ยูเทรกต์ (อังกฤษและดัตช์: Utrecht, อ่านออกเสียงว่า อือเตร็คต์ ในภาษาดัตช์) เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในตอนกลางของประเทศ มีเขตแดนทางทิศเหนือจรดทะเลสาบเอมเมร์ ทางทิศตะวันออกจรดจังหวัดเกลเดอร์ลันด์ ทางทิศใต้จรดแม่น้ำไรน์ ทางทิศตะวันตกจรดจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ และทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจรดจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.
2019 มีประชากร 1,353,596 คน นอกจากเมืองหลวงยูเทรกต์ประจำจังหวัดแล้ว ยังมีเมืองใหญ่อีกหลายเมือง เช่น อาเมอร์สโฟร์ต เวเนนดาล เฮาเทิน นิวเวอเกน ไอส์เซิลสเตน และเซสท์ สถานีกลางยูเทรกต์ยังเป็นสถานีรถไฟใหญ่ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในเนเธอร์แลนด์อีกด้วย
ยูเทรกต์ | |
---|---|
จังหวัดของเนเธอร์แลนด์ | |
เพลง: Langs de Vecht en d'oude Rijnstroom | |
ที่ตั้งของจังหวัดยูเทรกต์ในเนเธอร์แลนด์ | |
พิกัด: 52°6′12″N 5°10′45″E / 52.10333°N 5.17917°E | |
ประเทศ | เนเธอร์แลนด์ |
เมืองหลัก | ยูเทรกต์ |
การปกครอง | |
• King's Commissioner | รุล โรบเบิร์ตเซิน |
พื้นที่ | |
• พื้นดิน | 1,386 ตร.กม. (535 ตร.ไมล์) |
• พื้นน้ำ | 63 ตร.กม. (24 ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | ที่ 12 |
ประชากร (2006) | |
• พื้นดิน | 1,180,039 คน |
• อันดับ | ที่ 5 |
• ความหนาแน่น | 850 คน/ตร.กม. (2,200 คน/ตร.ไมล์) |
• อันดับความหนาแน่น | ที่ 3 |
รหัส ISO 3166 | NL-UT |
เว็บไซต์ | www.provincie-utrecht.nl |
เมื่อปี ค.ศ. 695 สมเด็จพระสันตะปาปาเซอร์จิอุสที่ 1 แต่งตั้งนักบุญวิลลิบรอร์ดขึ้นเป็นบาทหลวงแห่งดินแดนฟรีเชีย จึงได้มีการสถาปนามุขมณฑลยูเทรกต์ (Bishopric of Utrecht) ขึ้น และได้สร้างป้อมปราการขึ้นที่เมืองยูเทรกต์ โดยได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองท้องถิ่นของราชอาณาจักรแฟรงก์ แต่พอนักบุญเสียชีวิต ยูเทรกต์ถูกรุกรานจากชาวไวกิงบ่อยครั้ง แต่กลับมาสงบและเรืองอำนาจขึ้นในสมัยที่ราชวงศ์อ็อทโทปกครอง โดยยูเทรกต์เริ่มมีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมสภา จากนั้น บาทหลวงประจำถิ่นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าชาย มุขมณฑลจึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นมุขนายก (Prince-Bishopric) ใน ค.ศ. 1024
ต่อมาเมื่อมีการทำสัญญาข้อตกลงแห่งเวิร์มขึ้นใน ค.ศ. 1122 ยูเทรกต์มีสิทธิ์เลือกตั้งพระสังฆราชประจำมณฑลเอง แต่เคาน์ตีฮอลแลนด์และเกลเดอร์สที่อยู่รอบข้างยูเทรกต์ที่ขึ้นตรงกับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์นั้นพยายามเข้ามามีอิทธิพลในการเลือกตั้งสังฆราชา ทำให้สันตะสำนักจากกรุงโรมต้องเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้ง จนกระทั่งกลางศตวรรษที่ 14 พระสันตปาปาทรงเปลี่ยนมาแต่งตั้งพระสังฆราชเองโดยไม่ฟังเสียงจากคณะสงฆ์ยูเทรกต์
เมื่อเกิดสงครามฮุกและคอด อันเป็นสงครามแย่งชิงอำนาจระหว่างพ่อค้าและผู้ปกครอง ยูเทรกต์กลายเป็นสมรภูมิรบ ดยุกแห่งบูร์กอญนำกำลังเข้าทำสงคราม ก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองสองครั้ง ในช่วง ค.ศ. 1470 ถึง 1474 และช่วง ค.ศ. 1481 ถึง 1483
เมื่อ ค.ศ. 1527 พระสังฆราชได้ขายที่ดินให้กับจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ยูเทรกต์จึงสิ้นอำนาจทางสงฆ์และตกเป็นพื้นที่ทางโลกภายใต้การบริหารของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คซึ่งในขณะนั้นได้ปกครองดินแดนดัตช์ส่วนอื่นๆด้วย คณะสงฆ์ได้ส่งมอบอำนาจการเลือกสังฆราชให้กับจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 โดยได้รับความยินยอมจากสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 7 แต่ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คปกครองได้เพียงไม่นาน เพราะในเวลาต่อมา ยูเทรกต์ได้เข้าร่วมกับจังหวัดอื่นๆในเนเธอร์แลนด์ทำการปฏิวัติต่อการปกครองของพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐดัตช์เมื่อปี ค.ศ. 1579
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ยูเทรกต์ถูกกองทัพเยอรมนีเข้ายึดครอง และได้อิสรภาพเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 ต่อมามีการแบ่งเขตการปกครองกันใหม่ ทำให้หลายเขตของจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ถูกโอนมาอยู่กับจังหวัดยูเทรกต์
จังหวัดยูเทรกต์มีพื้นที่ 1,449 ตารางกิโลเมตร แบ่งเป็นผืนน้ำ 69 ตารางกิโลเมตร นับว่าเล็กที่สุดในบรรดา 12 จังหวัดของเนเธอร์แลนด์ พื้นดินเป็นดินทรายที่ไม่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ ต้นไม้จึงเป็นพุ่มไม้เตี้ย จึงได้มีการปลูกป่าสนขึ้นทางตะวันออกของจังหวัด ส่วนทางใต้มีแม่น้ำอยู่หลายสาย จึงมีความอุดมสมบูรณ์ตามแนวแม่น้ำ ส่วนทางตะวันตกเป็นภูมิประเทศแบบทุ่งหญ้า
ยูเทรกต์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 26 เทศบาล ได้แก่
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ จังหวัดยูเทรกต์
This article uses material from the Wikipedia ไทย article จังหวัดยูเทรกต์, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.