หลี ยฺเหวี่ยนเจ๋อ (จีน: 李遠哲; พินอิน: Lǐ Yuǎnzhé; เวด-ไจลส์: Li³ Yüan³-che²; เป่อ่วยยี: Lí Oán-tiat; อังกฤษ: Yuan Tseh Lee; เกิด 19 พฤศจิกายน ค.ศ.
1936) หรือ หยวน ที. ลี (อังกฤษ: Yuan T. Lee) เป็นนักเคมีชาวไต้หวัน และเป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณประจำมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ เขาเป็นชาวไต้หวันคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบล โดยได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีใน ค.ศ. 1986 ร่วมกับจอห์น โพลานยีชาวฮังการี-แคนาดาและดัดลีย์ อาร์. เฮิร์ชบาค "สำหรับส่วนร่วมเกี่ยวกับพลศาสตร์ของกระบวนการเคมีขั้นเบื้องต้น"
หลี ยฺเหวี่ยนเจ๋อ 李遠哲 | |
---|---|
เกิด | นครชินจิกุ จังหวัดชินจิกุ ไต้หวันภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น | 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1936
สัญชาติ | อาณานิคมญี่ปุ่น (ค.ศ. 1936 – ค.ศ. 1945) ไต้หวัน (ตั้งแต่ ค.ศ. 1945) อเมริกัน (ค.ศ. 1974–ค.ศ. 1994) |
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหฺวา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ |
รางวัล | รางวัลโนเบลสาขาเคมี (ค.ศ. 1986) เหรียญวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (ค.ศ. 1986) รางวัลพีเทอร์ เดอบาย (ค.ศ. 1986) รางวัลปาฐกถาฟาราเดย์ (ค.ศ. 1992) เหรียญทองโอทเมอร์ (ค.ศ. 2008) |
อาชีพทางวิทยาศาสตร์ | |
สาขา | เคมี |
สถาบันที่ทำงาน | มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ มหาวิทยาลัยชิคาโก ห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอว์เรนซ์ เบิร์กลีย์ Academia Sinica (ไต้หวัน) |
อาจารย์ที่ปรึกษาในระดับปริญญาเอก | บรูซ เอช. มาฮัน |
ลูกศิษย์ในระดับปริญญาเอก | ลอรี บัตเลอร์ |
ผลงานที่สำคัญของหลี่ด้านเคมีเชิงฟิสิกส์เกี่ยวข้องกับการใช้เทคนิคด้านจลนศาสตร์เคมีขั้นสูงเพื่อศึกษาและควบคุมพฤติกรรมของปฏิกิริยาเคมีโดยใช้การยิงลำโมเลกุลตัดกัน (crossed molecular beam) หลี่ดำรงตำแหน่งประธานของสถาบัน Academia Sinica ประเทศไต้หวันตั้งแต่ 15 มกราคม ค.ศ. 1994 ถึง 19 ตุลาคม ค.ศ. 2006 และได้รับเลือกให้เป็นนายกสภานานาชาติเพื่อวิทยาศาสตร์ใน ค.ศ. 2011
หลี่เกิดในครอบครัวชาวฮกเกี้ยนในนครชินจิกุ (หรือนครซินจู๋ในปัจจุบัน) ทางตอนเหนือของเกาะไต้หวันซึ่งในขณะนั้นยังอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น หลี ยฺเหวี่ยนเจ๋อเป็นบุตรของนายหลี่ เจ๋อฟาน จิตรกรชาวไต้หวัน และนางไช่ เผย์ (蔡配; Cài Péi) ครูประถมศึกษาจากเมืองโกเซโก (ญี่ปุ่น: 梧棲港街; โรมาจิ: Goseikō-kai) จังหวัดไทจู (ปัจจุบันคือเขตอู๋ชีของนครไถจง) ต้นตระกูลของหลี่สืบเชื้อสายมาจากชาวฮกเกี้ยนในนครหนานอัน มณฑลฝูเจี้ยนในจีนแผ่นดินใหญ่ ขณะเข้าเรียนประถมศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษาซินจู๋หลี่เป็นตัวแทนเบสบอลและเทเบิลเทนนิสของโรงเรียน หลี่เข้าศึกษาระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนมัธยมปลายซินจู๋ ซึ่งเขาเล่นเทนนิส ทรอมโบน และฟลูต
หลี ยฺเหวี่ยนเจ๋อเข้าเรียนระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันโดยไม่ต้องสอบเข้า และสำเร็จการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิตใน ค.ศ. 1959 สำเร็จการศึกษาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหฺวาใน ค.ศ. 1961 และสำเร็จการศึกษาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ใน ค.ศ. 1965 โดยมีที่ปรึกษาได้แก่บรูซ เอช. มาฮัน เขาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการเคมีสากลตั้งแต่ ค.ศ. 1977 จนถึง ค.ศ. 1984
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1967 หลี่เริ่มทำงานวิจัยหลังปริญญาเอกกับดัดลีย์ อาร์. เฮิร์ชบาคที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพื่อศึกษาปฏิกิริยาระหว่างอะตอมไฮโดรเจนและโมเลกุลคู่ของโลหะแอลคาไล และการสร้างเครื่องยิงลำโมเลกุลตัดกันเพื่อศึกษาจลนศาสตร์ หลังจบโครงการวิจัยหลังปริญญาเอกกับเฮิร์ชบาค หลี่ได้ย้ายไปประจำมหาวิทยาลัยชิคาโกในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1968 และได้เลื่อนชั้นขึ้นเป็นศาสตราจารย์ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1973 ต่อมาใน ค.ศ. 1974 เขาได้ย้ายกลับไปยังมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์เพื่อไปเป็นศาสตราจารย์สาขาเคมีและดำรงตำแหน่ง principal investigator ประจำห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอว์เรนซ์ เบิร์กลีย์ควบอีกหนึ่งตำแหน่ง โดยในปีเดียวกันนั้นเองหลี่ได้รับสัญชาติอเมริกัน นอกจากนี้หลี่ยังได้รับเกียรติเป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณในกลุ่มมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียด้วย
งานวิจัยของศาสตราจารย์หลี่มุ่งความสนใจไปที่ความสามารถในการควบคุมพลังงานของสารที่เข้าทำปฏิกิริยา การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับผลของทิศทางการเรียงตัวของโมเลกุลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี และการศึกษาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจลนศาสตร์เคมี โดยใช้เทคนิคการยิงลำโมเลกุลตัดกันที่หลี่และเฮิร์ชบาคร่วมกันพัฒนา เทคนิคดังกล่าวทำให้หลี่และคณะนักวิจัยสามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานจลน์ของโมเลกุลที่เกี่ยวข้องในปฏิกิริยาและศึกษาขั้นตอนปฐมภูมิในการเกิดปฏิกิริยาได้ ผลงานเกี่ยวกับการศึกษาจลนศาสตร์เคมีด้วยการยิงลำโมเลกุลตัดกันนี้ทำให้หลี่และเฮิร์ชบาคได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีใน ค.ศ. 1986 ร่วมกับจอห์น โพลานยี
หลี่ดำรงตำแหน่งประธานของสถาบัน Academia Sinica แห่งประเทศไต้หวันระหว่าง ค.ศ. 1994 และ ค.ศ. 2006 และยังมีบทบาทสำคัญอื่น ๆ ในวงการวิทยาศาสตร์นานาชาติ เช่น โครงการค่ายวิทยาศาสตร์เอเชีย (Asian Science Camp) ซึ่งหลี่เป็นผู้ริเริ่มร่วมกับมาซาโตชิ โคชิบะ (รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ค.ศ. 2002) เพื่อเปิดโอกาสสำหรับนักเรียนและนักศึกษาในทวีปเอเชียผู้สนใจด้านวิทยาศาสตร์ให้ได้มีโอกาสพบปะกับนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง และ Malta Conferences ซึ่งเป็นโครงการสำหรับพัฒนานักวิทยาศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยหลี่ได้เปิดรับสมัครนักวิจัยจากภูมิภาคดังกล่าวหกคนเพื่อฝึกวิจัยกับเครื่องซินโครตรอนในประเทศไต้หวัน เป็นต้น
หลี่ได้รับเลือกให้เป็นนายกสภานานาชาติเพื่อวิทยาศาสตร์ใน ค.ศ. 2008 และเริ่มดำรงตำแหน่งตั้งแต่ ค.ศ. 2011 นอกจากนี้หลี่ยังดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยตุนกูอับดุลระฮ์มัน ประเทศมาเลเซียด้วย
ระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน ค.ศ. 2000 หลี่สนับสนุนพันธมิตรฟั่นลวี่ซึ่งสนับสนุนให้ไต้หวันแยกตัวเป็นเอกราช ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายหลี่ประกาศสนับสนุนนายเฉิน ฉุยเปี่ยนซึ่งชนะเจมส์ ซ่งและได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี เฉิน ฉุยเปี่ยนแต่เดิมตั้งใจจะเสนอให้หลี่เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย หลี่ดำรงตำแหน่งประธานสถาบัน Academia Sinica ตั้งแต่ ค.ศ. 1994 โดยสละสัญชาติสหรัฐเพื่อรับตำแหน่ง หลี่ยังมีส่วนร่วมสำคัญในการแต่งตำราประวัติศาสตร์ไต้หวันชื่อ โนวิงไต้หวัน ในฐานะประธานสถาบัน Academia Sinica ด้วย
เฉิน ฉุยเปี่ยนได้ขอให้หลี่เป็นตัวแทนสาธารณรัฐจีนในการประชุมผู้นำประเทศในกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกที่ประเทศเม็กซิโกใน ค.ศ. 2002 ที่ประเทศไทยใน ค.ศ. 2003 และที่ประเทศชิลีใน ค.ศ. 2004 เนื่องจากสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่ยอมให้ประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีนเข้าร่วมการประชุม ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2004 หลี่ร่วมกับนักธุรกิจด้านอุตสาหกรรม หวัง หย่งชิ่ง และผู้กำกับการแสดงละครเวที หลิน หฺวายหมินได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อสนับสนุนทั้งเฉิน ฉุยเปี่ยนและเหลียน จ้าน และหลี่ได้ประกาศสนับสนุนเฉินอีกครั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน ค.ศ. 2004
ระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน ค.ศ. 2012 หลี่ได้ประกาศสนับสนุนไช่ อิงเหวินจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า และในช่วงต้น ค.ศ. 2016 เขาได้สนับสนุนพรรคอำนาจใหม่ซึ่งก่อตั้งโดยนักศึกษาที่เข้าร่วมในขบวนการนักศึกษาทานตะวัน
ใน ค.ศ. 2003 หลี่เป็นหนึ่งในผู้ได้รับรางวัลโนเบลจำนวน 22 คนที่ลงนามใน Humanist Manifesto
ใน ค.ศ. 2010 หลี่กล่าวว่าภาวะโลกร้อนมีโอกาสที่จะรุนแรงกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ และประชาชนไต้หวันต้องลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงจาก 12 ตันต่อปีให้เหลือเพียงสามตัน ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงการแต่งคำขวัญ ปิดไฟหนึ่งชั่วโมง หรือลดการบริโภคเนื้อสัตว์เท่านั้น โดยระบุว่า "เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบเดียวกับที่บรรพบุรุษของเราเคยอยู่" และ "ประชาชนไต้หวันจะไม่มีโอกาสดำรงชีวิตรอดได้นานในอนาคต" ถ้าไม่พยายามกระทำดังกล่าว
หลี ยฺเหวี่ยนเจ๋อเป็นบุตรคนที่สองจากเก้าคนของหลี่ เจ๋อฟาน จิตรกรคนสำคัญของไต้หวัน และไช่ เผย์ ครูประถมศึกษา นอกจากตัวหลี ยฺเหวี่ยนเจ๋อเองแล้วเขายังมีพี่น้องอีกสามคนที่ดำรงตำแหน่งสำคัญด้านวิทยาศาสตร์ ได้แก่พี่ชาย หลี ยฺเหวี่ยนชวัน ศาสตราจารย์ด้านชีวเคมีประจำมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปคินส์ น้องชาย หลี ยฺเหวี่ยนเผิง อาจารย์สาขาเคมีประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติเจียวทง ซึ่งทั้งหลี ยฺเหวี่ยนชวันและหลี ยฺเหวี่ยนเผิงก็ได้รับเลือกเป็นสมาชิกของสถาบัน Academia Sinica เช่นเดียวกันกับหลี ยฺเหวี่ยนเจ๋อ และน้องสาว หลี่ จี้เหมย์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติจงซิ่ง
หลี ยฺเหวี่ยนเจ๋อสมรสกับเบอร์นิซ อู๋ ซึ่งรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนประถมศึกษา และมีบุตรด้วยกันสามคนได้แก่เท็ด (เกิด ค.ศ. 1963) ซิดนีย์ (เกิด ค.ศ. 1966) และชาร์ลอตต์ (เกิด ค.ศ. 1969)
This article uses material from the Wikipedia ไทย article หลี ยฺเหวี่ยนเจ๋อ, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.