จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน (เขมร: សម្តេចអគ្គមហាសេនាបតី តេជោ ហ៊ុន សែន สมฺเตจอคฺคมหาเสนาบตี เตโช หุน แสน) เรียกสั้น ๆ ว่า ฮุน เซน (ហ៊ុន សែន ออกเสียง ฮุน แซน; เกิด 4 เมษายน พ.ศ.
2494) ประธานคณะองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นนักการเมืองชาวกัมพูชาและอดีตผู้บัญชาการทหาร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา และสมาชิกรัฐสภากัมพูชา เขายังเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตั้งแต่ พ.ศ. 2541 ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของประเทศกัมพูชา และเป็นหนึ่งในผู้นำที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในโลก
จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน | |
---|---|
ហ៊ុន សែន | |
ฮุน เซน ใน พ.ศ. 2562 | |
ประธานพฤฒสภากัมพูชา | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 3 เมษายน พ.ศ. 2567 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี |
รอง | Prak Sokhonn Ouch Borith |
ก่อนหน้า | สาย ฌุม |
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา | |
ดำรงตำแหน่ง 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 – 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 | |
กษัตริย์ | |
รอง | Sar Kheng ฮอ นำฮง เตีย บัญ Bin Chhin Yim Chhaily Men Sam An Ke Kim Yan Prak Sokhonn อุน พรมนนิโรธ เจีย โสภารา |
ก่อนหน้า | ตนเอง ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่สอง |
ถัดไป | ฮุน มาแณต |
นายกรัฐมนตรีที่สอง | |
ดำรงตำแหน่ง 24 กันยายน พ.ศ. 2536 – 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ |
รอง | Sar Kheng |
นายกรัฐมนตรีที่หนึ่ง | นโรดม รณฤทธิ์ (2536–2540) อึง ฮวด (2540–2541) |
ก่อนหน้า | นโรดม รณฤทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนเดียว |
ถัดไป | ตนเอง ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนเดียว |
ดำรงตำแหน่ง 14 มกราคม พ.ศ. 2528 – 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 รักษาการ: 26 ธันวาคม พ.ศ. 2527 – 14 มกราคม พ.ศ. 2528 | |
ประธานาธิบดี | |
รอง | ตนเอง Bou Thang เจีย สุทธ Sar Kheng |
ก่อนหน้า | จัน ซี |
ถัดไป | นโรดม รณฤทธิ์ |
ประธานพรรคประชาชนกัมพูชา | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558 | |
รอง | Sar Kheng Say Chhum เตีย บัญ Men Sam An |
ก่อนหน้า | เจีย ซีม |
สมาชิกรัฐสภากัมพูชา | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 14 มิถุนายน พ.ศ. 2536 | |
เขตเลือกตั้ง | กำปงจาม (2536–2541) กันดาล (2541–ปัจจุบัน) |
คะแนนเสียง | 422,253 (75.33%) |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2531 – พ.ศ. 2533 | |
นายกรัฐมนตรี | ตนเอง |
ก่อนหน้า | กอง กรอม |
ถัดไป | ฮอ นำฮง |
ดำรงตำแหน่ง 8 มกราคม พ.ศ. 2522 – ธันวาคม พ.ศ. 2529 | |
นายกรัฐมนตรี | |
ก่อนหน้า | เอียง ซารี |
ถัดไป | กอง กรอม |
รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2524 – พ.ศ. 2528 | |
ประธานาธิบดี | เฮง สำริน |
นายกรัฐมนตรี | แปน โสวัณ จัน ซี ตนเอง |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ฮุน บันนัล 5 สิงหาคม พ.ศ. 2495 เปียมเกาะสนา อำเภอสตึงตราง จังหวัดกำปงจาม กัมพูชา อินโดจีนของฝรั่งเศส |
เชื้อชาติ | กัมพูชา |
พรรคการเมือง | พรรคประชาชนกัมพูชา |
คู่สมรส | บุน รานี (สมรส 1976) |
บุตร | 5, รวมมาแณต, Manith และ มานี |
บุพการี | Hun Neang Dee Yon |
รางวัล | Grand Order of National Merit |
ลายมือชื่อ | |
เว็บไซต์ | เว็บไซต์ทางการ |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | เขมรแดง/กัมพูชาประชาธิปไตย กัมพูชา กัมพูชา ราชอาณาจักรกัมพูชา |
สังกัด | เขมรแดง แนวร่วมสามัคคีสงเคราะห์ชาติกัมพูชา/กองทัพปฎิวัติประชาชนกัมปูเจีย กองทัพปฎิวัติประชาชนกัมพูชา กองทัพบกกัมพูชา |
ประจำการ | 2513–2542 |
ยศ | นายอุตฺตมเสนีย์ผุตเลข (จอมพล) |
บังคับบัญชา | กัมพูชาประชาธิปไตย – ภูมิภาคตะวันออก |
ผ่านศึก | สงครามกลางเมืองกัมพูชา (ได้รับบาดเจ็บในขณะปฎิบัติหน้าที่) สงครามกัมพูชา-เวียดนาม |
ในวันที่ 26 กรกฏาคม พ.ศ. 2566 ฮุน เซน ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และประกาศให้ฮุน มาแณต บุตรชายคนโต สืบทอดตำแหน่งนี้ต่อไป ทั้งนี้ เขาจะยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา, สมาชิกรัฐสภากัมพูชา รวมถึงยังได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานองคมนตรี และประธานพฤฒสภากัมพูชา หลังการเลือกตั้งพฤฒสภาในปีถัดไปด้วย
ฮุน เซนเกิดในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2495 (ในประวัติอย่างเป็นทางการคือวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2494)ที่เปียมเกาะสนา จังหวัดกำปงจาม เดิมมีชื่อ ฮุน โบนาล (หรือ ฮุน นาล) เขาเป็นลูกคนที่สามจากลูกทั้งหมด 6 คนของ ฮุน เนียง พ่อของเขา ผู้เป็นพระภิกษุประจำวัดท้องถิ่นในกำปงจาม ก่อนจะสึกเพื่อเข้าร่วมกองกำลังต่อต้านฝรั่งเศส และแต่งงานกับ ดี ยอง แม่ของฮุน เซน ปู่ย่าตายายฝ่ายพ่อของ ฮุน เนียงเป็นเจ้าของที่ดินที่ร่ำรวย ซึ่งมีเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว
ฮุน เนียงได้รับมรดกทรัพย์สินของครอบครัวบางส่วน ซึ่งรวมถึงที่ดินหลายเฮกตาร์ และมีชีวิตที่ค่อนข้างสุขสบาย จนกระทั่งเหตุการณ์ลักพาตัวที่ทำให้ครอบครัวต้องขายทรัพย์สินส่วนใหญ่ออกไป ฮุน นาล ออกจากครอบครัวตอนเขาอายุ 13 ปี เพื่อเข้าเรียนโรงเรียนสงฆ์ที่พนมเปญ ในเวลานั้น เขาเปลี่ยนชื่อตนเองเป็น ฤทธิ เซน หรือสั้น ๆ ว่า เซน เนื่องจากชื่อก่อนหน้า (นาล) มักเป็นชื่อเล่นสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักเกิน ซึ่งเขามักถูกเรียกว่า ฮุน โบนาล
ต่อมาในปี พ.ศ. 2513 ราชอาณาจักรกัมพูชาภายใต้เจ้านโรดมสีหนุ ได้ถูกโค่นล้มโดยนายพลลอน นอลในแผนการการรัฐประหารปี พ.ศ. 2513 ซึ่งองค์การซีไอเอ (CIA) ของสหรัฐอเมริกา หนุนอยู่เบื้องหลัง ต่อมาเขาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ฮุน เซนใน พ.ศ. 2515 เมื่อเห็นว่ากัมพูชาตกอยู่ในสงคราม ฮุน เซนในวัย 18 ปี ได้เข้าร่วมกับเขมรแดงซึ่งเป็นขบวนการต่อต้านจักรวรรดินิยม เพื่อตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของ เจ้านโรดมสีหนุ อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ถูกยึดอำนาจไป
เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2518 ฮุน เซนได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาข้างซ้ายจนในที่สุด ดวงตาข้างซ้ายได้บอดสนิทเนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บขณะสู้รบในช่วงการล่มสลายของพนมเปญ
หลังจากนั้นสองปีหลังเข้าร่วมเป็นทหารให้กับเขมรแดง เขาสู้รบให้กับเขมรแดงในสงครามกลางเมืองกัมพูชา และเป็นผู้บังคับกองพันของกัมพูชาประชาธิปไตย
ในปี พ.ศ. 2520 ฮุน เซนไม่พอใจกับระบอบการเมืองที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของพล พต ฮุน เซนได้ละทิ้งครอบครัวอันเป็นที่รักอีกครั้ง เพื่อเป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวเพื่อปลดปล่อยประเทศและประชาชนจากระบอบที่เลวร้ายนี้
ในปี พ.ศ. 2521 ฮุน เซนและเฮง สัมรินได้แปรพักตร์ไปเข้ากับเวียดนาม โดยแอบหนีทัพเข้าชายแดนเวียดนามและได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งขบวนการกู้ชาติกัมพูชาที่เรียกว่าแนวร่วมสามัคคีสงเคราะห์ชาติกัมพูชาซึ่งร่วมมือกับขบวนการรักชาติหลายกลุ่มที่เวียดนามให้การสนับสนุนและกองทัพอาสาสมัครเวียดนามเพื่อเข้าปลดปล่อยดินแดนกัมพูชาจากเขมรแดงของกลุ่มพอล พต
ในปี พ.ศ. 2522 เขาได้นำกองกำลังที่เข้าร่วมกับกองทหารจากเวียดนามเพื่อโค่นล้มระบอบเขมรแดง การเคลื่อนไหวนี้ได้ปลดปล่อยประเทศและประชาชนกัมพูชาจากระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของกัมพูชา และตั้งแต่นั้นมาเขาก็กลายเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลและมีชื่อเสียง และสู้รบร่วมกับกองทัพเวียดนามในสงครามกัมพูชา–เวียดนาม เมิ่อรบชนะและโค่นล้มเขมรแดงของพอล พตลงได้ เวียดนามได้เข้ายึดครองกัมพูชาและได้สนับสนุนให้เขาเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศในสาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชาซึ่งเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดที่เวียดนามตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2522 ถึง 2529 และอีกครั้งใน พ.ศ. 2530 ถึง 2533 ตอนอายุ 26 ปี เขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่อายุน้อยที่สุดในโลกในเวลานั้น
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522-2536 ฮุน เซน ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในการบริหารประเทศกัมพูชา (สาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา และรัฐกัมพูชา) รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศระหว่างปี พ.ศ. 2524 ถึง 2528
ฮุน เซนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนมกราคม พ.ศ. 2528 เมื่อรัฐสภาพรรคเดียวแต่งตั้งเขาให้ดำรงตำแหน่งต่อจากจัน ซีที่เสียชีวิตขณะดำรงตำแหน่งในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2527 เขาดำรงตำแหน่งนั้นจนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534 ฮุน เซนเป็นหนึ่งในผู้ลงนามหลักในสนธิสัญญาสันติภาพปารีส เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534 อันเป็นผลจากข้อตกลงนี้ นับเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในกัมพูชาในปี พ.ศ. 2536 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536-2541 ฮุน เซน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีร่วมกับนโรดม รณฤทธิ์ในรัฐบาลผสมชุดแรกของรัฐสภา
การเลือกตั้งที่สหประชาชาติหนุนใน พ.ศ. 2536 ที่ก่อให้เกิดสภาแขวน ทำให้พรรคฝ่ายค้าน พรรคฟุนซินเปก ชนะผลการเลือกตั้งส่วนใหญ่ ฮุน เซนไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งนี้ หลังเจรจากับพรรคฟุนซินเปกของนโรดม รณฤทธิ์และฮุน เซนยอมรับที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีร่วมกับนโรดม รณฤทธิ์ โดยฮุน เซนเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งและเจ้ารณฤทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สองตามลำดับอีกครั้ง ถือเป็นครั้งแรกในกัมพูชาที่มีนายกรัฐมนตรีถึงสองคน จนกระทั่งความเป็นพันธมิตรแตกสลายและฮุน เซนมีส่วนบงการในรัฐประหารใน พ.ศ. 2540 ที่โค่นล้มนโรดม รณฤทธิ์เพื่อที่ฮุน เซนจะได้รวบอำนาจไว้แต่ผู้เดียว
ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2541 ฮุน เซน ได้นำพรรคประชาชนกัมพูชาชนะการเลือกตั้ง จนประสบความสำเร็จและได้เป็นนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เขาเป็นผู้นำรัฐบาลผสมเป็นสมัยที่ 2 ของสมัชชาแห่งชาติซึ่งมีสองพรรคใหญ่คือ พรรคประชาชนกัมพูชาและพรรคฟุนซินเปก ภายใต้การนำของฮุน เซน กัมพูชากลายเป็นสมาชิกลำดับที่ 10 ใน ประชาคมอาเซียน
นับตั้งแต่ พ.ศ. 2541 เป็นต้นมา เขานำพรรคประชาชนกัมพูชาชนะการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องและมักเป็นที่ถกเถียง ควบคุมการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังรวมถึงการทุจริต, การทำลายป่า และการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ในนามของสมเด็จฮุน เซน ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคพรรคประชาชนกัมพูชา เขานำชัยชนะอย่างถล่มทลายอีกครั้งในการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2546 หลังจากปัญหาทางการเมือง ฮุน เซน ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคฟุนซินเปคเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 และกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่นำรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551 หลังจากชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 พรรคประชาชนกัมพูชา ได้รับ 90 ที่นั่งจากทั้งหมด 123 ที่นั่งในสภาแห่งชาติของสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเตโช ฮุน เซน เป็นนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาใน สมัยที่สี่ของรัฐสภา วาระห้าปี (พ.ศ. 2551-2556)
ในพ.ศ. 2556 ฮุน เซนและพรรคฯ ได้รับเลือกใหม่ด้วยเสียงข้างมากที่ลดลงอย่างมาก ข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกงผู้มีสิทธิเลือกตั้งนำไปสู่การประท้วงต่อต้านรัฐบาลทั่วประเทศ
จากนั้นในพ.ศ. 2561 เขาได้รับเลือกใหม่ในสมัยที่ 6 จากการสำรวจความคิดเห็นที่ไม่มีใครคัดค้านหลังจากการยุบพรรคฝ่ายค้าน ทำให้พรรคของเขาได้รับที่นั่งทั้งหมดในรัฐสภา ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 6 ที่มีพรรคเดียวโดยพฤตินัย
ฮุน เซนมีความโดดเด่นในพรรคการเมืองฝ่ายคอมมิวนิสต์, มากซ์-เลนิน และปัจจุบันในฝ่ายทุนนิยมโดยรัฐและอนุรักษนิยมทางชาติ (national conservative) และแม้ว่าชาตินิยมเขมรเป็นคุณลักษณะที่สอดคล้องกันทั้งหมด คาดกันว่าเขาไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองหลัก ส่วนในด้านนโยบายต่างประเทศ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฮุน เซนได้ยกความเป็นพันธมิตรทางการทูตและเศรษฐกิจกับจีนให้ใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศกัมพูชาภายใต้ข้อริเริ่มเข็มขัดและเส้นทาง ในขณะเดียวกัน เขามักวิพากษ์วิจารณ์มหาอำนาจตะวันตกเพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรกัมพูชาเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชน และดูแลข้อพิพาททางการทูตกับไทยในหลายครั้ง
ฮุน เซน ได้รับการศึกษาในระบบน้อยมาก เพราะเติบโตมาในท่ามกลางสงคราม หลังจากจบการศึกษาระดับประถมศึกษาที่บ้านเกิดในปี พ.ศ. 2508 ฮุน เซนได้มาพำนำที่กรุงพนมเปญ โดยพักอาศัยที่วัดนาควาน (Neakvoan) ซึ่งฮุน เซนต้องมาเป็นเด็กวัด ภายใต้การดูแลของสมภารที่ชื่อ “มง ฤทธี” และศึกษาต่อที่โรงเรียนมัธยมอินทราเทวี (Indra Devi) เพื่อศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา
เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญาตรีด้านรัฐศาสตร์การเมืองจากจากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชา และมีสถาบันการศึกษาต่างๆ มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์รวมทั้งสิ้น 11 ปริญญา ได้แก่
นอกจากภาษาเขมรแล้ว ฮุน เซนสามารถพูดภาษาเวียดนามได้อย่างดี สามารถพูดภาษาอังกฤษได้บางส่วนหลังเริ่มเรียนในปี 2533 แต่เมื่อให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการกับสื่อที่ใช้ภาษาอังกฤษ เขาจะสนทนาผ่านล่าม
ฮุน เซน ได้สมรสกับสมเด็จกิตติวุฒิบัณฑิต บุน รานี ทั้งคู่มีบุตรชาย 4 คน บุตรสาว 2 คน และบุตรสาวบุญธรรม 1 คน ได้แก่ฮุน กอมซอต(เสียชีวิตตั้งแต่แรกเกิด), ฮุน มาเนต, ฮุน มานา, ฮุน มานิต, ฮุน มานี และฮุน มาลี ทั้งคู่รับบุตรสาวบุญธรรมคือฮุน มาลิส ใน พ.ศ. 2531 แต่ยกเลิกสถานะนี้ใน พ.ศ. 2550 เนื่องจากเธอเป็นเลสเบี้ยน ใน พ.ศ. 2553 ฮุน มาเนตได้รับการเลื่อนขึ้นเป็นพลตรีในกองทัพพระราชอาณาจักรกัมพูชา และกลายเป็นรองผู้บัญชาการกองบัญชาการองครักษ์ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลูกชายทั้งสามคนของฮุน เซนมีบทบาทสำคัญในรัฐบาลของเขา
ฮุน เซนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ จากพระบาทสมเด็จพระ นโรดม สีหนุ เป็น สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน เนื่องจากได้รับการยอมรับในความพยายามเพื่อความสมานฉันท์ในชาติ สันติภาพ และการพัฒนาเศรษฐกิจ นอกจากนั้น ยังมีบุคคลที่สำคัญกัมพูชาได้รับการสถาปนาบรรดาศักดิ์อีก 3 ท่าน คือ สมเด็จอัครมหาธรรมโพธิศาล เจีย ซีม ประธานพฤฒสภากัมพูชา (วุฒิสภา) สมเด็จอัครมหาพญาจักรี เฮง สัมริน ประธานรัฐสภากัมพูชา พร้อมกับดำรงตำแหน่งจอมพล (พลเอก 5 ดาว) แห่งกองทัพกัมพูชา และสมเด็จกิตติวุฒิบัณฑิต (บุน รานี) ภริยาของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน
ก่อนหน้า | ฮุน เซน | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
จัน ซี | นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา (1985 – 1989) | ยกเลิกตำแหน่ง | ||
สถาปนาตำแหน่ง | นายกรัฐมนตรีแห่งรัฐกัมพูชา (1989 - 1993) | ฮุนเซน ร่วมกับ เจ้านโรดม รณฤทธิ์ | ||
ฮุนเซน | นายกรัฐมนตรีแห่งรัฐกัมพูชา (ร่วมกับ เจ้านโรดม รณฤทธิ์) (1993) | เจ้านโรดม รณฤทธิ์ | ||
อึง ฮวด | นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (1998 - 2023) | ฮุน มาแณต |
This article uses material from the Wikipedia ไทย article ฮุน เซน, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.