พรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นพรรคการเมืองไทยซึ่งก่อตั้งในกลางปี พ.ศ.
2550">พ.ศ. 2550 มีนายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก เป็นพรรคการเมืองที่เคยได้รับเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภาผู้แทนราษฎร 1 สมัย
พรรคเพื่อแผ่นดิน | |
---|---|
หัวหน้า | ไตรเทพ รัตนาจารย์ (รองหัวหน้าพรรค) (รักษาการ) |
รองหัวหน้า |
|
เลขาธิการ | ยศพนต์ สุธรรม |
เหรัญญิก | มาโนชญ์ เชื้อชาติ |
นายทะเบียนสมาชิก | กฤตธี จันทร์สง่า |
โฆษก | ไตรเทพ รัตนาจารย์ |
กรรมการบริหาร |
|
คำขวัญ | สร้างชาติ ธำรงศาสน์ เทิดราชบัลลังก์ (2550-2563) คุณธรรมสร้างคน ประชาชนสร้างชาติ (2563 - 2566) |
ก่อตั้ง | 2 ตุลาคม พ.ศ. 2550 |
ถูกยุบ | 13 มีนาคม พ.ศ. 2566 |
แยกจาก | พรรคไทยรักไทย |
ที่ทำการ | 7/1 หมู่ 14 ตำบลโนน อำเภอโนนนารายณ์ จังหวัดสุรินทร์ 32130 |
จำนวนสมาชิก (ปี 2566) | 6,427 คน |
เว็บไซต์ | |
http://www.ppdth.com/ | |
การเมืองไทย รายชื่อพรรคการเมือง การเลือกตั้ง |
ในช่วงก่อตั้ง นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก ยุทธศาสตร์หาเสียงของพรรคคือ "นำรอยยิ้มกลับสู่สังคมไทย" มีอดีต ส.ส.ภาคอีสานเป็นสมาชิก เช่น กลุ่มของพินิจ จารุสมบัติ ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ วัฒนา อัศวเหม โสภณ เพชรสว่าง กลุ่มอดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร ในกลุ่มกรุงเทพ 50 ของสุรนันท์ เวชชาชีวะ รวมทั้งกลุ่มบ้านริมน้ำของสุชาติ ตันเจริญ และกลุ่มทางภาคเหนือของกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ อีกด้วย ในส่วนของกลุ่มบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นนักการเมืองมาก่อน แต่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคด้วยก็ได้แก่ นายสุระ แสนคำ หรือ เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมป์โลกชาวไทย และ นาวาอากาศตรีปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย เป็นต้น
ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะกรรมการบริหารพรรค ได้แก่
รายนาม | ตำแหน่ง |
นายสุวิทย์ คุณกิตติ | หัวหน้าพรรค |
นายจิรายุ วสุรัตน์ | รองหัวหน้าพรรค |
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง | |
นายไชยยศ จิรเมธากร | |
พลเอก ธงชัย เกื้อสกุล | |
นายปาน พึ่งสุจริต | |
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ | |
นายมั่น พัธโนทัย | |
นายศุภรักษ์ ควรหา | |
นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ | |
นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ | |
นายกริช กงเพชร | |
นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ | |
นายแวมาฮาดี แวดาโอะ | |
นายสาคร สุขศรีวงศ์ | |
นายสานิต ว่องสัธนพงษ์ | |
นายสุรชาติ ชำนาญศิลป์ | |
นายวัชระ พรรณเชษฐ์ | เลขาธิการพรรค |
นายสันติ สาทิพย์พงษ์ | รองเลขาธิการพรรค |
นายกัษณ คินิมาน | |
นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท | |
นายจีรวงศ์ สนิทวงศ์ชัย | |
นายนพดล พลซื่อ | |
นายพูลพล อัศวเหม | |
นายพิริยะ โตสกุลวงศ์ | |
นายภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ | |
นางมุกดา พงษ์สมบัติ | |
นายศราวุธ เพชรพนมพร | |
นายสิทธิชัย จันทร์ธารักษ์ | |
นายอนันต์ แสงวัณณ์ | |
นายวชิระมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ | โฆษกพรรค |
นางปรียาภา แสงสุรินทร์ | นายทะเบียนสมาชิกพรรค |
นางสาวลักษณา การะเกตุ | เหรัญญิกพรรค |
ชื่อ | ตำแหน่ง |
---|---|
พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก | หัวหน้าพรรค |
พลเอก ธงชัย เกื้อสกุล | รองหัวหน้าพรรค |
นายสิทธิชัย จันทร์ธารักษ์ | |
นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม | |
นายรณฤทธิชัย คานเขต | |
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง ควบตำแหน่งเลขาธิการพรรค | |
นายไชยยศ จิรเมธากร | โฆษกพรรค |
การเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดดังกล่าวนี้ มีเรื่องวุ่นวายตามมาซึ่งมีสมาชิกพรรคบางส่วนอ้างว่าการที่พลตำรวจเอกประชา ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ถือเป็นโมฆะ เนื่องจากผิดข้อบังคับพรรค กระทั่งต้องมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณา โดยพลตำรวจเอกประชายังคงดำรงตำแหน่งเรื่อยมาระหว่างรอผลพิจารณา เรื่องราวได้ลุกลามจนถึงขั้นพยายามลงมติขับพลตำรวจเอกประชาออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา ท้ายสุดผลของการพิจารณาจาก กกต. หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องข้อบังคับต่างๆ มติ กกต.เสียงข้างมากเห็นว่า การประชุมดังกล่าวไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.พรรคการเมืองและข้อบังคับพรรคเพื่อแผ่นดิน จึงทำให้มติการเลือกพลตำรวจเอกประชา พรหมนอกเป็นหัวหน้าพรรค ถือเป็นโมฆะ
ชื่อ | ตำแหน่ง |
---|---|
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง | หัวหน้าพรรค |
ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี (ลาออก 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553) | รองหัวหน้าพรรค |
นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรค | |
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ (ลาออก 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553) | |
นายกว้าง รอบคอบ | |
นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ | |
นายนิมุคตาร์ วาบา | |
นายธีระทัศน์ เตียวเจริญโสภา (ลาออก 24 ก.พ. 2553) | |
นายไชยยศ จิรเมธากร (ลาออก 4 มี.ค. 2553) | เลขาธิการพรรค |
นายประนอม โพธิ์คำ (ลาออก 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553) | รองเลขาธิการพรรค |
นายสมพงษ์ พิศาลกิจวนิช (ลาออก 5 มี.ค. 2553) | |
นางพรรณี จารุสมบัติ รองเลขาธิการพรรค | |
นายอดุลย์ นิลเปรม | นายทะเบียนสมาชิกพรรค |
นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ | เหรัญญิกพรรค (ลาออก 24 ก.พ. 2553) |
นายแพทย์อลงกต มณีกาศ | โฆษกพรรค |
การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหาร
ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2554 ผู้บริหารของพรรครวมชาติพัฒนา และพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ประกาศรวมตัวกันและตั้งพรรคใหม่ขึ้น ชื่อว่า "พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน" โดยสมาชิกของพรรคเพื่อแผ่นดินจำนวนมาก โดยเฉพาะอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ลาออกจากพรรคเพื่อแผ่นดินและสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมชาติพัฒนา
กลางเดือนธันวาคม พ.ศ. 2556 กรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดินมีมติให้ ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เป็นหัวหน้าพรรค และนำสมาชิกพรรคสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ในนามพรรคเพื่อแผ่นดิน เบอร์ 53
ต่อมาในวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 พรรคเพื่อแผ่นดินได้จัดการประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อแผ่นดิน ครั้งที่ 1/2563 ที่โรงแรมเชียงใหม่ออร์คิด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จำนวน 12 คนพร้อมกับเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์พรรคซึ่งที่ประชุมมีมติเลือกนายประมวล เอมเปีย อดีตรองโฆษก พรรคประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ พร้อมกรรมการบริหารพรรคอีก 11 คน ต่อมาพรรคเพื่อแผ่นดินได้ถูกยุบพรรคเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2566 เนื่องจากทางพรรคไม่มีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองมากว่า 1 ปีเพราะคณะกรรมการบริหารพรรคลาออกจากสมาชิกพรรคทั้งคณะ
รายชื่อ | ตำแหน่ง |
---|---|
ประมวล เอมเปีย (ลาออกจากสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2565) | หัวหน้าพรรค |
ไตรเทพ รัตนาจารย์ | รองหัวหน้าพรรค |
เฉลิมชัย ตันเจริญ (ลาออกจากสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2563) | |
พันตำรวจเอก สนธยา แสงเภา (ลาออกจากสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2565) | |
สดใส โรจนวิชัย (ลาออกจากสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2565) | |
โสภณ ศรีมาเหล็ก | เลขาธิการพรรค (ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564) |
ยศพนต์ สุธรรม (แต่งตั้งแทน 4 เมษายน พ.ศ. 2564) | เลขาธิการพรรค |
มาโนชญ์ เชื้อชาติ | เหรัญญิกพรรค |
กฤตธี จันทร์สง่า | นายทะเบียนสมาชิกพรรค |
ว่าที่ร้อยตรี พิทักษ์ จิระวนิชกุล (ลาออกจากสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2565) | โฆษกพรรค |
เอกรินทร์ นิลสวัสดิ์ | กรรมการบริหารพรรค |
ณรง ชุมพล | |
ชัยพร ภูผารัตน์ (ลาออกจากสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2565) | |
ไพฑูรย์ วชิรวงศ์ภิญโญ (ลาออกจากสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2565) |
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 พรรคเพื่อแผ่นดินได้แต่งตั้ง นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นประธานสภานโยบายและยุทธศาสตร์พรรค โดยมีคณะกรรมการสภาฯ ประกอบด้วย นายวิจิตร สุพินิจ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายศุภชัย พิศิษฐวานิช อดีตปลัดกระทรวงการคลัง นายบรรพต หงษ์ทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน และ นายนิทิต พุกกะณะสุต ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน โดยทั้งหมดจะเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อแผ่นดินด้วย
ต่อมานายสุรเกียรติ ได้ลาออกจากตำแหน่ง ประธานสภานโยบายและยุทธศาสตร์พรรค เนื่องจากเป็นหนึ่งใน 111 อดีตกรรมกรรมบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี และ กกต. วินิจฉัยว่าไม่สมควรดำรงตำแหน่งใดๆ ในพรรคการเมืองระหว่างที่ถูกตัดสิทธิ์ดังกล่าว
ผลการเลือกตั้ง | จำนวนที่นั่ง | คะแนนเสียงทั้งหมด | สัดส่วนคะแนนเสียง | ที่นั่งเปลี่ยน | ผลการเลือกตั้ง | ผู้นำเลือกตั้ง |
---|---|---|---|---|---|---|
2550 | 24 / 480 | 1,981,021 | 5.44% | 24 | ร่วมรัฐบาล | สุวิทย์ คุณกิตติ |
2562 | 0 / 500 | 31,307 | 24 | ไม่ได้รับเลือกตั้ง | ชัยยงค์ พรหมวงศ์ |
ในค่ำวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 นายสุวิทย์ คุณกิตติ ในฐานะหัวหน้าพรรคได้จัดแถลงข่าวที่กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกรรมการบริหารพรรคอีก 2 คน ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลคณะรัฐมนตรีคณะที่ 57 โดยอ้างถึงมีความพยายามของรัฐบาลที่จะดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ การจาบจ้วงเบื้องสูง และความไม่ชัดเจนในกรณีปราสาทเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก แต่ต่อมา บรรดาสมาชิกได้แถลงว่า การลาออกครั้งนี้เป็นการกระทำของนายสุวิทย์คนเดียว มิได้ผ่านมติของกรรมการบริหารพรรค
ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีปี พ.ศ. 2551 ต่อจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จากรณียุบพรรคพลังประชาชน การลงมติครั้งนี้มีกระแสข่าวถึงความไม่แน่นอนในการเปลี่ยวขั้วรัฐบาล ของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งรวมถึงพรรคเพื่อแผ่นดินด้วยเช่นกัน ก่อนการลงมติมีการแถลงข่าวที่สร้างความสับสนถึงมติของพรรคเพื่อแผ่นดินอยู่เป็นระยะว่าจะเป็นเช่นไร จนมีเมื่อนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ได้เสนอชื่อพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินในขณะนั้น ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุว่าเป็นคนกลางและมีคุณวุฒิ เหมาะกับสถานการณ์บ้านเมือง แต่เมื่อถึงวันลงมติเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เสียงของ ส.ส. ในพรรคเพื่อแผ่นดินทั้งหมด 21 เสียงในเวลานั้น ได้แตกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี 5 คน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม และวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ซึ่งมีการลงมติในวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553 โดย ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดินบางส่วน ได้ลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในรัฐบาล 2 คน คือ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล และนายโสภณ ซารัมย์ จากพรรคภูมิใจไทย ทำให้แกนนำของพรรคภูมิใจไทย แสดงความไม่พอใจ และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีปรับพรรคเพื่อแผ่นดินออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
ต่อมาได้มีการปรับรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดิน จำนวน 3 คน คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกจากตำแหน่ง และมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคมาตุภูมิ แทนในโควตาของพรรค โดยให้โควตารัฐมนตรีให้พรรคเพื่อแผ่นดิน เพียง 1 ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
พรรคเพื่อแผ่นดิน โดยนายกว้าง รอบคอบ รักษาการหัวหน้าพรรค ประกาศแสดงเจตนารมณ์ของพรรคว่าจะไม่มีการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 เพื่อป้องกันความสับสันระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ซึ่งสมาชิกของพรรคเพื่อแผ่นดินส่วนใหญ่ได้ย้ายเข้าไปร่วมงานทางการเมืองด้วย ส่วนกิจกรรมของพรรคเพื่อแผ่นดินยังคงมีต่อไป
พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งในการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดเชียงใหม่ เขต 3 แทนนางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ เมื่อวันที 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 ซึ่งกำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 มีหมายเลขประจำพรรคคือ หมายเลข 53 แต่การเลือกตั้งในครั้งนั้นเป็นโมฆะตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
This article uses material from the Wikipedia ไทย article พรรคเพื่อแผ่นดิน, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.