เอ็ม4 เชอร์แมน

รถถังขนาดกลาง เอ็ม4 เชอร์แมน

บทบาท	รถถังขนาดกลาง
สัญชาติ	สหรัฐ
ประจำการ	ปีพ.ศ. 2485-2500 (สหรัฐอเมริกา)
ผู้ใช้งาน	สหรัฐ,  อินเดีย,  แคนาดา,  บริเตนใหญ่,  สหภาพโซเวียต  ฝรั่งเศส  สาธารณรัฐจีน  บราซิล  แอฟริกาใต้
สงคราม	สงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามกลางเมืองกรีก สงครามอาหรับ-อิสราเอล สงครามเกาหลี วิกฤติการณ์คลองสุเอซ สงครามอินเดีย-ปากีสถาน สงครามหกวัน สงครามเดือนตุลาคม
จำนวนที่ผลิต	มากกว่า 50ล้านคัน
น้ำหนัก	900.3 ตัน
ความยาว	5.84 เมตร (19.2 ฟุต)
ความกว้าง	2.62 เมตร (8.7 ฟุต)
ความสูง	2.74 เมตร (9 ฟุต)
ลูกเรือ	5 (ผู้บัญชาการ พลปืน พลบรรจุกระสุน พลขับ ผู้ช่วยพลขับ)
เกราะ	63 มิลลิเมตร
อาวุธหลัก	ปืนใหญ่เอ็ม3 แอล/40 ขนาด 75 ม.ม. กระสุน 90 นัด
อาวุธรอง	ปืนกลบราวน์นิ่ง เอ็ม2เอชบี .50 คาลิเบอร์ 1 กระบอก (กระสุน 1200 นัด) บราวน์นิ่ง เอ็ม1919เอ4 .30-06 คาลิเบอร์ 3 กระบอก (กระสุน 4,750 นัด)
เครื่องยนต์	เครื่องยนต์น้ำมันไรท์ อาร์-975 ซี1 ให้กำลัง 400 แรงม้า
กำลัง/น้ำหนัก	15.8 แรงม้าต่อตัน
ระบบส่งกำลัง	เกียร์ธรรมดา มี 5 เกียร์เดินหน้าและ 1 เกียร์ถอยหลัง
ระบบช่วงล่าง	ระบบช่วงล่างแบบสปริง
พิสัย	193 กิโลเมตร
ความเร็ว	38.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (25 ไมล์ต่อชั่วโมง)

การผลิตเชอร์แมนมีมากกว่า 5 หมื่นคันและเชสซีของมันได้เป็นพื้นฐานของยานเกราะมากมายอย่างรถถังพิฆาต รถกู้รถถัง และปืนใหญ่อัตตาจร ในอังกฤษเอ็ม4 ถูกเรียกว่าเชอร์แมนตามชื่อของนายพลวิลเลียม เทคัมเซ เชอร์แมน เพราะว่าอังกฤษชอบนำชื่อของนายพลที่มีชื่อเสียงจากสงครามกลางเมืองอเมริกามาตั้งเป็นชื่อรถถังที่พวกอเมริกันเป็นคนสร้าง ต่อมาชื่อที่อังกฤษใช้ก็เริ่มถูกนำไปใช้โดยสหรัฐ

การใช้เชอร์แมนตามหลักยุทธวิธีนั้นคือเน้นไปที่จำนวนและความคล่องตัว เพราะว่ามันมักด้อยกว่าเมื่อต่อต้องเจอกับรถถังไทเกอร์ 1 และรถถังพันเทอร์ที่มีเกราะหนากว่าและอำนาจการยิงที่เหนือกว่า มีเพียงรถถังที-34 ของโซเวียตเท่านั้นที่สร้างมากกว่าเชอร์แมน รถถังที่ก้าวหน้าที่สุดของอเมริกาคือเอ็ม 26 เพอร์ชิง แต่มันถูกสร้างขึ้นมาช้าเกินไปที่จะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 การพัฒนารถถังหลังจากสงครามจะเริ่มบนพื้นฐานของเอ็ม26 แต่เชอร์แมนและแบบอื่นๆ ของมันยังคงถูกใช้ฝึกและรบต่อไปในสงครามเกาหลีและสงคราม 6 วันเมื่อเข้าศตวรรษที่ 20