ฟุตบอลโลก 2022 รอบชิงชนะเลิศ เป็นนัดสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลชายทีมชาติครั้งที่ 22 ของฟีฟ่า การแข่งขันจัดขึ้นที่สนามกีฬานานาชาติลูซัยล์ ประเทศกาตาร์ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.
2565 ซึ่งเป็นวันชาติของกาตาร์ โดยเป็นการพบกันระหว่างอาร์เจนตินาและฝรั่งเศส
รายการ | ฟุตบอลโลก 2022 | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
| |||||||
หลัง ต่อเวลาพิเศษ อาร์เจนตินา ชนะ ลูกโทษ 4–2 | |||||||
วันที่ | 18 ธันวาคม ค.ศ. 2022 | ||||||
สนาม | สนามกีฬานานาชาติลูซัยล์, ลูซัยล์ | ||||||
ผู้เล่นยอดเยี่ยม ประจำนัด | ลิโอเนล เมสซิ (อาร์เจนตินา) | ||||||
ผู้ตัดสิน | ชือมอน มาร์ชีญัก (โปแลนด์) | ||||||
ผู้ชม | 88,966 คน | ||||||
สภาพอากาศ | มีเมฆเป็นบางส่วน 22 °C (72 °F) 64% ความชื้นสัมพัทธ์ | ||||||
ช่วงครึ่งเวลาแรก ลิโอเนล เมสซิ และอังเฆล ดิ มาริอา ทำประตูให้อาร์เจนตินานำ 2–0 แต่ในช่วงครึ่งเวลาหลัง กีลียาน อึมบาเป ทำสองประตูตีเสมอมาเป็น 2–2 จนต้องใช้กติกาต่อเวลาพิเศษ อึมบาเปและเมสซิทำประตูในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ผลการแข่งขันในเวลา 120 นาที เสมอกัน 3–3 จึงต้องตัดสินด้วยการยิงลูกโทษ อาร์เจนตินาชนะการยิงลูกโทษด้วยประตู 4–2 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1986
เชค ตะมีม บิน ฮะมัด อัษษานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ และ จันนี อินฟันตีโน ประธานฟีฟ่า เป็นผู้มอบเหรียญพร้อมรางวัลต่าง ๆ หลังจบการแข่งขัน โดยในช่วงท้ายของพิธีการ เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์พร้อมด้วยประธานฟีฟ่าได้มอบถ้วยชนะเลิศแก่เมสซิ ซึ่งเป็นกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา
อาร์เจนตินา เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้ว 2 ครั้งในปี 1978 และ 1986 และยังเป็นรองแชมป์ในปี 1930, 1990 และ 2014 หลังจากนั้นอาร์เจนตินาแพ้ชิลี ในรอบชิงชนะเลิศ โคปาอเมริกา 2 สมัยติดต่อกันใน ปี 2015 และ 2016 หลังจากทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งพวกเขาแพ้ให้กับแชมป์เก่าอย่างฝรั่งเศสในรอบน็อคเอาต์รอบแรก และ โคปาอเมริกา 2019 ซึ่งพวกเขาจบ อันดับสาม ลิโอเนล สกาโลนี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติอาร์เจนตินา และนำทีมเอาชนะบราซิล 1–0 ในรอบชิงชนะเลิศโคปาอเมริกา 2021 ซึ่งส่งผลให้ ลิโอเนล เมสซิ กัปตันทีมคว้าแชมป์ระดับสากลกับทีมชาติได้เป็นครั้งแรก หลังจากอาร์เจนตินาชนะอิตาลีซึ่งเป็นแชมป์ยุโรป 3–0 ในการแข่งขัน ฟินาลิสซิมา 2022 อาร์เจนตินาจึงเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก
ฝรั่งเศสเป็นแชมป์เก่าจากปี 2018 ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รอบชิงชนะเลิศในปี 2002 ที่ทีมเข้าชิงชนะเลิศติดต่อกัน และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ปี 1998 ที่เจ้าของตำแหน่งผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ทั้งสองครั้งบราซิลเป็นแชมป์โลก ฝรั่งเศสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัยใน ปี 1998 และ 2018 นอกจากนี้ ฝรั่งเศสยังเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในปี 2006 แต่แพ้อิตาลีด้วยการดวลจุดโทษ; ดีดีเย เดช็อง กัปตันทีมชาติฝรั่งเศสที่พาทีมคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 1998 เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนตั้งแต่ปี 2012 หลังจากโลร็องต์ บล็องก์ ลาออกจากความล้มเหลวในยูโร 2012 โดยภายใต้การคุมทีมชาติฝรั่งเศสของเดช็อง ทีมไม่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 รวมทั้ง ยูโร 2016 และ 2020 แต่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ได้สำเร็จ ฝรั่งเศสจึงเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมเต็งในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทีมมีเป้าหมายที่จะตามรอบความสำเร็จของอิตาลีใน ปี 1934 และ 1938 รวมถึงบราซิลใน ปี 1958 และ 1962 ในฐานะประเทศที่สามที่สามารถป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จ และตัวของเดช็องเองก็พยายามที่จะเป็นผู้จัดการทีมคนที่สองที่คว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2 สมัย ต่อจาก วิตตอรีโอ ปอซโซ กับอิตาลีในปี 1934 และ 1938 และในฐานะผู้เล่นเดช็องก็หวังเป็นบุคคลที่สามที่คว้าแชมป์โลก 3 สมัยต่อจากเปเล่ และ มาริโอ ซากัลโล
อาร์เจนตินาและฝรั่งเศสพบกันในรอบแพ้คัดออกสำหรับฟุตบอลโลกครั้งที่สองติดต่อกัน ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายปี 2018 ที่คาซาน อารีน่า ฝรั่งเศสชนะด้วยประตู 4–3 ดิอินดีเพ็นเดนต์ กล่าวว่านัดดังกล่าวเป็น "หนึ่งในเกมฟุตบอลโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล" อ็องตวน กรีแยซมาน ทำประตูแรกด้วยการยิงจุดโทษ ก่อนที่ อังเฆล ดิ มาริอา และ กาบริเอล เมร์กาโด จะทำประตูทำให้อาร์เจนตินาขึ้นนำ จากนั้นฝรั่งเศสก็ยิงสามประตูถัดมาจากการยิงวอลเลย์นอกกรอบของ แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ ซึ่งต่อมาได้รับการโหวตให้เป็นประตูของทัวร์นาเมนต์ – จากนั้น กีลียาน อึมบาเป เป็นผู้ทำอีกสองประตูให้ทีมชาติของตน เซร์ฆิโอ อาเกวโร ทำประตูตีตื้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่อาร์เจนตินาไม่สามารถตีเสมอได้ และฝรั่งเศสเป็นฝ่ายชนะในนัดนั้น
ลูกฟุตบอลสำหรับการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศคือ "อาดิดาส อัล ฮิล์ม" ซึ่งใช้ในรอบรองชนะเลิศทั้งสองนัด และรอบชิงอันดับสามด้วย โดยมีการประกาศเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของ "อัล ริห์ลา" ลูกฟุตบอลอย่างเป้นทางการที่ใช้ในการแข่งขัน โดย "อัล ฮิล์ม" แปลว่า "ความฝัน" ใน ภาษาอาหรับ ซึ่งสื่อถึงความฝันของทุกชาติในการชูถ้วยชนะเลิศ แม้ว่าด้านเทคนิคของลูกบอลจะเหมือนกับอัลริห์ลา แต่สีจะแตกต่างออกไป อัล ฮิล์ม ประกอบด้วยสีทองและสีแดงเข้ม ซึ่งสื่อถึงสีธงชาติกาตาร์, สนามกีฬาลูซัยล์ และถ้วยชนะเลิศ; อัล ฮิล์ม เป็นลูกบอลพิเศษลูกที่ห้าสำหรับนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ต่อจาก +ทีมไกสต์ เบอร์ลิน, โจ'บูลานี, บราซูกา ไฟนอล ริโอ, และเทลสตาร์ เมคตา
สนามกีฬาลูซัยล์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 15 กิโลเมตร (9.3 ไมล์) ทางเหนือของกรุงโดฮา เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน สนามกีฬานี้มีจุดประสงค์เพื่อจัดรอบชิงชนะเลิศโดยเป็นส่วนหนึ่งของการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกของกาตาร์ โดยมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 สนามกีฬาแห่งนี้ยังได้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลกอีก 9 นัด โดย 6 นัดในรอบแบ่งกลุ่มและอีก 3 นัดในรอบแพ้คัดออก
สนามกีฬานานาชาติลูซัยล์ ออกแบบโดยบริษัทอังกฤษ ฟอสเตอร์แอนด์พาร์ตเนอส์ และ Populous โดยได้รับการสนับสนุนจาก MANICA Architecture สนามกีฬาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการระบายความร้อนและได้รับการอ้างถึงว่ามีคาร์บอนฟุตพรินต์เป็นศูนย์ สนามเริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายน ค.ศ. 2017 และมีแผนจะแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2020 แต่ได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2021
อาร์เจนตินา | รอบ | ฝรั่งเศส | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
คู่แข่ง | ผล | รอบแบ่งกลุ่ม | คู่แข่ง | ผล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ซาอุดีอาระเบีย | 1–2 | นัดที่ 1 | ออสเตรเลีย | 4–1 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เม็กซิโก | 2–0 | นัดที่ 2 | เดนมาร์ก | 2–1 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
โปแลนด์ | 2–0 | นัดที่ 3 | ตูนิเซีย | 0–1 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กลุ่มซี ชนะเลิศ
| อันดับสุดท้าย | กลุ่มดี ชนะเลิศ
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คู่แข่ง | ผล | รอบแพ้คัดออก | คู่แข่ง | ผล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ออสเตรเลีย | 2–1 | รอบ 16 ทีม | โปแลนด์ | 3–1 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เนเธอร์แลนด์ | 2–2 (ต่อเวลา) (ดวลลูกโทษ 4–3) | รอบก่อนรองฯ | อังกฤษ | 2–1 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
โครเอเชีย | 3–0 | รอบรองฯ | โมร็อกโก | 2–0 |
อาร์เจนตินา | ฝรั่งเศส |
|
|
ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด: ผู้ช่วยผู้ตัดสิน: | กติกาการแข่งขัน
|
This article uses material from the Wikipedia ไทย article ฟุตบอลโลก 2022 รอบชิงชนะเลิศ, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.