เจ้าพระยามหาโยธานราธิบดีศรีพิชัยณรงค์ (เจ่ง คชเสนี) เป็นชาวมอญ เกิดในเมืองมอญราวปี พ.ศ.
2282 อพยพเข้าสู่ประเทศไทยในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นต้นตระกูลคชเสนี (เจ่ง, (มอญ: စိင်) แปลว่า ช้าง) เป็นโอรสของเจ้าเมืองเมียวดีผู้ซึ่งเป็นพระอนุชาของพระยาทะละ (Byinnya Dala หรือ Binnya Dala) กษัตริย์ราชอาณาจักรมอญองค์สุดท้าย ซึ่งปกครองอาณาจักรมอญราวปี พ.ศ. 2290 - พ.ศ. 2300 ทรงพระนามเมื่อขึ้นครองราชย์ว่า พระเจ้าปรมินทรราชานราธิบดี (King Payamindi Raza Naradibati) บางคนเรียก "พระเจ้าพญามอญธิราชานราธิบดี หรือ พระเจ้าพญามอญธิราช"
เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี) | |
---|---|
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | พ.ศ. 2282 |
เสียชีวิต | พ.ศ. 2365 (อายุ 83 ปี) |
เจ้าพระยามหาโยธา หรือนามเดิมว่า "เจ่ง" เคยรับราชการอยู่กับพม่า บางคนเรียก "พญาเจ่ง" หรือ "พระยาเจ่ง" (มอญ: ဗညာစိင်) พม่าได้ให้พระยาเจ่งเป็นผู้รักษาเมืองเชียงราย และได้มีภรรยาเป็นเจ้าหญิงเชียงรายนามว่า เจ้าหญิงสมนา ต่อมามีบุตรสายสกุลเหนือใช้สกุล ณ ลำปาง พระยาเจ่งเคยคุมกองทัพมอญสมทบกับทัพพม่าเข้ามาตีเมืองหลวงพระบางใน พ.ศ. 2315 หลังจากนั้นได้ยกความดีชอบตั้งเป็นเจ้าเมืองเตริ่น (อังกฤษเรียกว่า เมืองอัตรัน) หัวเมืองตอนใต้ของพม่า ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองเมาะตะมะกับแดนไทยทางด่านพระเจดีย์สามองค์
หลังจากนั้นในสมัยพระเจ้ามังระซึ่งเตรียมจะยกทัพมาที่กรุงธนบุรี พม่าได้เกณฑ์ให้ชาวมอญมาทำทางและยังเกณฑ์ชาวมอญเข้ากองทัพอีกพวกหนึ่ง บางคนก็หลบหนีแต่พม่าก็จับครอบครัวที่หลบหนีเป็นตัวจำนำหรือจับลูกหลานเกณฑ์มาทำทาง ทำให้ชาวมอญโกรธแค้นและพร้อมใจกันเป็นกบฏ โดยมีพระยาเจ่งเป็นหัวหน้ารวบรวมกำลังเข้าตีเมืองเมาะตะมะและเมืองมอญอื่นๆ แต่ไม่สำเร็จ จึงอพยพมายังประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2318 โดยมีหัวหน้าที่อพยพมา 4 คนคือ พระยาเจ่ง พระยาอู่ ตละเกลี้ยง ตละเกล็บ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้าฯ ให้รับไว้ พระราชทานที่ให้ตั้งบ้านเรือนในเขตเมืองนนทบุรีตั้งแต่ปากเกร็ดไปจนถึงสามโคก พระยาเจ่งและทหารมอญของท่านได้มีบทบาทร่วมกับกองทัพไทยในการทำสงครามแทบทุกครั้ง นอกจากนั้นยังสันนิษฐานว่าพระยาเจ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาเกียรติคู่กับตละเกล็บที่ได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาราม
ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระยาเจ่งได้รับแต่งตั้งเป็นพระยามหาโยธา บังคับบัญชากองทัพมอญทั้งปวงโดยเสด็จในการสงครามติดต่อมาทุกครั้ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2330 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เลื่อนยศขึ้นเป็นเจ้าพระยามหาโยธานราธิบดีศรีพิชัยณรงค์ จากความดีความชอบเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จไปตีเมืองทวาย เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) มีบทบาทต่อต่อราชการแผ่นดินในด้านทางการศึกสงครามระหว่างไทยกับพม่าเป็นส่วนใหญ่ พม่าจึงคิดจะแย่งตัวเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) ไปจากไทย โดยส่งหนังสือมายังเสนาบดีไทยขู่ให้ส่งตัวเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) คืนให้กับพม่า เพราะถือว่าเป็นคนของพม่า ซึ่งไทยไม่ยอม พม่ายกตีเมืองเชียงใหม่ ฝ่ายไทยโดยกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นจอมพลคุมทัพไทย ตีพม่าแตกพ่ายยับเยินไป
นอกจากรับราชการแล้ว เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) ยังเป็นผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ท่านสร้างวัดเชิงท่า ที่ตำบลคลองบางตลาด และวัดเกาะพญาเจ่ง ที่ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ดังปรากฏบทกลอน ณ วัดเกาะพญาเจ่งดังนี้
พญาเจ่งคุมกองพันร่วมฟันฝ่า | พร้อมเจ้าตากสู้พม่ากลางสมร | |
พลีเลือดเนื้อกู้เอกราชชาติไทยมอญ | แต่กาลก่อนหลายร้อยปีที่ผูกพัน |
ครั้นเสร็จศึกสร้างวัดสลัดบาป | แสวงบุญชำราบหทัยสันต์ | |
สร้างวัดเกาะเกิดกุศลผลอนันต์ | โชติชีพพลันเรืองรุ่งเกรืองกรุงไกร |
เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) ยังเป็นผู้สร้างวัดเชียงราย จังหวัดลำปาง โดยส่งบุตรชายนามว่า พระยาชมภู หรือ เจ้าชมภู เป็นผู้ดำเนินการ
เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) มีบุตรธิดา 5 ท่าน ดังนี้
บุตรหลานของเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) เป็นเจ้าเมืองนครเขื่อนขันธ์ติดต่อกันมาถึง 9 ท่าน เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) ถึงแก่อสัญกรรมในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในปี พ.ศ. 2365 สิริอายุ 83 ปี บุตรของท่าน เจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ) อยู่ในตำแหน่งปกครองชาวมอญแทนท่านเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง)
เดิมเคยเชื่อกันว่าพม่าได้ให้พระยาเจ่งเป็นผู้รักษาเมืองเชียงราย มีภรรยานามว่า เจ้านางสมนา และมีบุตรชื่อ พญาชมภู (เจ้าน้อยคัมภีระ) และเคยเชื่อกันว่าเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) เป็นผู้สร้างวัดเชียงราย ต.สวนดอก อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง ในปัจจุบัน ตามข้อสันนิษฐานของเจ้าวงศ์จันทร์ คชเสนี และในพระนิพนธ์เรื่องประวัติต้นสกุลคชเสนี ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันจากการศึกษาค้นคว้าชำระข้อมูลของ ภูเดช แสนสา พบว่าเจ้าเมืองเชียงรายที่เป็นสามีของเจ้านางสมนาและเป็นบิดาของพญาชมภูไม่ใช่เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) แต่เป็นพญาเพชร (พญาเภชชะ) หรือพญาเพชรเม็ง (เจ้าน้อยจิตตะ) ซึ่งพม่าตั้งให้เป็นเจ้าฟ้าเชียงรายในปี พ.ศ. 2311 ต่อมาได้ทำการต่อต้านพม่าร่วมกับเจ้าฟ้าเมืองพะเยาแต่ไม่สำเร็จ ในปี พ.ศ. 2323 จึงหนีไปสวามิภักดิ์กับพระเจ้ากาวิละ พญาเพชรได้นำชาวเชียงรายตั้งบ้านเรือนบนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำวัง เรียกว่าบ้านเชียงราย และเสนอว่าพญาเพชรเป็นผู้สร้างวัดเชียงราย ไม่ใช่เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) แต่อย่างใด
พญาเพชร (เจ้าน้อยจิตตะ) เป็นต้นตระกูลขัติเชียงราย, วงษาลังการ, มณฑาทอง, รายะนคร และ ณ ลำปางบางสาย
เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี) ได้ยกที่ดินที่เป็นบ้านเดิมของท่านให้เป็นของสงฆ์พร้อมซื้อที่เพิ่มเติม แล้วจึงสร้างวัด เรียกว่าวัดเกาะหรือวัดเกาะบางพูด ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น "วัดเกาะพญาเจ่ง" เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ท่าน และวัดอัมพุวรารามยังมีรูปปั้นเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี)
This article uses material from the Wikipedia ไทย article เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี), which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.