การให้มีผู้แทนแบบจัดสรรปันส่วนผสม

ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม หรือ ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนที่มีสมาชิกแบบผสม (อังกฤษ: mixed-member proportional representation; ย่อ: MMP/MMPR) เป็นระบบเลือกตั้งแบบผสมซึ่งผู้ออกเสียงลงคะแนนมีคะแนนเสียงสองเสียง โดยเสียงหนึ่งใช้ตัดสินผู้แทนสำหรับเขตเลือกตั้งแบบที่นั่งเดียว และอีกเสียงหนึ่งใช้ตัดสินเลือกพรรคการเมือง ที่นั่งในสภานิติบัญญัติจะจัดสรรให้แก่ผู้สมัครแบบแบ่งเขตที่ได้รับเลือกตั้งก่อน และลำดับที่สองจะจัดสรรให้แก่ผู้สมัครจากพรรคการเมืองโดยคิดตามร้อยละของคะแนนเสียงทั่วประเทศหรือทั่วพื้นที่หนึ่ง ๆ ซึ่งแต่ละพรรคได้รับ ผู้แทนแบบแบ่งเขตจะใช้ระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุด (first-past-the-post) หรือระบบคะแนนเสียงที่เหนือกว่า/ฝ่ายข้างมากอย่างอื่น ส่วนในระดับประเทศนั้นผู้แทนทั่วประเทศหรือภูมิภาคหนึ่ง ๆ มาจากบัญชีรายชื่อซึ่งมีการเผยแพร่ไว้ คล้ายกับการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ในการได้มาซึ่งผู้แทนตัวประเทศ พรรคการเมืองอาจจำเป็นต้องได้ผู้สมัครแบบแบ่งเขตจำนวนหนึ่ง และร้อยละของจำนวนคะแนนเสียงของพรรคทั่วประเทศจำนวนหนึ่ง หรือทั้งคู่

ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม (MMP) แตกต่างจากการเลือกตั้งแบบคู่ขนาน (parallel voting) ตรงที่จำนวนที่นั่งในสภามีการจัดสรรแก่พรรคการเมืองแบบบังคับเพื่อชดเชยให้ได้ผลลัพธ์การเลือกตั้งแบบเป็นสัดส่วน และแตกต่างจากระบบเสียงเดียวผสมตรงที่ผู้ลงคะแนนสามารถออกเสียงลงคะแนนแยกให้กับพรรคการเมืองหนึ่งในระดับท้องถิ่นและอีกพรรคการเมืองหนึ่งในระดับชาติได้ ภายใต้ระบบ MMP พรรคการเมืองสองพรรคที่ได้คะแนนเสียงร้อยละ 25 เท่ากันอาจได้ที่นั่งร้อยละ 25 เท่ากันแม้พรรคการเมืองหนึ่งชนะเขตเลือกตั้งมากกว่าอีกพรรคหนึ่ง โดยผลลัพธ์ที่แน่นอนนั้นขึ้นอยู่กับระบบที่ใช้ในแต่ละประเทศซึ่งอาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันซึ่งทำให้ผลของความเป็นสัดส่วนนั้นต่างกันได้ โดยจะมีประเด็นเรื่องที่นั่งส่วนขยาย (overhang seats) ที่เกิดขึ้นโดยพรรคการเมืองใดที่ชนะการเลือกตั้งมากในแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จนกระทั่งว่าจำนวนที่นั่งแบบบัญชีรายชื่อไม่อาจชดเชยได้ครบถ้วนจะทำให้ความเป็นสัดส่วนลดลง โดยการแก้ปัญหาวิธีนี้ทำได้โดยการขยายขนาดสภา (เพิ่มจำนวนที่นั่ง) เพื่อให้สัดส่วนยังคงเดิมและลดความไม่เป็นสัดส่วนลง

เดิมระบบ MMP ใช้เริ่มแรกเพื่อเลือกตั้งผู้แทนในสภาบุนเดิสทาคของเยอรมนี และต่อมาโบลิเวีย เลโซโทและนิวซีแลนด์รับไปใช้ นอกจากนี้ยังมีการใช้ในโรมาเนียระหว่างการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาปี 2551 และ 2555 ในเยอรมนีนั้นใช้ทั้งในการเลือกตั้งระดับสหพันธ์และในระดับรัฐเกือบทั้งหมด โดยเรียกระบบการลงคะแนนแบบนี้ว่า "ระบบสัดส่วนแบบเฉพาะตัว" (เยอรมัน: personalisiertes Verhältniswahlrecht) ส่วนในสหราชอาณาจักร ระบบการลงคะแนนแบบสัดส่วนผสมแบบปรับเปลี่ยนได้นำมาใช้ในสกอตแลนด์ เวลส์ และสภาลอนดอน โดยเรียกว่า "ระบบสมาชิกเพิ่มเติม" (additional member system) ในรัฐเกแบ็กของแคนาดาซึ่งทำการศึกษาการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมนี้ เรียกว่า "ระบบลงคะแนนแบบสมาชิกผสมแบบมีการชดเชย" (ฝรั่งเศส: système mixte avec compensation)

ขั้นตอน

การให้มีผู้แทนแบบจัดสรรปันส่วนผสม 
ผลการเลือกตั้งระดับสหพันธ์ของเยอรมนี ค.ศ. 2017 โดยแสดงให้เห็นถึงที่นั่งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ ตัวอย่างเช่น พรรค FDP (สีเหลือง) ไม่ได้ชนะการเลือกตั้งในแบบแบ่งเขตเลย แต่จำนวนสมาชิกสภาของพรรคทั้งหมด 80 คนล้วนมาจากระบบบัญชีรายชื่อ

ในระบบสัดส่วนผสมส่วนใหญ่จะดำเนินการดังนี้ ผู้ลงคะแนนมีคะแนนเสียงคนละสองคะแนน คะแนนแรกสำหรับผู้แทนแบบแบ่งเขต และอีกคะแนนสำหรับพรรคการเมือง ส่วนในแบบต้นฉบับที่ใช้ในเยอรมนีนั้น ผู้ลงคะแนนมีเพียงคะแนนเดียว กล่าวคือเมื่อทำการลงคะแนนเลือกผู้แทนจะถือว่าทำการเลือกพรรคการเมืองของผู้สมัครรายนั้นโดยอัตโนมัติ ต่อมาในรัฐส่วนใหญ่ของเยอรมนีได้เปลี่ยนไปใช้แบบสองคะแนนเพื่อให้ผู้แทนแบบแบ่งเขตนั้นมีความยึดโยงกับท้องถิ่นมากขึ้น โดยผู้ลงคะแนนสามารถลงคะแนนเลือกผู้สมัครจากท้องถิ่นในเขตเลือกตั้งนั้น ๆ โดยไม่จำเป็นจะต้องคำนึงถึงสังกัดพรรคการเมือง เนื่องจากคะแนนฝั่งพรรคการเมืองนั้นมาจากคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อเท่านั้น ในการเลือกตั้งทั่วไปนิวซีแลนด์ ปีค.ศ. 2017 ผู้ลงคะแนนจำนวนร้อยละ 27.33 พบพฤติกรรมการแบ่งคะแนน (โดยผู้ลงคะแนนทำการเลือกผู้สมัครจากท้องถิ่นซึ่งต่างสังกัดกันกับพรรคการเมืองที่เลือกในแบบบัญชีรายชื่อ) ลดลงจากปีค.ศ. 2014 ที่มีมากถึงร้อยละ 31.64

ในแต่ละเขตเลือกตั้งนั้นจะมีผู้ชนะเพียงคนเดียว ปกติแล้วจะใช้ระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุด (ผู้ที่ได้คะแนนนำสูงสุดชนะ)

ในระบบบัญชีรายชื่อส่วนใหญ่ในแบบบัญชีปิดในการเลือกสมาชิกผู้แทนแบบไม่แบ่งเขต (หรือเรียกว่า "สมาชิกผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ") ในประเทศส่วนใหญ่สามารถส่งชื่อผู้สมัครรายเดียวกันได้ทั้งในแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อพร้อม ๆ กัน (ในนิวซีแลนด์เรียกว่า "ผู้สมัครคู่") ในเวลส์ระหว่างปีค.ศ. 2006 จนถึงค.ศ. 2014 ห้ามการลงสมัครคู่ กล่าวคือผู้สมัครสามารถเลือกลงแข่งเลือกตั้งได้เพียงระบบแบ่งเขต หรือระบบบัญชีรายชื่อเท่านั้น โดยไม่สามารถเลือกลงสองระบบพร้อม ๆ กันได้ หากผู้สมัครรายนั้นอยู่ในบัญชีรายชื่อและชนะการเลือกตั้งในแบบแบ่งเขตด้วย จะไม่ถือว่าได้สองที่นั่ง โดยผู้สมัครรายนั้นจะถูกข้ามชื่อไปในระดับบัญชีรายชื่อโดยลำดับถัดไปจะได้รับเลือกแทน

ในบาวาเรีย คะแนนเสียงที่สองนั้นไม่เพียงให้แค่พรรคการเมืองเท่านั้น แต่ยังให้คะแนนเสียงผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อท้องถิ่นด้วย โดยบาวาเรียนำระบบนี้มาใช้ในทั้งเจ็ดเขต ระบบบัญชีรายชื่อท้องถิ่นแบบบัญชีเปิด ได้ถูกเสนอโดยคณะกรรมาธิการเจนกินส์เพื่อนำมาใช้ในการปฏิรูประบบเลือกตั้งของสหราชอาณาจักร (ซึ่งเรียกว่า "ระบบสมาชิกเพิ่มเติม") และสำหรับแคนาดา ซึ่งแนะนำโดยคณะกรรมาธิการกฎหมายแห่งแคนาดา โดยทั้งสองกรณีไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้จริง

ในกรณีตรงข้ามกัน รัฐพรินซ์เอดเวิร์ดไอแลนด์ของแคนาดาได้เลือกระบบสัดส่วนผสมแบบบัญชีเปิด โดยผ่านการลงประชามติในปีค.ศ. 2016 สำหรับการปฏิรูประบบเลือกตั้งของรัฐ

การคำนวณ

ในการเลือกตั้งระดับภูมิภาค หรือระดับชาตินั้น (ไม่ใช่แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง) ใช้วิธีการคำนวณได้หลายวิธี แต่หลักการพื้นฐานของระบบสัดส่วนแบบสมาชิกผสม (MMP) คือจำนวนที่นั่งในสภาทั้งหมด โดยรวมทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อรวมกันแล้วนำมาจัดสรรปันส่วนให้กับพรรคการเมืองตามสัดส่วนของคะแนนเสียงทั้งหมดที่แต่ละพรรคได้รับตามบัตรลงคะแนน โดยการคำนวณสามารถใช้วิธีเหลือเศษสูงสุด หรือวิธีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ วิธีโดนต์ และวิธีแซ็งต์-ลากูว์ โดยผลลัพธ์คือจำนวนที่นั่งพึงมีของแต่ละพรรคการเมือง แล้วนำไปลบด้วยจำนวนที่นั่งที่แต่ละพรรคได้รับจากแบบแบ่งเขต โดยส่วนต่างจากจำนวนที่นั่งพึงมีจะได้รับการชดเชย (ท็อปอัพ) หากเกิดกรณีที่จำนวนผู้แทนแบบแบ่งเขตมีจำนวนเกินกว่าจำนวนที่นั่งพึงมีของพรรค ที่นั่งส่วนที่เกินจะได้รับการจัดสรรเป็นที่นั่งส่วนขยาย (overhang seats) ทำให้ที่นั่งในสภามีจำนวนเพิ่มขึ้นเพื่อคงความเป็นสัดส่วนเท่าเดิม ในรัฐส่วนใหญ่ในเยอรมนี (ยกเว้นการเลือกตั้งระดับสหพันธ์) ก่อนการเลือกตั้งระดับสหพันธ์ในปีค.ศ. 2013 มีการใช้การปรับที่นั่ง (leveling seats) ซึ่งเพิ่มที่นั่งเพื่อชดเชยกับที่นั่งส่วนขยาย (overhang seats) ให้ได้สัดส่วนที่ถูกต้องอย่างสมบูรณ์ ในการเลือกตั้งครั้งหนึ่งในสกอตแลนด์ การคำนวณวิธีค่าเฉลี่ยสูงสุดนั้นทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีรัฐบาลพรรคชาติสกอตเสียงข้างมากซึ่งมีคะแนนเสียงรวมเพียงแค่ร้อยละ 44 อย่างไรก็ตาม ในสกอตแลนด์ใช้ระบบการลงคะแนนแบบสมาชิกเพิ่มเติมซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับระบบสัดส่วนผสมอื่น ๆ ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่เป็นสัดส่วนอย่างไม่ค่อยสมบูรณ์นัก ในรัฐบาวาเรีย คะแนนเสียงในแบบแบ่งเขตและคะแนนพรรคจะนำมารวมกันเพื่อกำหนดจำนวนที่นั่งพึงมีในสภา

ที่นั่งส่วนขยาย

เมื่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งชนะเลือกตั้งแบบแบ่งเขตได้จำนวนที่นั่งมากกว่าจำนวนที่นั่งพึงมี (จากการคำนวณคะแนนพรรค หรือบัญชีรายชื่อ) ในบางระบบจะอนุโลมให้มีการเพิ่มที่นั่ง หรือที่นั่งส่วนขยาย (overhang seats) ในสภาได้ กล่าวคือขนาดของสภาจะขยายใหญ่ขึ้นตามจำนวนที่นั่งขยายในสมัยเลือกตั้งนั้น ๆ

ในสภาบุนเดิสทาคของเยอรมนี และสภาผู้แทนราษฎรนิวซีแลนด์นั้นสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งจากระบบแบ่งเขตยังคงที่นั่งตัวเองไว้ได้ ตัวอย่างเช่น ในการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศนิวซีแลนด์ ค.ศ. 2008 พรรคเมารีชนะคะแนนเสียงพรรคเพียงร้อยละ 2.4 ซึ่งคำนวณออกมาได้ 3 ที่นั่งพึงมีในสภาผู้แทนราษฎร แต่พรรคสามารถชนะแบบแบ่งเขตได้ถึง 5 ที่นั่ง ทำให้มี 2 ที่นั่งถือเป็นที่นั่งส่วนขยาย ทำให้ขนาดของสภาผู้แทนราษฎรในสมัยนั้นจึงมีสมาชิกทั้งหมดเท่ากับ 122 คน ในทางกลับกันในกรณีที่คะแนนเสียงพรรคมีจำนวนตามสัดส่วนใกล้ ๆ กับจำนวนผู้แทนแบบแบ่งเขตสภาผู้แทนราษฎรในสมัยนั้นจะไม่มีที่นั่งส่วนขยายเพิ่ม

เกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำ

ในการเลือกตั้งระบบสัดส่วนหลายแบบนั้นมีการใช้เกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำสำหรับการได้ที่นั่งในแบบบัญชีรายชื่อซึ่งใช้กันในระบบสัดส่วนผสม ซึ่งพรรคการเมืองจะต้องได้รับคะแนนเสียงพรรค (บัญชีรายชื่อ) อย่างน้อยตามเกณฑ์ขั้นต่ำ มิฉะนั้นจะไม่ได้ที่นั่งในแบบบัญชีรายชื่อเลย โดยผู้ชนะในแบบแบ่งเขตยังคงที่นั่งไว้ได้เช่นเดิม ในนิวซีแลนด์ใช้เกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำร้อยละ 5 โบลิเวียร้อยละ 3 เยอรมนีร้อยละ 5 เป็นต้น โดยพรรคการเมืองสามารถได้ที่นั่งในระบบบัญชีรายชื่อได้หากชนะการเลือกตั้งในแบบแบ่งเขตอย่างน้อยสามที่นั่งในเยอรมนี หรืออย่างน้อยหนึ่งที่นั่งในนิวซีแลนด์ ซึ่งการชนะที่นั่งให้ได้ในแบบแบ่งเขตจึงถือเป็นเป้าหมายสำคัญของพรรคการเมืองขนาดเล็กในนิวซีแลนด์

รัฐบาลที่มาจากระบบสัดส่วนผสม

การให้มีผู้แทนแบบจัดสรรปันส่วนผสม 
ตัวอย่างบัตรลงคะแนนในเขตเลือกตั้งเขต 252 (วูร์ซบวร์ก) ในการเลือกตั้งระดับสหพันธ์ของเยอรมนีในปีค.ศ. 2005 โดยมีแบบแบ่งเขตด้านซ้ายมือ และแบบพรรคการเมืองฝั่งขวามือ

ปัจจุบัน

  • นิวซีแลนด์ ใช้ระบบการลงคะแนนนี้สำหรับการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรในปีค.ศ. 1994 ภายหลังจากการปฏิรูประบบเลือกตั้งอันยืดเยื้อ โดยเริ่มจากการเสนอแนะโดยคณะกรรมการหลวงเพื่อระบบการลงคะแนนในปีค.ศ. 1985 และจบลงด้วยการลงประชามติในปีค.ศ. 1996 และภายหลังต่อมาได้รับการลงประชามติอีกครั้งในปีค.ศ. 2011 โดยได้รับเสียงข้างมากเด็ดขาดรับรองระบบการลงคะแนนแบบสัดส่วนผสมถึงร้อยละ 56.17 ในการเลือกตั้งทั่วไป ค.ศ. 2020 พรรคแรงงานได้ถึง 65 ที่นั่ง จากทั้งหมด 120 ที่นั่ง ซึ่งเป็นเพียงพรรคการเมืองพรรคที่สองของโลกที่สามารถเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมากในสภาโดยเป็นพรรครัฐบาลเพียงพรรคเดียวในระบบการเลือกตั้งนี้
  • เยอรมนี
  • สหราชอาณาจักร ถึงแม้ว่ารัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักรจะไม่ได้มีที่มาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม แต่ใช้ในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติของสองประเทศและภูมิภาคหนึ่ง (โดยเรียกว่า "ระบบสมาชิกเพิ่มเติม")
    • สกอตแลนด์ โดยรัฐสภาสกอตใช้ระบบสัดส่วนผสมในเขตเลือกตั้งตามภูมิภาคอันประกอบด้วยสมาชิกระดับท้องถิ่นจำนวน 9 คน (ยกเว้น 3 ภูมิภาค) และสมาชิกระดับภูมิภาคจำนวน 9 คน
    • เวลส์ โดยรัฐสภาเวลส์ใช้ระบบสัดส่วนผสมในเขตเลือกตั้งตามภูมิภาคอันประกอบด้วยสมาชิกระดับท้องถิ่นจำนวน 8 คน (ยกเว้น 2 ภูมิภาค) และสมาชิกระดับภูมิภาคจำนวน 4 คน
    • ลอนดอน โดยสภาลอนดอนใช้ระบบสัดส่วนผสมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาจำนวน 14 คนจากแบบแบ่งเขต และ 11 คนจากแบบบัญชีรายชื่อ โดยมีเกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำที่ร้อยละ 5 ถึงจะได้ที่นั่งในระบบบัญชีรายชื่อ
  • เกาหลีใต้ ตั้งแต่ ค.ศ. 2019 สภาแห่งชาติ ใช้ระบบสัดส่วนผสมแบบปรับแต่ง โดยมีสมาชิกจากเขตเลือกตั้งละคนจำนวน 253 คน อีก 17 คนเป็นที่นั่งเสริม (คล้ายกับในระบบคู่ขนาน) และที่นั่งชดเชยอีก 30 ที่นั่ง
  • โบลิเวีย ใช้ระบบสัดส่วนผสมในปีค.ศ. 1994 โดยการจัดสรรปันส่วนที่นั่งในสภามาจากคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดี

อดีต

อยู่ในระหว่างการศึกษา

แคนาดา

ในเดือนมีนาคม ค.ศ.​2004 คณะกรรมาธิการกฎหมายแห่งแคนาดาได้เสนอร่างระบบการลงคะแนนแบบสัดส่วนผสม โดยประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนร้อยละ 33 มาจากบัญชีรายชื่อแบบเปิด แต่ต่อมารัฐสภาได้ระงับการพิจารณาลงภายหลังจากการเลือกตั้งปีค.ศ. 2006

พรรคประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งเป็นพรรคที่สนับสนุนระบบสัดส่วนผสมอย่างยาวนาน และมีพรรคกรีนแห่งแคนาดาเป็นแนวร่วมเคลื่อนไหวเพื่อการปฏิรูประบบการเลือกตั้งให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น

ในปีค.ศ. 2007 สมัชชาประชาชนเพื่อการปฏิรูปการเลือกตั้งในออนแทรีโอยังแนะนำระบบการลงคะแนนแบบสัดส่วนผสมสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติออนแทรีโอในอนาคต โดยมีบัตรลงคะแนนคล้ายกับของนิวซีแลนด์ และมีบัญชีรายชื่อแบบปิดสำหรับระดับจังหวัดเช่นเดียวกับในนิวซีแลนด์แต่กำหนดให้มีสมาชิกแบบชดเชยเพียงร้อยละ 30 ต่อมาการลงประชามติซึ่งทำพร้อมกันกับการเลือกตั้งระดับจังหวัดเมื่อ 10 ตุลาคม ค.ศ. 2007 ผลคือไม่ผ่านการรับรอง

ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2016 คณะกรรมาธิการพิเศษเพื่อการปฏิรูปการเลือกตั้งได้ก่อตั้งขึ้นโดยสภาสามัญชนแห่งแคนาดาเพื่อศึกษาโอกาสในการเปลี่ยนแปลงระบบการลงคะแนนโดยมีระบบสัดส่วนผสมเป็นหนึ่งในระบบที่พิจารณา โดยคณะกรรมาธิการพิเศษฯ ได้นำเสนอผลการศึกษาต่อรัฐสภาเมื่อ 1 ธันวาคม ในปีเดียวกัน ในต้นปีค.ศ. 2017 รัฐบาลประกาศตกลงยอมรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการพิเศษ และจะไม่ดำเนินการใด ๆ ต่อประเด็นการปฏิรูประบบเลือกตั้งอีกต่อไป

ในการทำประชาพิจารณ์ระหว่าง 27 ตุลาคม และ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 พลเมืองรัฐพรินซ์เอดเวิร์ดไอแลนด์ ได้ลงคะแนนรับรองระบบสัดส่วนผสมต่อระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุดในการนับคะแนนรอบสุดท้าย ด้วยคะแนนร้อยละ 52 ต่อร้อยละ 43 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจังหวัดซึ่งไม่ได้ทำการกำหนดเกณฑ์ผู้มาใช้สิทธิขั้นต่ำไว้ก่อน ได้ชี้แจงในเวลาต่อมาว่ามีผู้มาใช้สิทธิเพียงแค่ร้อยละ 36 ซึ่งไม่เพียงพอที่จะทำการเปลี่ยนแปลงระบบการลงคะแนน ต่อมาในการลงประชามติเป็นครั้งที่สอง ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับจังหวัด ระบบสัดส่วนผสมไม่ได้รับการรับรองโดยคะแนนเสียงร้อยละ 48 ต่อร้อยละ 52 โดยมีผู้มาใช้สิทธิจำนวนร้อยละ 76

รัฐบาลเกแบ็ก ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนโดยพรรคฝ่ายค้านจำนวน 2 ใน 3 (PQ และ Québec Solidaire) ได้ผ่านร่างกฎหมายประชามติในการเปลี่ยนระบบการลงคะแนนเป็นแบบสัดส่วนผสม โดยกำหนดทำประชามติในปีค.ศ. 2022

คอสตาริกา

ในปัจจุบันคอสตาริกานั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาเปลี่ยนจากระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายชื่อปิดมาเป็นระบบสัดส่วนผสมตามแบบประเทศเยอรมนี โดยร่างกฎหมายได้รับการเสนอโดยกลุ่มเคลื่อนไหว Citizen Power Now และได้รับเสียงสนับสนุนข้างมากในรัฐสภา ซึ่งระบบใหม่ที่เสนอนั้นจะทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถูกแบ่งเป็นสองประเภท โดยมีประเภทแรกจำนวน 42 คนมาจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองตามสัดส่วนคะแนนเสียง โดยเรียกผู้แทนประเภทนี้ว่า "สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระดับชาติ (national deputies) และอีก 42 คนมาจากการเลือกตั้งในแบบแบ่งเขตเลือกตั้งโดยระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุด ร่างกฎหมายนี้จะต้องผ่านขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนซึ่งจะต้องมีเสียงข้างมากพิเศษถึงสองในสามของสภา อย่างไรก็ตามจากการสำรวจความเห็นในปีค.ศ. 2019 ทั้งสี่พรรคการเมืองหลักได้กล่าวสนับสนุนการปฏิรูปดังกล่าว

ศรีลังกา

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2015 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของศรีลังกาได้ประกาศว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาเปลี่ยนระบบการลงคะแนนปัจจุบันเป็นแบบสัดส่วนผสม

แอฟริกาใต้

การลงคะแนนเสียงเชิงกลยุทธ์

ในระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมที่มีเกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำ ประชาชนผู้ชื่นชอบพรรคการเมืองขนาดใหญ่อาจเลือกใช้กลยุทธ์ลงคะแนนโดยเลือกพรรคการเมืองพรรคเล็กที่คาดการณ์ว่าจะได้คะแนนเกือบถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ ผู้ลงคะแนนบางคนอาจจะกลัวว่าพรรคขนาดเล็กจะได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์และจะทำให้พรรคการเมืองใหญ่ในกลุ่มพันธมิตรเดียวกันอ่อนแอลง ตัวอย่างเช่น พรรค FDP ฝั่งขวากลางของเยอรมนีซึ่งปกติจะได้คะแนนเสียงจากผู้ลงคะแนนที่ชอบพรรค CDU ซึ่งเป็นพรรคขนาดใหญ่ เนื่องจากเหล่าผู้ลงคะแนนมีความกลัวว่าหากพรรค FDP ได้คะแนนน้อยกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำแล้ว (ร้อยละ 5) จะทำให้พรรค CDU ไม่มีพันธมิตรในสภาและจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลได้ การลงคะแนนเชิงกลยุทธ์ยังทำให้ปัญหาคะแนนสูญนั้นแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย แต่มีต้นทุนคือการเพิ่มที่นั่งให้กับพรรค FDP แทนที่จะเป็นพรรค CDU ตามความต้องการแท้จริงของผู้ลงคะแนน ยุทธวิธีนี้เหมือนกันกับยุทธวิธีอื่น ๆ ที่ใช้ในระบบสัดส่วนแบบมีเกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำ

กรณีคล้ายกันเกิดขึ้นในนิวซีแลนด์ ผู้ลงคะแนนบางส่วนที่ชอบพรรคขนาดใหญ่เลือกลงคะแนนให้กับผู้สมัครท้องถิ่นที่สังกัดพรรครองเพื่อที่จะให้มีคะแนนเสียงมากพอที่จะชนะแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตนั้นเขตเดียว โดยเกิดขึ้นในเขตเลือกตั้งเอปซอมในออคแลนด์เมื่อปี ค.ศ. 2008 และ 2011 ซึ่งผู้ลงคะแนนที่สนับสนุนพรรคชาตินิวซีแลนด์ลงคะแนนเลือกผู้สมัครจากพรรค ACT ในแบบแบ่งเขต ในกรณีนี้ยุทธวิธีนี้ยังคงไว้ซึ่งความเป็นสัดส่วนได้เนื่องจากได้คะแนนเกินเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ 5 แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่พอใจกับยุทธวิธีนี้เนื่องจากทำให้พรรคการเมืองขนาดเล็กได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นในขณะที่พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงพรรคสูงกว่าแต่ไม่ชนะแบบแบ่งเขตเลือกตั้งนั้นไม่ได้ที่นั่งเลย ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2008 เมื่อพรรค ACT ได้สัดส่วน 5 ที่นั่งจากการชนะแบบแบ่งเขตเพียงที่นั่งเดียว โดยมีคะแนนพรรคเพียงร้อยละ 3.7 ในขณะที่พรรคนิวซีแลนด์เฟิร์สไม่ชนะแบบแบ่งเขตเลยสักที่นั่ง แต่ได้คะแนนพรรคถึงร้อยละ 4.1 ซึ่งรวมแล้วไม่ได้เลยสักที่นั่ง ต่อมาในปี ค.ศ. 2011 ผู้ลงคะแนนจากเขตเลือกตั้งเอปซอมเลือกลงคะแนนให้กับพรรคแรงงาน (ฝ่ายซ้าย) และพรรคกรีน เพื่อพยายามสกัดการใช้กลยุทธ์โดยลงคะแนนแบบแบ่งเขตให้กับผู้สมัครจากพรรคชาตินิวซีแลนด์แทน ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะไม่บรรลุผลตามที่คาดหมาย แต่ก็สามารถลดคะแนนเสียงข้างมากของพรรค ACT ต่อพรรคชาตินิวซีแลนด์จาก 12,900 คะแนน เป็น 2,300 คะแนน ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2012 มีรายงานการคณะกรรมการการเลือกตั้งของนิวซีแลนด์ เกี่ยวกับการพิจารณาระบบการลงคะแนนระบบสัดส่วนผสมโดยแนะนำให้ยกเลิกเกณฑ์บังคับขั้นต่ำ 1 ที่นั่งที่จะต้องชนะในแบบแบ่งเขต หมายความว่า พรรคการเมืองใดที่ชนะที่นั่งแบบแบ่งเขตแต่ไม่ได้คะแนนเสียงถึงเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ 5 (ในรายงานเดียวกันแนะนำให้ลดเกณฑ์ขั้นต่ำลงเหลือร้อยละ 4) จะได้เพียงแค่ที่นั่งเดียวจากแบบแบ่งเขตเท่านั้น

ในกรณีอื่น ๆ พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งอาจมีความมั่นใจที่จะชนะที่นั่งในแบบแบ่งเขตจำนวนมาก และคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะไม่ได้รับที่นั่งเพิ่มจากแบบสัดส่วนเลย ผู้ลงคะแนนบางกลุ่มอาจจะพยายามเพิ่มเสียงผู้แทนโดยใช้กลยุทธ์เลือกพรรคการเมืองอื่นในแบบแบ่งเขต เนื่องจากหากพวกเขาเลือกลงคะแนนให้กับพรรคที่สนับสนุนจริง ๆ แล้วคะแนนเสียงจะสูญไป กลยุทธ์นี้มักใช้ไม่ได้ผลกับระบบสัดส่วนผสมที่มีจำนวนที่นั่งแบบบัญชีรายชื่อจำนวนมาก (ร้อยละ 50 ในรัฐส่วนใหญ่ของเยอรมนี และร้อยละ 42.5 ในสภาผู้แทนราษฎรนิวซีแลนด์) และใช้ไม่ได้ผลกับระบบเลือกตั้งที่มีการเพิ่มที่นั่งส่วนเกินเพื่อลดโอกาสความไม่เป็นสัดส่วนลง โดยจะทำให้พรรคการเมืองยังคงความเป็นสัดส่วนเท่าเดิมไว้ได้แม้แต่มีพรรคการเมืองใดได้จำนวนที่นั่งแบบแบ่งเขตมากเกินไป

การแบ่งพรรคเล็ก

วิธีใช้กลยุทธ์สำหรับการร่วมพันธมิตรระหว่างพรรคการเมืองเพื่อนำไปสู่การชนะที่นั่งแบบสัดส่วนบัญชีรายชื่อจำนวนมากนั้นอาจนำมาใช้ได้เป็นกลยุทธ์อย่างเป็นจริงเป็นจัง ตัวอย่างเช่น ในการเลือกตั้งในอัลเบเนีย ค.ศ. 2005 ซึ่งพรรคการเมืองหลักทั้งสองพรรคไม่ได้คาดว่าจะได้รับที่นั่งเพิ่มจากสัดส่วนเลย จึงได้โน้มน้าวให้ผู้สนับสนุนลงคะแนนเลือกพรรคการเมืองรองที่เป็นพันธมิตรกันแทน กลยุทธ์นี้บิดเบือนการทำงานของระบบถึงจุดที่พรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งแบบสัดส่วนบัญชีรายชื่อจะแตกต่างจากพรรคการเมืองที่ชนะแบบแบ่งเขตเสมอ (ในกรณีนี้เหมือนได้ที่นั่งทั้งสองแบบ) โดยพรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งแบบบัญชีรายชื่อนั้นมีเพียงผู้สมัครรายเดียวจากแบบแบ่งเขตที่ชนะการเลือกตั้ง การเลือกตั้งในครั้งนี้ถูกประนามโดยองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปว่ามีความล้มเหลวในการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลเนื่องจากปัญหา "ความผิดปกติอย่างร้ายแรง" การซื้อเสียง การข่มขู่ และ "ความรุนแรงโดยฝ่ายหัวรุนแรงทั้งสองฝ่าย" โดยแทนที่จะแก้ปัญหาความไม่เป็นสัดส่วนด้วยการปล่อยให้มีที่นั่งส่วนขยายเพิ่ม อัลเบเนียได้เปลี่ยนการลงคะแนนเป็นระบบบัญชีรายชื่อล้วน ๆ

ในกลเม็ดเสียหมากเพื่อได้เปรียบขึ้นเช่นอย่างกรณีในอัลเบเนียนั้น หากพรรคการเมืองขนาดใหญ่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าจะได้ที่นั่งน้อยหรือไม่ได้ที่นั่งแบบสัดส่วนบัญชีรายชื่อเลยอันเนื่องมาจากความได้เปรียบในตัวผู้สมัครในแบบแบ่งเขตเลือกตั้งนั้นอาจเลือกที่จะแบ่งพรรคการเมืองเป็นสองพรรค โดยพรรคหนึ่งมุ่งเน้นชิงที่นั่งแบบแบ่งเขต ในขณะที่อีกพรรคหนึ่งเน้นแบบสัดส่วนบัญชีรายชื่อ โดยสมมติว่าเป็นไปได้ตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งพรรคการเมืองทั้งสองนี้จะสามารถร่วมมือในระดับนโยบายหาเสียงเลือกตั้งร่วมกัน และทำงานร่วมกันภายในสภานิติบัญญัติในขณะที่ยังคงเป็นพรรคการเมืองที่แยกกันโดยนิตินัย ผลลัพธ์ที่ได้จากกลเม็ดนี้หากนำมาใช้กันในทุกพรรคการเมืองจะทำให้ระบบสัดส่วนผสมนี้กลายร่างเป็นระบบคู่ขนานโดยพฤตินัย

ตัวอย่างของเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งทั่วไปในเลโซโท ค.ศ. 2007 ในกรณีนี้พรรคการเมืองหลักสองพรรค ได้แก่พรรค LCD และพรรค ABC ใช้ตัวล่อแทนเป็นพรรคเอกราขแห่งชาติ และพรรคแรงงานเลโซโท ตามลำดับ เพื่อจุดประสงค์ในการหลีกเลี่ยงกลไกลชดเชยที่นั่งในระบบสัดส่วนผสม โดยผลลัพธ์ของการเลือกตั้งคือ พรรค LCD และพรรคสำรองยึดครองที่นั่งในสภาได้ถึงร้อยละ 69.1 ด้วยคะแนนเสียงเพียงร้อยละ 51.8 โดยหัวหน้าพรรค ABC ได้กล่าวถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า "เสรี แต่เป็นธรรม" ต่อมาในการเลือกตั้ง ค.ศ. 2012 ระบบการลงคะแนนได้ถูกปรับเพื่อมีความเชื่อมโยงระหว่างแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อเพื่อจะจำกัดประสิทธิภาพของพรรคสำรองนี้ และทำให้ปรับผลการเลือกตั้งที่ออกมาเป็นสัดส่วนได้ระหว่างทุกพรรคการเมืองเกือบจะสมบูรณ์แบบ

อีกกรณีศึกษาตัวอย่างที่น่าสนใจคือในเวเนซุเอลา ซึ่งสุดท้ายต้องเปลี่ยนระบบการเลือกตั้ง โดยรับเอาระบบการลงคะแนนแบบคู่ขนานมาใช้แทนระบบสัดส่วนผสมอย่างเป็นทางการ เวเนซุเอลาเริ่มใช้ระบบการลงคะแนนแบบสัดส่วนผสมในปี ค.ศ. 1993 แต่กลยุทธ์ในการสร้างพรรคสำรองนั้นเริ่มนำมาใช้กันในปี ค.ศ. 2000 โดยหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ต่อมากลยุทธ์นี้ได้ถูกนำไปใช้โดยพรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนชาเวซในการเลือกตั้งระดับชาติในปี ค.ศ. 2005 ต่อมาเมื่อได้รับรู้กันถึงปัญหานี้ เวเนซุเอลาจึงได้เปลี่ยนกลับมาใช้ระบบการลงคะแนนแบบคู่ขนานซึ่งมีความเป็นสัดส่วนน้อยกว่าแบบสัดส่วนผสม เมื่อ 26 กันยายน ค.ศ. 2010 พรรคการเมืองของชาเวซ (พรรคสหสังคมนิยมแห่งเวเนซุเอลา) ได้ที่นั่งถึงร้อยละ 57.4 ของสภา ในขณะที่ได้คะแนนเสียงทั้งหมดเพียงแค่ร้อยละ 48.2 ในระบบลงคะแนนใหม่นี้ (ยังไม่นับรวมถึงบทบาทของพรรคพันธมิตรอื่น ๆ) จะเห็นได้ว่าการลงคะแนนระบบคู่ขนานนั้นไม่ได้ช่วยให้การเลือกตั้งมีความเป็นสัดส่วนขึ้นแต่อย่างใด ในกรณียิ่งเป็นระบบการลงคะแนนแบบคะแนนนำแล้ว (อาจทำให้ชนะถึง 71 เขตจากทั้งหมด 109 เขต หรือร้อยละ 65)

ก่อนหน้าการเลือกตั้งทั่วไปในเกาหลีใต้ ค.ศ. 2020 ได้มีการเปลี่ยนระบบการลงคะแนนจากระบบคู่ขนานมาเป็นระบบสัดส่วนผสมแบบลูกผสม โดยมีสมาชิกจำนวน 30 ที่นั่งที่จัดสรรมาจากการชดเชย พรรคฝ่ายค้าน คือ พรรคเสรีภาพเกาหลี ได้จัดตั้งพรรคการเมืองลูกขึ้นมา คือ พรรคอนาคตเกาหลี โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มที่นั่งจากแบบสัดส่วน พรรคฝ่ายรัฐบาล คือพรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลีได้ประนามการกระทำของพรรคฝ่ายค้านโดยหาทางจัดการผ่านกระบวนการทางกฎหมายเลือกตั้ง แต่สุดท้ายก็ได้จัดตั้งพรรคการเมืองลูกขึ้นมาเช่นกัน คือ พรรคแพลตฟอร์ม เพื่อเป็นการตอบโต้ โดยทั้งสองพรรคลูกนี้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง โดยพรรคอนาคตเกาหลีสามารถได้ที่นั่งชดเชยได้ถึง 12 ที่นั่ง และพรรคแพลทฟอร์มได้ที่นั่งชดเชยถึง 11 ที่นั่ง และภายหลังการเลือกตั้งทั้งสองพรรคการเมืองได้ผนวกรวมเข้ากับพรรคแม่ของตนเอง

ปัญหาการแตกเสียงลงคะแนนนั้นสามารถแก้ไขได้โดยการกำจัดกลไกที่นำไปสู่ปัญหานี้ได้ โดยอาจจะยกเลิกเลิกระบบสองคะแนน (บัตรสองใบ) โดยจะทำให้กลายเป็นระบบเสียงเดียวผสม (Mixed single vote) ไปโดยปริยาย (ต้นแบบรุ่นแรกของระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมที่เริ่มใช้ในเยอรมนี) ซึ่งในกรณีนี้ผู้ลงคะแนนไม่สามารถแยกลงคะแนนได้ถึงแม้ว่าจะเป็นความต้องการที่แท้จริง อีกวิธีหนึ่งคือการกำจัดกลไกการเชื่อมโยงกับจำนวนที่นั่งโดยไปใช้การเชื่อมโยงกับคะแนนเสียงแทน โดยในกรณีนี้จำนวนที่นั่งชดเชยอาจจะมีเพิ่มขึ้น ระบบโอนคะแนนลบอย่างสกอร์โปโร (Scorporo) นั้นยังคงเก็บความเสี่ยงที่ทำให้เกิดพรรคลูกขึ้นได้อยู่ แต่หากเป็นกรณีที่คะแนนเสียงทั้งสองคะแนนนั้นเชื่อมโยงกันอยู่ในระบบเลือกตั้งแบบบัตรผสมถ่ายโอนคะแนนได้ (Mixed ballot transferable vote) ซึ่งจะหมดโอกาสในการใช้กลไกในการเพิ่มที่นั่งให้กับพรรคของตัวเองได้ อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ไม่อาจจะรับรองได้ว่าที่นั่งของพรรคการเมืองจะยังคงความเป็นสัดส่วนตามคะแนนเสียงของพรรคการเมืองซึ่งก็ย่อมจะขึ้นอยู่กับข้อจำกัดเฉพาะของแต่ระบบที่ใช้

(ผสม) เสียงเดียว (ผสม) สองเสียง
แบบที่เชื่อมโยงกับจำนวนคะแนนเสียง ระบบเสียงเดียวผสม (MSV) เพิ่มที่นั่ง (top-up) ระบบสัดส่วนผสม (MMP)

ระบบสมาชิกเพิ่มเติม (AMS)

ระบบคะแนนเสียงเผื่อเลือกเพิ่ม (AV+)

แบบที่เชื่อมโยงกับจำนวนที่นั่ง ระบบเสียงเดียวผสม (MSV) ถ่ายโอนคะแนนบวก (positive vote transfer)

ระบบสัดส่วนสมาชิกคู่ (DMP)

สกอร์โปโร (ลูกผสม: MSV กับระบบคู่ขนาน)

ระบบบัตรผสมถ่ายโอนคะแนนได้ (MBTV)

ดูเพิ่ม

บรรณานุกรม

อ้างอิง

Tags:

การให้มีผู้แทนแบบจัดสรรปันส่วนผสม ขั้นตอนการให้มีผู้แทนแบบจัดสรรปันส่วนผสม รัฐบาลที่มาจากระบบสัดส่วนผสมการให้มีผู้แทนแบบจัดสรรปันส่วนผสม การลงคะแนนเสียงเชิงกลยุทธ์การให้มีผู้แทนแบบจัดสรรปันส่วนผสม ดูเพิ่มการให้มีผู้แทนแบบจัดสรรปันส่วนผสม บรรณานุกรมการให้มีผู้แทนแบบจัดสรรปันส่วนผสม อ้างอิงการให้มีผู้แทนแบบจัดสรรปันส่วนผสมFirst-past-the-post votingการลงคะแนนแบบคะแนนเสียงที่เหนือกว่าการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองภาษาอังกฤษระบบการลงคะแนนระบบการลงคะแนนแบบผสมสภานิติบัญญัติ

🔥 Trending searches on Wiki ไทย:

เปรม ติณสูลานนท์ไตรลักษณ์ประเทศเปรู1มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กโปเตโต้สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงอธิป ทองจินดาแบล็กพิงก์สงครามเวียดนามมัสเกตเทียส์จังหวัดสระแก้วฟุตซอลทีมชาติไทยธนาคารกรุงไทยทวีปเอเชียสามก๊กเดือนหม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุลจังหวัดพิจิตรยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสมองประเทศสวีเดนซันนี่ สุวรรณเมธานนท์นิโคลัส มิคเกลสันดราก้อนบอลจังหวัดเพชรบุรีกรภัทร์ เกิดพันธุ์ข้อมูลญีนา ซาลาสจังหวัดขอนแก่นโทโยโตมิ ฮิเดโยชิพรรคเพื่อไทยกฤษดา สุโกศล แคลปป์โป๊กเกอร์จีเมลFace Off แฝดคนละฝาประเทศญี่ปุ่นโทกูงาวะ อิเอยาซุรายชื่อสกุลญี่ปุ่นที่ใช้มากที่สุดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มหาวิทยาลัยมหิดลมหาวิทยาลัยรามคำแหงชา อึน-อูทวีปอเมริกาใต้รายชื่อตอนในโปเกมอนเอก อังสนานนท์กติกาฟุตบอลดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ก็อตซิลลาทวีปแอฟริกากุลฑีรา ยอดช่างจนกว่าจะได้รักกันนพเก้า เดชาพัฒนคุณประเทศเกาหลีโรนัลโดศาสนาเอ็กซ์โอเอ็กซ์โอเอนเตอร์เทนเมนต์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ชญานิศ จ่ายเจริญโรงเรียนเทพศิรินทร์สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังรายชื่อโรงเรียนในจังหวัดชลบุรีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตรายชื่อประธานาธิบดีสหรัฐต่อศักดิ์ สุขวิมลมหาวิทยาลัยเชียงใหม่พระศรีอริยเมตไตรยการ์ลัส ปุดจ์ดาโมนสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติพันทิป.คอมวรกมล ชาเตอร์ไวยาวัจกรภาษาอังกฤษดอลลาร์สหรัฐแจ็กสัน หวังจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเขตพื้นที่การศึกษาประเทศมัลดีฟส์🡆 More