ในช่วงขั้นตอนสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่สองและช่วงหลังสงคราม พลเรือนชาวเยอรมันและประชากรเชื้อชาติเยอรมันได้หลบหนีหรือถูกขับไล่ออกไปจากประเทศต่างๆในทวีปยุโรปตะวันออกและกลาง และส่งไปยังดินแดนที่เหลืออยู่ของเยอรมนีและออสเตรีย หลังสงคราม, การขับไล่ชาวเยอรมันได้กลายเป็นส่วนที่สำคัญของการกำหนดโครงร่างทางภูมิรัฐศาสตร์และชาติพันธุ์ในทวีปยุโรปตะวันออกในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยความพยายามที่จะสร้างประเทศชาติที่มีประชากรเชื้อชาติเดียวกันภายในขอบเขตในการนิยามใหม่
ในระหว่างปี ค.ศ. 1944 และ 1948 ประชากรราวประมาณ 31 ล้านคน รวมทั้งผู้ที่มีเชื้อสายเยอรมัน (Volksdeutsche) เช่นเดียวกับพลเรือนชาวเยอรมัน (Reichsdeutsche), ถูกย้ายอย่างถาวรหรือชั่วคราวจากทวีปยุโรปตะวันออกและกลาง ในปี ค.ศ. 1950 จำนวนทั้งหมดประมาณ 12 ล้านคนชาวเยอรมันได้หลบหนีหรือถูกขับไล่ออกไปจากทวีปยุโรปตะวันออก-กลางเข้าสู่เยอรมนีและออสเตรียภายใต้การยึดครองของฝ่ายสัมพันธมิตร รัฐบาลเยอรมนีตะวันตกได้รับประชากรมาทั้งหมด 14.6 ล้านคน, รวมถึงผู้คนที่มีเชื้อสายเยอรมัน 1 ล้านคนในดินแดนที่ถูกพิชิตได้โดยนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้คนที่มีเชื้อชาติเยอรมันได้อพยพไปยังเยอรมนีในช่วงหลังปี ค.ศ. 1950 และเด็กที่เกิดมาก็ถูกขับไล่พร้อมกับพ่อแม่ ด้วยจำนวนที่ใหญ่ที่สุดมากจากดินแดนเยอรมันที่มีมาก่อนที่จะยกให้แก่โปแลนด์ และสหภาพโซเวียต(ประมาณ 7 ล้านคน) และจากเชโกสโลวาเกีย(ประมาณ 3 ล้านคน)
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรวมถึงอดีตดินแดนทางตะวันออกของเยอรมนีซึ่งถูกผนวกโดยโปแลนด์ และสหภาพโซเวียตในช่วงหลังสงคราม เช่นเดียวกับชาวเยอรมันที่อาศัยอยู่ในชายแดนก่อนสงคราม อันได้แก่ โปแลนด์ เชโกสโลวาเกีย ฮังการี ยูโกสลาเวีย และรัฐบอลติก นาซีได้มีแผน—ที่เสร็จสมบูรณ์เพียงบางส่วนก่อนที่นาซีจะได้รับความปราชัย—เพื่อกำจัดชาวสลาฟและชาวยิวจำนวนมากออกไปจากทวีปยุโรปตะวันออกและตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ด้วยชาวเยอรมัน
ยอดผู้เสียชิวิตทั้งหมดอันเนืองมาจากการหลบหนีและถูกขับไล่นั้นได้มีการถกเถียงโต้แย้งกัน มีจำนวนประมาณตั้งแต่ 500,000-600,000 คน และสูงถึง 2 ล้านคน.
การขับไล่ที่เกิดขึ้นในสามช่วงที่มีความซับซ้อนกัน, ช่วงแรกคือการจัดตั้งกลุ่มผู้อพยพของผู้ที่มีเชื้อชาติเยอรมันโดยรัฐบาลนาซี ด้วยการเผชิญหน้ากับการรุกของกองทัพแดง ตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 1944 ถึง ต้นปี ค.ศ. 1945 ช่วงที่สองคือการหลบหนีอย่างไม่เป็นระเบียบของผู้คนที่มีเชื้อชาติเยอรมันทันทีหลังจากที่ความพ่ายแพ้ของกองทัพแวร์มัคท์ ช่วงที่สามคือการขับไล่อย่างเป็นระบบที่เพิ่มมากขึ้นภายหลังการประชุมพ็อทซ์ดัม ซึ่งได้นิยามใหม่ด้วยพรหมแดนของทวีปยุโรปกลางและอนุมัติในการขับไล่ผู้ที่มีเชื้อชาติเยอรมันจากโปแลนด์ เชโกสโลวาเกีย และฮังการี พลเรือนชาวเยอรมันจำนวนมากได้ถูกเกณฑ์ให้ใช้แรงงานโดยบังคับซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการซ่อมแซมความเสียหายให้แก่ประเทศในทวีปยุโรปตะวันออก การขับไล่ครั้งใหญ่ได้เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1950 มีการคาดประมาณจากจำนวนทั้งหมดของประชาชนที่ผู้ที่มีเชื้อสายเยอรมันที่ยังคงอาศัยอยู่ในทวีปยุโรปตะวันออกและกลางในปี ค.ศ. 1950 มีอยู่ในระหว่าง 700,000 คน ถึง 2.7 ล้านคน
This article uses material from the Wikipedia ไทย article การหลบหนีและการถูกขับไล่ของชาวเยอรมัน (ค.ศ. 1944–1950), which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.