ONEE ยังประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ อันได้แก่
This article uses material from the Wikipedia ไทย article เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.