ประวัติศาสตร์นิพนธ์ เป็นการศึกษาวิธีที่นักประวัติศาสตร์ใช้พัฒนาประวัติศาสตร์เป็นสาขาวิชาการ ความหมายของประวัติศาสตร์นิพนธ์ยังหมายถึงข้อเขียนประวัติศาสตร์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ประวัติศาสตร์นิพนธ์หนึ่งครอบคลุมว่านักประวัติศาสตร์ศึกษาหัวข้อนั้นด้วยแหล่งข้อมูล วิธีการ และแนวศึกษาทางทฤษฎีอย่างไร ประวัติศาสตร์นิพนธ์ เช่น จักรวรรดิบริติช สงครามโลกครั้งที่สอง อิสลามยุคแรก และจีนมีแนวศึกษาและแง่มุมทางประวัติศาสตร์การเมืองและประวัติศาสตร์สังคมที่ต่างกัน ประวัติศาสตร์นิพนธ์เริ่มขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อมีการพัฒนาประวัติศาสตร์เชิงวิชาการ ซึ่งปรับเปลี่ยนมุมมองในการเขียนประวัติศาสตร์ คำว่าประวัติศาสตร์นิพนธ์ตรงกับคำในภาษาอังกฤษคือ historiography ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษากรีกโบราณคือ ἱστορίᾱ (historíā, การสอบสวน) กับ γράφω (gráphō, เขียน)
แม้อารยธรรมสมัยโบราณอย่างอียิปต์โบราณและเมโสโปเตเมียจะมีการบันทึกเหตุการณ์รายปี แต่การบันทึกประวัติศาสตร์นิพนธ์เริ่มครั้งแรกในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล เมื่อเฮอรอโดทัสประพันธ์ ฮิสตอรีส ที่บรรยายถึงภูมิศาสตร์ การเมืองและความขัดแย้งของวัฒนธรรมกรีก เอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือ ต่อมาศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล เคโตผู้อาวุโสประพันธ์ ออริจิเนส งานเขียนที่บันทึกการสถาปนาโรม สาธารณรัฐโรมัน และการเรืองอำนาจ ออริจิเนส ยังเป็นบันทึกประวัติศาสตร์โรมชิ้นแรกที่เป็นภาษาละติน ในช่วงเวลาใกล้กัน ซือหม่า ถันและซือหม่า เชียนร่วมกันเขียน ฉื่อจี้ เอกสารประวัติศาสตร์จีนที่ว่าด้วยรัชกาลจักรพรรดิเหลืองถึงจักรพรรดิฮั่นอู่ จากนั้นประวัติศาสตร์นิพนธ์สมัยกลางมีทั้งบันทึกเหตุการณ์ในยุโรป วรรณกรรมอิสลามของนักประวัติศาสตร์มุสลิม และงานเขียนประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นและเกาหลีที่อิงจากรูปแบบของจีน ล่วงถึงยุคเรืองปัญญาสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 ประวัติศาสตร์นิพนธ์โลกตะวันตกได้ก่อร่างและพัฒนาโดยปัญญาชนหลายคน เช่น วอลแตร์ เดวิด ฮูมและเอ็ดเวิร์ด กิบบอน
ความสนใจของนักประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีการเปลี่ยนผ่านจากประวัติศาสตร์การเมือง เศรษฐกิจ การทูตสู่ประวัติศาสตร์สังคมและวัฒนธรรม ระหว่างค.ศ. 1975–1995 พบว่าสัดส่วนของศาสตราจารย์ประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยอเมริกันที่เป็นนักประวัติศาสตร์สังคมเพิ่มจาก 31 เป็น 41 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่สัดส่วนของนักประวัติศาสตร์การเมืองลดลงจาก 40 เป็น 30 เปอร์เซ็นต์ ในค.ศ. 2007 การสำรวจอาจารย์ 5,723 คนจากคณะประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยบริติช พบว่าอาจารย์ 1,644 คน (29 เปอร์เซ็นต์) ระบุตนเองเป็นนักประวัติศาสตร์สังคม ส่วนอาจารย์ 1,425 คน (25 เปอร์เซ็นต์) ระบุตนเองเป็นนักประวัติศาสตร์การเมือง ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 มีความสนใจประวัติศาสตร์ในแง่ความทรงจำและการระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกจดจำและนำเสนอเพื่อการเฉลิมฉลอง
This article uses material from the Wikipedia ไทย article ประวัติศาสตร์นิพนธ์, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.