ลักษณวงศ์ เป็นนิทานคำกลอน เรื่องจักร ๆ วงศ์ ๆ ประพันธ์โดย สุนทรภู่ สันนิษฐานว่ามีสำนวนของผู้อื่นแต่งเติม สำนวนกลอนบางตอนคล้ายกับดัดแปลงมาจากเรื่อง โคบุตร
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ลักษณวงศ์ | |
---|---|
กวี | พระสุนทรโวหาร (ภู่) |
ประเภท | นิทานคำกลอน |
คำประพันธ์ | กลอนสุภาพ |
ยุค | ต้นรัตนโกสินทร์ |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมวรรณศิลป์ |
ท้าวพรหมทัต มีมเหสี ชื่อ สุวรรณอำภา และมีพระราชโอรส ชื่อ ลักษณวงศ์ ทรงพามเหสีพร้อมด้วยพระราชโอรสเสด็จประพาสป่า ได้พบนางยักษ์แปลงเป็นสาวสวยทำเล่ห์กลจนท้าวพรหมทัตลุ่มหลง ต่อมาจึงสั่ง ประหาร มเหสี และพระโอรส แต่เพชฌฆาตสงสารจึงปล่อยไป นางสุวรรณอำภาถูกพระยายักษ์พาตัวไป ฤๅษีนำลักษณวงศ์ไปเลี้ยงคู่กับนางทิพย์เกสร เมื่อโตขึ้นเรียนวิชาจนสำเร็จและได้นางทิพย์เกสรเป็นชายา ได้ฝากนางไว้กับฤๅษี ออกตามหามารดาจนพบและ กู้บ้านเมืองได้ และได้นางยี่สุ่น เป็นชายา นางทิพย์เกสรปลอมเป็นพราหมณ์ติดตามมาพบพระลักษณวงศ์ ด้วยความน้อยใจ จึงไม่แสดงตนให้พระลักษณวงศ์รู้ นางยี่สุ่นริษยาที่สามี ใส่ใจพราหมณ์มากจึงวางอุบาย กำจัดพราหมณ์เกสร ในที่สุดพราหมณ์ถูกประหาร ร่างของนางจึงกายเป็นหญิง ลักษณวงศ์เสียใจมากต่อมา พระลักษณวงศ์ได้นำโอรสน้อยไปเลี้ยงดู ตั้งชื่อให้ว่า เกสรสุริยวงศ์ จนถึงวันเผาศพนางทิพเกสร วิญญาณของ ฤๅษีมหาเมฆ พระอาจารย์ของพระลักษณวงศ์และนางทิพเกสรได้ลงมาเปิดโกศนำศพของนางทิพเกสรไปทำพิธีชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น นางจันทรังสี เมื่อพระลักษณวงศ์พบว่า ศพของนางทิพเกสรหายไป ก็ให้โหราจารย์ทำนายดู โหราจารย์ก็ทำนายว่า มีผู้นำศพของนางทิพเกสรไปทำพิธีชุบชีวิต ทำให้พระลักษณวงศ์ดีใจมาก และคิดจะออกไปตามหานางทิพเกสรเมื่อเกสรสุริยวงศ์โตแล้ว ซึ่งกว่าจะตามหานางทิพเกสรพบก็ผ่านเรื่องราวอีกมากมาย จนเรื่องราวจบลงอย่างมีความสุข
This article uses material from the Wikipedia ไทย article ลักษณวงศ์, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.