มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (อังกฤษ: Mae Fah Luang University; อักษรย่อ: มฟล.
– MFU; คำเมือง: ) เป็นสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐบาลตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2541 ภายหลังการเรียกร้องของชาวจังหวัดเชียงรายที่ต้องการมีมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น และเพื่อเป็นการระลึกถึงสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จึงใช้พระราชสมัญญา "แม่ฟ้าหลวง" เป็นชื่อมหาวิทยาลัย
ตราพระนามาภิไธยย่อ ส.ว (สังวาลย์) พระนามย่อ สมเด็จย่า. สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย | |
ชื่อเดิม | วิทยาลัยเชียงราย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
---|---|
ชื่อย่อ | มฟล. / MFU |
คติพจน์ | สร้างคน สร้างความรู้ สร้างคุณภาพ สร้างคุณธรรม |
ประเภท | สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ |
สถาปนา | มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 25 กันยายน พ.ศ. 2541 |
งบประมาณ | 1,904,000,000 บาท (ปีการศึกษา 2565) |
อธิการบดี | ผศ.ดร.มัชฌิมา นราดิศร |
นายกสภาฯ | ศ.(พิเศษ)ดร.วันชัย ศิริชนะ |
อาจารย์ | 742 คน (ปีการศึกษา 2565) |
เจ้าหน้าที่ | 2,590 คน (ปีการศึกษา 2565) |
ผู้ศึกษา | 15,388 คน กันยายน พ.ศ. 2565 |
ที่ตั้ง | มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เลขที่ 333 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าสุด อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 57100 โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เลขที่ 365 หมู่ 12 ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย 57100 |
วิทยาเขต | ศูนย์การศึกษา กรุงเทพมหานคร 127 อาคารปัญจภูมิ 2 ชั้น 7 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 |
วารสาร | รอบรั้ว มฟล. |
เพลง ต้นไม้ | สายใยแดงทอง ดอกหอมนวล (ลำดวน) |
สี | แดง ทอง |
มาสคอต | ดิน ดิน (ตัวตุ่น) |
เว็บไซต์ | www.mfu.ac.th |
ปัจจุบัน ประกอบด้วยสำนักวิชา 15 สำนักวิชา เป็นมหาวิทยาลัยจัดการเรียนการสอนระดับอนุปริญญา 2 หลักสูตร ปริญญาตรี 38 สาขา ปริญญาโท 25 สาขา ปริญญาเอก 15 สาขา โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการเรียนการสอน
หนังสือพิมพ์ไทมส์ในส่วนของ Higher Education Supplement ได้จัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก ของประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2548 และยังได้รับการลงคะแนนให้เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในประเทศไทย และสวยที่สุดแห่งเอเชีย
ปี 2534 – 2536 ประชาชนชาวเชียงรายได้เรียกร้องให้มีการจัดตั้งสถาบันการศึกษาระดับสูงขึ้นในจังหวัด มีการระดมความคิดเห็นการจัดการประชุมสัมมนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงรายปี 2536-2545 ขึ้นเป็นฉบับแรก ซึ่งเกิดจากการระดมความคิดเห็นร่วมกันระหว่างภาคราชการ ภาคเอกชนและประชาชน โดยกำหนดทิศทางการพัฒนาไว้ 3 ทิศทางด้วยกัน หนึ่งในสามทิศทางนั้น คือ “การศึกษาเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์” ซึ่งไม่เฉพาะจังหวัดเชียงรายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประชากรในจังหวัดภาคเหนือตอนบน ตลอดจนประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอีกด้วย
ปี 2537 มีการจัดตั้งคณะกรรมการรณรงค์เพื่อให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงราย มีการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นในการหารูปแบบและวิธีดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัย ซึ่งสรุปได้ในขณะนั้นว่าน่าจะมีหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น เป็นวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยกเลิกสถาบันราชภัฏเชียงรายและจัดตั้งขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย หรือจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นใหม่ เป็นต้น
18 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 เมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จสวรรคต คณะกรรมการรณรงค์จัดตั้งมหาวิทยาลัยร่วมกับหน่วยราชการจังหวัดเชียงราย ได้ประชุมปรึกษาหารือและเห็นพ้องต้องกันว่า พระองค์มีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงต่อประชาชนเชียงรายที่ทรงใช้เป็นพระตำหนักและ ทรงริเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้น นำความเจริญมายังจังหวัดเชียงรายและประเทศชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงและเพื่อสนองพระราชปณิธานของพระองค์ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมรวมทั้งการพัฒนาคน จึงได้จัดทำโครงการเสนอรัฐบาลให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงราย
4 มีนาคม พ.ศ. 2539 ณรงค์ วงศ์วรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่มุ่งหวังและสนับสนุนที่จะให้มีมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงราย ได้ประสานงานนำคณะกรรมการรณรงค์จัดตั้งมหาวิทยาลัย ซึ่งประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น และสื่อมวลชนเข้าพบนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเสนอเหตุผลและความจำเป็นที่ขอจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงรายต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ยินดีที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ หลังจากนั้นได้ไปพบนายบุญชู ตรีทอง ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งปลัดและรองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย เพื่อขอให้สนับสนุนโครงการดังกล่าว
5 มีนาคม พ.ศ. 2539 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาที่จังหวัดเชียงรายโดยยุบสถาบันราชภัฏเชียงรายและจัดตั้งขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยก็ได้ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นอนุสรณ์แห่งความจงรักภักดีของรัฐบาลและประชาชนที่มีต่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรในภาคเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งของจังหวัดเชียงราย
27 เมษายน พ.ศ. 2539 ทบวงมหาวิทยาลัยได้ทำการศึกษาที่จะยุบสถาบันราชภัฏเชียงรายเพื่อไปจัดตั้งขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงแล้วสรุปว่ามีความเป็นไปได้ พร้อมทั้งได้ดำเนินการศึกษาเพื่อกำหนดรูปแบบการดำเนินงาน ระบบบริหาร และระบบวิชาการของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมาตามลำดับ ทบวงมหาวิทยาลัยได้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเพื่อยุบสถาบันราชภัฏเชียงรายไปจัดตั้งขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงต่อคณะรัฐมนตรี
20 สิงหาคม พ.ศ. 2539 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติในหลักการตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และให้เสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาตรวจร่าง ต่อมาได้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรเป็นผลทำให้ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ฉบับนี้ไม่ได้รับการพิจารณา
13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 คณะกรรมการกลั่นกรองงานฝ่ายสังคมของรัฐบาลที่มีนายสุขวิช รังสิตพลรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น เป็นประธานได้มอบให้ทบวงมหาวิทยาลัยจัดตั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยใหม่ ตามนโยบายชองนายสุขวิชและจัดสรรงบประมาณเพื่อเตรียมการในเบื้องต้น ตั้งแต่ปีงบประมาณ2539 โดยไม่เปลี่ยนสถาบันราชภัฏเชียงราย เป็นมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงตามแนวทางเดิมของทบวงมหาวิทยาลัย เพราะต้องการให้สถาบันราชภัฏเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษาปี2538 จึงจำเป็นต้องคงไว้เป็นสถานศึกษาอีกแห่งหนึ่ง
18 กันยายน พ.ศ. 2540 ทบวงมหาวิทยาลัยจึงได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงฉบับใหม่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการตามร่างพระราชบัญญัติที่ทบวงมหาวิทยาลัยเสนอ แล้วส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาตรวจร่างและดำเนินการตามกระบวนการนิติบัญญัติต่อไป และแต่งตั้งให้ รองศาสตราจารย์ วันชัย ศิริชนะ ปลัดทบวงมหาวิทยาลัย เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการจัดตั้งเพื่อดำเนินการต่าง ๆ ให้เรียบร้อยและเสร็จสิ้นโดยเร็ว พร้อมทั้งให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เพื่อดำเนินการได้ตามความเหมาะสม สำหรับที่ดินที่ใช้ก่อสร้างมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงนั้น คณะกรรมการจังหวัดเชียงรายได้จัดเตรียมไว้ 3 แห่งคือ บริเวณดอยแง่ม อำเภอเมืองเชียงราย บริเวณจอมหมอกแก้ว อำเภอแม่ลาว และบริเวณดอยโตน อำเภอเวียงชัย ซึ่งต่อมานายมนตรี ด่านไพบูลย์ รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยและ รองศาสตราจารย์ วันชัย ศิริชนะ ปลัดทบวงมหาวิทยาลัย คณะกรรมการดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัย แม่ฟ้าหลวง และทบวงมหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันพิจารณาเลือกพื้นที่บริเวณดอยแง่ม และจอมหมอกแก้ว เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย ในขณะเดียวกันนักศึกษาและประชาชนจังหวัดเชียงรายก็ได้มีการชุมนุมเรียกร้อง ณ บริเวณโรงแรมลิตเติ้ลดั๊ก จังหวัดเชียงราย เพื่อให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงขึ้นโดยเร็วและได้ขอคำยืนยันจากรัฐบาล ซึ่งนายมนตรี ด่านไพบูลย์ และรองศาสตราจารย์ วันชัย ศิริชนะ ได้ให้คำยืนยันว่าจะสามารถเปิดรับนักศึกษาได้ภายใน ปี 2542
29 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 มีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดเชียงราย นายสุขวิช รังสิตพลรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น ได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีให้มีมติอนุมัติให้ใช้พื้นที่บริเวณดอยแง่ม จำนวน 4,997 ไร่ เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ขณะเดียวกันคณะกรรมการของจังหวัดเชียงรายร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมสถาบันอุดมศึกษาจังหวัดเชียงราย ได้รณรงค์หาทุนทรัพย์เพื่อเป็นค่าทำถนนเข้ามหาวิทยาลัย และเพื่อชดเชยค่าที่ดินที่มีผู้ครอบครองอยู่ในบริเวณนั้นด้วย
26 มีนาคม พ.ศ. 2541 ชาวเชียงรายทุกหมู่เหล่า ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชน โดยเฉพาะชาวบ้านตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลนางแล ตำบลท่าสุด นับหมื่นคน ได้ร่วมกันนำมีด พร้า จอบ เสียม และเครื่องจักรมาบุกเบิกทางเข้ามหาวิทยาลัยบริเวณดอยแง่มเป็นปฐมฤกษ์ นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ในบริเวณมหาวิทยาลัย ในโอกาสวันสำคัญต่าง ๆ หลายครั้ง การเตรียมการจัดตั้งมหาวิทยาลัยได้คืบหน้าเป็นลำดับ
25 กันยายน พ.ศ. 2541 มีการตราพระราชบัญญัติจัดตั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงขึ้น และรัฐบาลก็ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการเตรียมการในเบื้องต้น ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2539 และในปี 2541 นี้ พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ยังได้พระราชทานที่ดินบริเวณไร่ม่อนดินแดง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ประมาณ 700 ไร่ให้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงอีกแห่งหนึ่งด้วย การจัดสรรงบประมาณเพื่อการก่อสร้างที่ทำการถาวร ณ บริเวณดอยแง่ม อำเภอเมืองเชียงราย ในปีงบประมาณ 2542 เป็นต้นมา
7 มิถุนายน พ.ศ. 2542 เปิดรับนักศึกษารุ่นแรกของมหาวิทยาลัย โดยเปิดรับ 2 สาขา คือ สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ และสาขาวิชาเทคโนโลยีการอาหาร สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร
3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรโปรดให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ประกอบพิธีเปิดมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พิธีเปิดศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร และพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2545 ซึ่งเป็นบัณฑิตรุ่นแรกของมหาวิทยาลัย
6 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 โครงการก่อสร้างมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงที่แล้วเสร็จสมบูรณ์ตามแผนแม่บทกายภาพระยะที่ 1 ตั้งแต่พระราชบัญญัติประกาศใช้ จวบจนปี พ.ศ. 2547 ของการดำเนินภารกิจของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงในด้านการผลิตบัณฑิต ด้านการเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการแก่สังคม และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้มีพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธยย่อ ส.ว. ประกอบเป็นตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและเป็นสิริมงคลแก่มหาวิทยาลัย โดยตราสัญลักษณ์ดังกล่าวมีเลข ๘ และเลข ๙ ประกอบอยู่ด้วย โดยมีความหมายถึง เป็นพระราชชนนีของพระมหากษัตริย์ 2 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 และได้อัญเชิญฉัตร 7 ชั้นมาเป็นเครื่องหมายประกอบพระเกียรติยศของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีดอกลำดวนและใบไม้ประดับอันแสดงถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยที่จะสนองพระราชปณิธานปลูกป่าและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยไม่หยุดยั้ง
|
|
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้นำแถบประดับดอยตุง อันเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะ และความเป็นสิริมงคลอันสูงยิ่งมาประดับไว้ที่แถบครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยในแถบตุงประกอบด้วยลายปราสาท หมายถึง สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมีนายกสภามหาวิทยาลัย ดังรายนามต่อไปนี้
ทำเนียบนายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง | ||
---|---|---|
รายนามนายกสภามหาวิทยาลัย | วาระการดำรงตำแหน่ง
| |
1. นายประจวบ ไชยสาส์น | 11 พฤศจิกายน 2541 - 21 มิถุนายน 2543 | |
2. พลตำรวจเอก เภา สารสิน | 22 มิถุนายน 2543 - 21 มิถุนายน 2545 22 มิถุนายน 2545 - 21 มิถุนายน 2547 22 มิถุนายน 2547 - 21 มิถุนายน 2549 22 มิถุนายน 2549 – 27 พฤศจิกายน 2551 28 พฤศจิกายน 2551 – 27 พฤศจิกายน 2553 28 พฤศจิกายน 2553 – 6 มีนาคม 2556 | |
3. พลเอก สำเภา ชูศรี | 26 มิถุนายน 2556 - 7 ตุลาคม 2558 8 ตุลาคม 2558 - 26 กุมภาพันธ์ 2561 27 กุมภาพันธ์ 2561 - 5 มีนาคม 2563 | |
4. ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วันชัย ศิริชนะ | 15 มิถุนายน 2563 – ปัจจุบัน |
นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมีอธิการบดี ดังรายนามต่อไปนี้
ทำเนียบอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง | ||
รายนามอธิการบดี | วาระการดำรงตำแหน่ง
| |
---|---|---|
1. ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วันชัย ศิริชนะ | 2 ตุลาคม พ.ศ. 2544 - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552 | |
2. รองศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.เทอด เทศประทีป | 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552 - 30 มีนาคม พ.ศ. 2554 | |
1. (ครั้งที่ 2) ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วันชัย ศิริชนะ | 1 เมษายน พ.ศ. 2554 - 28 เมษายน พ.ศ. 2562 | |
3. รองศาสตราจารย์ ดร.ชยาพร วัฒนศิริ | 29 เมษายน พ.ศ. 2562 - 28 เมษายน พ.ศ. 2566 | |
4. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัชฌิมา นราดิศร | 1 มิถุนายน พ.ศ. 2566 - ปัจจุบัน |
มหาวิทยาลัยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการเรียนการสอน ดังนั้นผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาควรมีความรู้พื้นฐานทางด้านภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจัดการเรียนการสอนทั้งหมด 15 สำนักวิชา สามารถอำนวยการสอนได้ 38 หลักสูตร 77 สาขาวิชาดังนี้
ปัจจุบันประกอบด้วยส่วนงานทางวิชาการ ที่จัดการเรียนการสอนดังนี้
สำนักวิชากลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สำนักวิชากลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ
| สำนักวิชากลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์สำนักวิชาระดับบัณฑิตศึกษา
|
หลักสูตรในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก มีหลักสูตรที่เปิดสอนในแต่ละสำนักวิชาทั้งหมด 75 หลักสูตรโดยจะมีการแบ่งหลักสูตรออกเป็น หลักสูตรภาคปกติ หลักสูตรภาคพิเศษ หลักสูตรนานาชาติ หลักสูตรต่อเนื่อง และหลักสูตรสาขาวิชาร่วม โดยแต่ละสำนักวิชาจะเป็นผู้กำหนดรายวิชาในแต่ละสาขาวิชาที่เปิดสอน
พ.ศ. | สำนักวิชา |
---|---|
2542 | สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ • สำนักวิชาศิลปศาสตร์ • สำนักวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ • สำนักวิชาอุตสาหกรรมเกษตร |
อันดับมหาวิทยาลัย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อันดับในประเทศ(อันดับนานาชาติ) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สถาบันที่จัด | อันดับ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
URAP (2021-2022) | 13(1,881) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
UI Green Metric (2021) | 7(113) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
U.S. News (2022) | 12(-) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
CWUR (2021-2022) | 10(1,749) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
QS (Asia) (2022) | 12(451-500) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Webometrics (2022) | 19(2,193) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
SIR (2022) | 10(685) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
THE (Asia) (2022) | 2(134) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
THE (World) (2022) | 2(601-800) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
THE (Young) (2022) | 1(151-200) |
การประเมินคุณภาพมหาวิทยาลัยโดย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จากการจัดอันดับสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยตาม "โครงการฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทย" พ.ศ. 2549 โดยในภาพรวมผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยกลุ่มดัชนีชี้วัดด้านการเรียนการสอน และกลุ่มดัชนีชี้วัดด้านการวิจัย ซึ่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้รับการจัดอันดับอยู่ในกลุ่ม ดีมาก ทั้งการเรียนการสอน และการวิจัย
นอกจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดยหน่วยงานในประเทศไทยแล้ว ยังมีหน่วยงานจัดอันดับมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศอีกหลายหน่วยงาน ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีเกณฑ์การจัดอันดับและการให้คะแนนที่แตกต่างกัน ได้แก่
อันดับที่จัดโดย University Ranking by Academic Performance หรือ URAP ประจำปี พ.ศ. 2565 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 13 ของประเทศไทย และอันดับ 1,881 ของโลก โดยมีพื้นฐานทางด้านวิชาการตรงตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คุณภาพและปริมาณของบทความตีพิมพ์ทางวิชาการ บทความวิจัย การเผยแพร่ และการอ้างอิง
เป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยสีเขียวที่จัดโดยมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อสนับสนุนการเป็นมหาวิทยาลัยยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ประจำปี พ.ศ. 2565 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวอันดับ 7 ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 113 ของโลก
U.S. News & World Report นิตยสารการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกล่าสุด “Best Global Universities Rankings 2022” จากการสำรวจมหาวิทยาลัย 60 ประเทศทั่วโลก และมีเกณฑ์จัดอันดับหลายด้าน เช่น ชื่อเสียงการวิจัยในระดับโลก และระดับภูมิภาค สื่อสิ่งพิมพ์ การถูกนำไปอ้างอิง ความร่วมมือระหว่างประเทศ จำนวนบุคลากรระดับปริญญาเอก เป็นต้น โดยในปี พ.ศ. 2565 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ถูกจัดอันดับให้เป็นอันดับที่ 12 ของประเทศไทย และอันดับที่ - ของโลก
การจัดอันดับโดย Center for World University Rankings หรือ CWUR ที่มีเกณฑ์การจัดอันดับคือ คุณภาพงานวิจัย ศิษย์เก่าที่จบไป คุณภาพการศึกษา คุณภาพของอาจารย์ และสาขาวิชาต่าง ๆ ในปี พ.ศ. 2565 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 10 ของประเทศไทย และอยู่ในอันดับที่ 1,749 ของโลก
แควกเควเรลลี ไซมอนด์ส หรือ QS จัดอันดับมหาวิทยาลัยในสองส่วน คือ การจัดอันดับเป็นระดับโลก (QS World University Rankings) และระดับทวีปเอเชีย(QS University Rankings: Asia) มีระเบียบวิธีจัดอันดับ ดังนี้
QS Asia
ในปี พ.ศ. 2565 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้รับการจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 12 ของประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 451-500 ของเอเชีย
การจัดอันดับมหาวิทยาลัยของเว็บโอเมตริกซ์ จัดทำขึ้นเพื่อแสดงความตั้งใจของสถาบันต่าง ๆ ในการเผยแพร่ความรู้สู่เว็บ และเป็นความริเริ่มเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงความรู้อย่างเปิดกว้าง (Open Access) ทั่วโลก อันดับ Webometrics จะบอกถึงปริมาณและคุณภาพของสิ่งตีพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ในเว็บไซต์ของสถาบัน โดยพิจารณาจากจำนวน Link ที่เชื่อมโยงเข้าสู่เว็บนั้น ๆ จากเว็บภายนอกโดยวัดจากการสืบค้นด้วยSearch Engine และนับจำนวนเอกสารตีพิมพ์ออนไลน์ในกลุ่มของไฟล์ .pdf .ps .ppt และ .doc และจำนวนเอกสารที่มีการอ้างอิง (Citation) แบบออนไลน์ผ่านกูเกิลสกอลาร์ (Google Scholar) โดยการจัดอันดับในปี2022 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 19 ของประเทศไทย และอยู่ในอันดับที่ 2,193 ของโลก
อันดับมหาวิทยาลัยโดย SCImago Institutions Ranking หรือ SIR ซึ่งเป็นการจัดอันดับสถาบันที่มีผลงานวิจัยในระดับนานาชาติ ซึ่งจะไม่ใด้นับเฉพาะมหาวิทยาลัย แต่จะนับสถาบันเฉพาะทางด้วย เช่น สถาบันเทคโนโลยี ในปี พ.ศ. 2565 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 685 ของโลก และเป็นอันดับ 10 ของประเทศไทย
การจัดอันดับโดย The Times Higher Education 2023 หรือ THE ที่จัดอันดับ มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก มีเกณฑ์การจัดอันดับในด้าน คุณภาพการสอน สภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ของผู้เรียน คุณภาพงานวิจัย ปริมาณ รายได้ และชื่อเสียงของงานวิจัย การอ้างอิงในงานวิจัย การนำงานวิจัยของสถาบันไปใช้อ้างอิง ความเป็นนานาชาติ และ รายได้ทางอุตสาหกรรม ใน พ.ศ. 2566 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ช่วงอันดับที่ 801-1,000 และเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย
การจัดอันดับ Young University Rankings 2022 โดย The Times Higher Education หรือ THE ที่จัดอันดับ มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ซึ่งมีเกณฑ์การพิจารณามหาวิทยาลัยที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปีทั่วโลกจากตัวชี้วัดผลการดำเนินงานใน 5 ด้านได้แก่ การเรียนการสอน (Teaching 30%) การวิจัย (Research 30%) การอ้างอิงผลงานวิชาการ (Citation 30%) รายได้จากอุตสาหกรรม (Industry Income 2.5%) และความเป็นนานาชาติ (International Outlook 7.5%) ใน พ.ศ. 2565 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ช่วงอันดับที่ 201-250 และเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย
สถาบันวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มุ่งหวังที่จะพัฒนางานวิจัยให้มีความเข็มแข็ง มีทิศทางที่ชัดเจน และเป็นการผลักดันมหาวิทยาลัยให้ก้าวสู่การแข่งขันในเวทีระดับนานาชาติต่อไป จึงให้มีการสนับสนุนการรวมกลุ่มของนักวิจัย โดยมีนักวิจัยอาวุโสทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงหรือหัวหน้าทีม เพื่อการผลิตงานวิจัยที่มีคุณภาพหรืองานนวัตกรรมที่มีผลกระทบเชิงสังคมหรือการพัฒนาอุตสาหกรรม ทั้งนี้ การรวมกลุ่มวิจัยนี้จัดแบ่งเป็นระดับ คือ ศูนย์วิจัยความเป็นเลิศ กลุ่มวิจัย หน่วยวิจัย ดังนี้
หลักสูตรระดับประกาศนียบัตร เป็นหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาบุคคลให้มีความชำนาญในสาขาวิชาเฉพาะ สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนางานในสาขาวิชาชีพ นั้น ๆ การศึกษาระดับประกาศนียบัตรจะต้องศึกษากระบวนวิชาระดับประกาศนียบัตร มีหน่วยกิตรวม ตลอดหลักสูตร ไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกิต
หลักสูตรในระดับปริญญาตรี มีหลักสูตรที่เปิดสอนในแต่ละสำนักวิชาทั้งหมดประมาณ 38 หลักสูตรโดยจะมีการแบ่งหลักสูตรออกเป็น หลักสูตรภาคปกติ และหลักสูตรภาคพิเศษ โดยแต่ละสำนักวิชาจะเป็นผู้กำหนดรายวิชาในแต่ละสาขาที่เปิดสอนเอง
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้กำหนดวิธีการรับบุคคลเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีในระบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
โครงการรับตรงสำนักวิชา โครงการเครือข่ายครูแนะแนว โครงการส่งเสริมเด็กดีมีที่เรียน โครงการรับนักเรียนห้องเรียนพิเศษเน้นภาษาอังกฤษ โครงการทุนการศึกษาสิงห์ปาร์คเชียงราย โครงการรับผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยและจบจากต่างประเทศหรือเทียบเท่า โครงการรับนักเรียนผู้พิการเข้าศึกษา โครงการพิเศษเพื่อนักเรียนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้
โดยจะรับคัดเลือกแต่นักเรียนที่เรียนอยู่ในเขตพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เป็นเวลา 3 ปี
โดยผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกต้องผ่านกระบวนการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) การทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และการทดสอบความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ (PAT) โดยจะนำผลการทดสอบดังกล่าวมาเลือกคณะและสาขาวิชาต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยได้ตามความต้องการโดยผ่านทางการคัดเลือกของสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (สอท.)
หลักสูตรระดับปริญญาโท แบ่งเป็น 2 แผน คือ แผน ก และแผน ข ดังนี้
- แผน ก แบบ ก 1 หมายถึง การเรียนที่มีเพียงการทำวิทยานิพนธ์อย่างเดียว มีหน่วยกิตสะสมไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกิต และจะต้องทำกิจกรรมทางวิชาการตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ อาจมีการเรียนกระบวนวิชาเพิ่มเติมได้โดยไม่นับหน่วยกิตสะสม
- แผน ก แบบ ก 2 หมายถึง การเรียนที่เป็นลักษณะของการศึกษากระบวนวิชาระดับบัณฑิตศึกษาไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต และทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต หน่วยกิตสะสมเป็นไปตามโครงสร้างหลักสูตรของสาขาวิชา
- แผน ข หมายถึง การศึกษากระบวนวิชาระดับบัณฑิตศึกษา และทำการค้นคว้าแบบอิสระไม่น้อยกว่า 3-6 หน่วยกิต
มีการสอบคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทในสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งภาคปกติ และภาคพิเศษ โดยทางมหาวิทยาลัยจะดำเนินการจัดสอบเอง
หลักสูตรระดับปริญญาเอก แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
แบบ 1 เป็นการศึกษาที่เน้นการวิจัย ที่ก่อให้เกิดความรู้ใหม่ แยกเป็น แบบ 1.1 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 48 หน่วยกิต แบบ 1.2 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี (เกียรตินิยม) ทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 72 หน่วยกิต
แบบ 2 เป็นการศึกษาที่เน้นการวิจัย โดยมีการทำวิทยานิพนธ์ที่มีคุณภาพสูง และก่อให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการ และวิชาชีพ และศึกษากระบวนวิชาเพิ่มเติม แยกเป็น แบบ 2.1 สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกิต และศึกษากระบวนวิชาระดับบัณฑิตศึกษาไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต แบบ 2.2 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ทำวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 48 หน่วยกิต และศึกษากระบวนวิชาระดับบัณฑิตศึกษาไม่น้อยกว่า 24 หน่วยกิต
วัตถุประสงค์ของการจัดสร้างเนื่องจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีมีพระราชปณิธาณอันแน่วแน่ที่จะ " ปลูกป่า สร้างคน " เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้ด้อยโอกาสรวมทั้งการธำรง ไว้ซึ่งประเพณีและศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามของชิติพันธุ์ต่าง ๆ ในภาคเหนือ และภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบน รัฐบาลจึงได้จัดตั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงขึ้นในจังหวัดเชียงรายเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทยที่มีต่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และให้สถาบันแห่งนี้เป็นแหล่งสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ต่อไป
หน่วยงานหนึ่งของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมีสถานะเทียบเท่าสำนักวิชา มีพันธกิจเพื่อนำองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยไปเผยแพร่ ถ่ายทอดเพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่สังคม ชุมชน ผ่านกระบวนการฝึกอบรม สัมมนา ประชุม การบริการต่างๆ โดยศูนย์บริการวิชาการมีผลงานการให้บริการวิชาการทั้งโครงการบริการวิชาการจากสำนักวิชาต่าง ๆ อาทิ โครงการอบรมแปรรูปอาหารเพื่อเสริมอาชีพ โครงการตรวจรักษาโรคเคลื่อนที่ โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการทำขนมเบอเกอรี่แก่ผู้ต้องหาหญิงใกล้พ้นโทษ โครงการส่งเสริมการเรียนรู้แก่เยาวชน โครงการศิลปะการพูด เป็นต้น นอกจากนี้ ศูนย์บริการวิชาการยังดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมชุมชนอีกมากมาย อาทิ โครงการพัฒนาครูชนบทในพื้นที่ห่างไกล โครงการพัฒนาห้องสมุดตำรวจตระเวนชายแดน โครงการพัฒนาศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น
ศูนย์บริการวิชาการยังเป็นหน่วยงานกลางในการประสานงานด้านการจัดฝึกอบรม ศึกษาดูงาน และพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้แก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งภายในและภายนอกจังหวัดเชียงราย อาทิ โครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของข้าราชการชายแดนใต้ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) โครงการพัฒนาศักยภาพของข้าราชการ หลักสูตร ยุทธศาสตร์การทำงานให้มีประสิทธิภาพ เป็นต้น
ปัจจุบัน ศูนย์บริการวิชาการบริหารดำเนินงานภายใต้การนำของอาจารย์ ดร.ณัฐวุฒิ ยอดสุวรรณ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการ มีการแบ่งฝ่ายงานออกเป็น 5 ฝ่าย คือ ฝ่ายเลขานุการและธุรการ ฝ่ายบริการวิชาการ ฝ่ายพัฒนาโครงการและการตลาด ฝ่ายส่งเสริมกิจกรรมพิเศษ และฝ่ายโสตทัศนูปกรณ์
สอบถามรายละเอียดหรือต้องการการบริการวิชาการที่มีคุณภาพ ติดต่อที่ ศูนย์บริการวิชาการ โทรศัพท์ 05391 7897 ต่อ 8030 โทรสาร 05391 6384
เมื่อเดือนมีนาคม พุทธศักราช 2542 นายประจวบ ไชยสาส์น รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย พร้อมด้วยรองศาสตราจารย์ ดร.วันชัย ศิริชนะ ปลัดทบวงมหาวิทยาลัย เดินทางไปเยี่ยมเยือนและแสวงหาความร่วมมือด้านการศึกษากับรัฐบาลประเทศจีน และมหาวิทยาลัยในประเทศจีน
ในการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครั้งนี้ คณะรัฐบาลประเทศไทยเสนอให้รัฐบาลประเทศจีนจัดตั้ง ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีน ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ครบรอบ 100 ปี ในปี พุทธศักราช 2543
รัฐบาลจีนได้ให้ความเห็นชอบในการจัดตั้งศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีน ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยยินดีให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่า และยังสนับสนุนจัดหาอุปกรณ์ในการเรียนการสอนพร้อมหนังสือตำรา เอกสารประกอบการสอนต่าง ๆ เพื่อให้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงใช้ในการเรียนการสอนภาษาจีนอย่างมีประสิทธิภาพ
ระหว่างวันที่ 7 ถึง 27 สิงหาคม พุทธศักราช 2543 รัฐบาลจีนได้ส่งคณะศึกษา และสำรวจพื้นที่ก่อสร้าง ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนจากสถาบัน China Southwest Architectural Design and Research Institute เพื่อให้มาทำการสำรวจและออกแบบการก่อสร้างอาคารศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีน ซึ่งหัวหน้าคณะที่มาดำเนินการเรื่องนี้ คือนายเฉิน ไค เม่ย (Mr. Chen Kai Mei) และคณะ ได้มาปฏิบัติงานที่มหาวิทยาลัย แม่ฟ้าหลวง ประมาณ 20 วัน เพื่อสำรวจพื้นที่และออกแบบอาคาร
การก่อสร้าง ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีน ได้ยึดเอาศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบ ซูโจว เป็นโครงสร้างของอาคาร โดยมีกำแพงล้อมรอบตัวอาคารทั้งหมดสี่ด้าน ภายในประกอบด้วยสวนหิน และสระบัว ศาลาดูปลา ที่สร้างตามแบบดั้งเดิมของจีน การก่อสร้างศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนแห่งนี้ ได้นำเอาวัสดุการก่อสร้างที่สำคัญบางส่วนมาจากประเทศจีน เช่น ปูนปั้นมังกร หลังคา ครอบเชิงชาย สิงโตคู่ บัวเสา ตลอดจนรูปแบบศิลปะแบบจีน ประตูวงพระจันทร์ หน้าต่างหกเหลี่ยม ประตูและหน้าต่างลวดลายจีน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พุทธศักราช 2543
พิธีเปิดการก่อสร้างอาคารศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีน เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2544 โดย ฯพณฯ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ร่วมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัย พิธีมอบอาคารศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีน เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พุทธศักราช 2545 โดยอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นผู้รับมอบจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย มหาวิทยาลัยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ เมื่อวันที่ 27 มกราคม พุทธศักราช 2546 เพื่อทรงเยี่ยมมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และทอดพระเนตรความก้าวหน้าของศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีน
พระราชทานลายพระหัตถ์พระนามาภิไธยภาษาจีน พระราชทานไว้ให้แก่ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีน นับเป็นสิ่งพระราชทานที่ทรงคุณค่ายิ่ง ในวโรกาสที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 48 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานนามศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนว่า “ ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร ” ตามหนังสือที่ รล 008/2300 ลงวันที่ 24 เมษายน พุทธศักราช 2546 นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และประชาชนทั่วไปเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้
สถาบันขงจื่อแห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นหน่วยงานสนับสนุนและให้บริการวิชาการด้านภาษาและวัฒนธรรมจีน มีการจัดกิจกรรมเพื่อรำลึกถึงคำสอน และคุณงามความดีของขงจื่อ นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของจีน รวมถึงการเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา อีกทั้งยังเป็นการสานสัมพันธ์มิตรภาพอันดีงามระหว่างไทยกับจีน มากไปกว่านั้นทางสถาบันได้มีพันธกิจร่วมกับศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาจีนในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องให้กับนักศึกษา และบุคคลทั่วไป ตลอดจนจัดการแข่งขันเกี่ยวกับความรู้ภาษาจีน
เป็นสถานที่จำหน่ายหนังสือและเครื่องแบบนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มีสินค้าให้เลือกมากมาย อาทิ ของชำร่วยที่มหาวิทยาลัยจัดทำขึ้นในโอกาสพิเศษต่าง ๆ โปสการ์ดที่เป็นรูปอาคารสถานที่ของมหาวิทยาลัย เป็นต้น
กลุ่มอาคารของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แบ่งได้ดังต่อไปนี้
จัดในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมของทุกปี เป็นกิจกรรมที่เตรียมความพร้อมการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย และบางส่วนต้องเข้าเรียนภาษาอังกฤษในหลักสูตรเร่งรัด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนการสอนด้วยภาษาอังกฤษต่อไป และยังมีกิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมายที่นักศึกษารุ่นพี่ได้เตรียมไว้ เพื่อต้อนรับน้องใหม่ อย่างเช่น กิจกรรมน้องใหม่ปลูกป่า น้องใหม่ใส่บาตร กิจกรรมจุดเทียนส่องใจ และกิจกรรมน้องใหม่ขึ้นดอย เป็นต้น ก่อนที่จะเข้าสู่การปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ และเริ่มต้นเข้าเรียนชั้นปี 1 พร้อมกันในวันเปิดภาคการศึกษา
พิธีติดเข็มตราสัญลักษณ์และถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจัดในช่วงต้นเดือนกันยายน เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกคนเพื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยปฏิบัติเป็นธรรมเนียมสืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่น จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง
กิจกรรมพี่น้องร่วมใจชิงธงสำนักวิชา ถือเป็นประเพณีสำคัญที่ มฟล. ได้จัดขึ้นต่อเนื่องมายาวนาน โดยมุ่งหมายให้เป็นส่วนหนึ่งของการต้อนรับนักศึกษาใหม่อย่างสร้างสรรค์ และใช้เพลงมหาวิทยาลัยถ่ายทอดความภาคภูมิใจในการเป็นลูกแม่ฟ้าหลวงจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในแต่ละสำนักวิชาต้องร้องเพลงมหาวิทยาลัยให้ไพเราะพร้อมเพรียงจนสามารถพิชิตใจคณะกรรมการได้ จึงจะได้รับธงประจำสำนักวิชา ถือเป็นบททดสอบความรักและสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่เพียงแต่รุ่นน้อง แต่หมายรวมถึงนักศึกษารุ่นพี่ทั้ง 14 สำนักวิชา ในทุกกิจกรรมของมหาวิทยาลัยล้วนมีจุดมุ่งหมายที่จะแสดงออกถึงความจงรักและภักดี ที่มีต่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า โดยน้อมนำแนวพระราชปณิธานมาปรับใช้ และมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเหล่านักศึกษาชั้นปีที่ 1 รวมถึงสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนักศึกษารุ่นพี่ อันจะนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกันในรั้วมหาวิทยาลัย
พิธีบายศรีสู่ขวัญและงานเลี้ยงขันโตก ซึ่งเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมแบบล้านนาในการให้เกียรติแก่แขกผู้มาเยือนหรือบุคคลสำคัญ โดยเป็นพิธีรับขวัญและผูกข้อมือน้องใหม่ โดยนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกคนที่มาร่วมงานบายศรีสู่ขวัญจะใส่ชุดผ้าฝ้ายทั้งชายหญิงอันเป็นเอกลักษณ์ของ มฟล. ซึ่งนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มฟล. จะได้ใส่ชุดพื้นเมืองนี้มามหาวิทยาลัยในทุกวันศุกร์หรือในกิจกรรมพิเศษด้านศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ภายในงานก็จะมีการแสดงดนตรีโฟล์คซองคำเมือง จากวงดนตรีมหาวิทยาลัย MFU Band จากนั้นเข้าสู่พิธีบายศรีสู่ขวัญและพิธีเรียกขวัญ ตามความเชื่อของคนภาคเหนือที่จัดขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลโดยเฉพาะในช่วงยามที่เริ่มต้นในสิ่งใหม่ ๆ เช่นเดียวกับนักศึกษาใหม่ที่เพิ่งก้าวมาสู่รั้วมหาวิทยาลัย ทั้งนี้อธิการบดี ผู้บริหาร และคณาจารย์ได้ผูกข้อไม้ข้อมืออวยชัยให้พรแก่ดาวเดือนจากสำนักวิชาต่า งๆ ที่เป็นตัวแทนนักศึกษาให้โชคดีมีชัยในการเข้ามาศึกษาเล่าเรียนในรั้วแดงทองแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีการแสดงนาฏศิลป์แบบล้านนาเชียงรายให้นักศึกษาที่มาจากทั่วทุกภูมิภาคได้รับชม ซึ่งล้วนเป็นการแสดงที่อ้อนช้อยงดงาม เข้ากันบรรยากาศงานเลี้ยงขันโตกที่ได้ชิมอาหารเหนือขึ้นชื่อ ล้วนทำให้นักศึกษาใหม่ได้สัมผัสสนต์เสน่ห์เมืองเหนือและร่วมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของท้องถิ่นล้านนา อันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
กีฬาภายในของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงที่จัดขึ้นเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษาสำนักวิชาต่าง ๆ ซึ่งนอกจากการแข่งขันกีฬาแล้ว ยังมีจุดที่น่าสนใจที่สุดของงานก็คือ การแสดงสแตนเชียร์และผู้นำเชียร์ของสำนักวิชาต่าง ๆ โดยแต่ละสำนักวิชาจะทำการซักซ้อมมาเป็นอย่างดีในการเชียร์
หอประชุมสมเด็จย่า หรืออาคารC4 เป็นห้องประชุมขนาด 2500 ที่นั่ง ใช้เป็นสถานที่รับพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษา การแสดงนิทรรศการต่างๆ และยังใช้เป็นสถานที่ในการจัด In Honor of 175 years US-Thai Friendship อีกด้วย
ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงในระดับบัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิตเป็นประจำทุกปี โดยพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจะเป็นไปตามประกาศของมหาวิทยาลัยในแต่ละปีการศึกษา โดยใช้หอประชุมสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่พระราชทานปริญญาบัตร
This article uses material from the Wikipedia ไทย article มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.