มัสยิดใหญ่แห่งเจนเน (ฝรั่งเศส: Grande mosquée de Djenné, อาหรับ: الجامع الكبير في جينيه) เป็นสิ่งก่อสร้างที่ถูกวิเคราะห์โดยสถาปนิกหลายคนว่าเป็นหนึ่งในความสำเร็จของสถาปัตยกรรมซูดาน-ซาเฮล ตั้งอยู่ในเมืองเจนเน ประเทศมาลี บนที่ราบน้ำท่วมถึงของแม่น้ำบานี มัสยิดแรกสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 แต่สิ่งก่อสร้างปัจจุบันถูกสร้างใน ค.ศ.1907 มัสยิดนี้ถูกรวมกับ เมืองเก่าแห่งเจนเน ในแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกใน ค.ศ.
1988
มัสยิดใหญ่แห่งเจนเน | |
---|---|
Grande mosquée de Djenné الجامع الكبير في جينيه | |
มัสยิดใหญ่แห่งเจนเน มองทางตลาดกลางแห่งเจนเน (central market of Djenné). | |
ศาสนา | |
ศาสนา | ศาสนาอิสลาม |
สถานะ | ใช้งาน |
ที่ตั้ง | |
ที่ตั้ง | เจนเน, Mopti, ประเทศมาลี |
พิกัดภูมิศาสตร์ | 13°54′19″N 4°33′20″W / 13.90528°N 4.55556°W |
สถาปัตยกรรม | |
ประเภท | มัสยิด |
รูปแบบ | ซูดาน-ซาเฮล |
เสร็จสมบูรณ์ | ค.ศ. 1907 |
ลักษณะจำเพาะ | |
ความสูงสูงสุด | 16 เมตร (52 ฟุต) |
หอคอย | 3 |
วัสดุ | ดิน |
วันที่มัสยิดหลังแรกถูกสร้างนั้น ยังไม่ทราบที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่ามันถูกสร้างในระหว่างช่วงต้น ค.ศ. 1200 ถึงปลาย ค.ศ. 1330 หลักฐานที่กล่าวถึงมัสยิดหลังแรกอยู่ใน ตาริค อัสซูดาน ของอับดุซซาดี ซึ่งถูกบันทึกในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้กล่าวว่าสุลต่านคุนบูรูเข้ารีตกลายเป็นมุสลิมและรื้อพระราชวังของพระองค์พร้อมกับสร้างเป็นมัสยิด แล้วค่อยสร้างพระราชวังใหม่ใกล้มัสยิดอยู่ทางด้านตะวันออก หลังจากนั้นผู้สืบทอดได้สร้างหอคอยของมัสยิดในขณะที่สุลต่านองค์ต่อไปได้สร้างกำแพงล้อมรอบ
ไม่มีหลักฐานอื่นเกี่ยวกับมัสยิดนี้ที่ถูกบันทึกอีกเลย จนกระทั่งเรอเน กาเย (René Caillié) นักสำรวจชาวฝรั่งเศสได้มาเยี่ยมเมืองเจนเนใน ค.ศ.1828 และเขียนว่า "ที่เจนเนมีมัสยิดที่สร้างด้วยดิน โดยมันมีหอที่ไม่ค่อยสูงอยู่สองอัน มันถูกปล่อยร้างจนมีนกนางแอ่นมาทำรังกว่าพันตัว ทำให้มีโอกาสเกิดกลิ่นที่ไม่พรึงประสงค์ได้ จึงทำให้ผู้คนต้องละหมาดข้างนอก"
สิบปีก่อนที่เรอเนจะมาเยี่ยมที่นี่ เซกู อามาดู (Seku Amadu) ผู้นำชาวฟูลา ได้ทำการญิฮาดและครอบครองเมืองนี้ พระองค์ไม่พอพระทัยกับมัสยิดหลังเก่าและปล่อยให้มันผุพัง และพระองค์ทรงสั่งให้ปิดมัสยิดเล็กที่อยู่โดยรอบให้หมด ในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1834 ถึง ค.ศ. 1836 พระองค์ได้สั่งสร้างมัสยิดใหม่อยู่ทางตะวันออกของพระราชวังเก่า
กองทัพฝรั่งเศสที่นำทัพโดยหลุยส์ อาร์ชีนาร์ (Louis Archinard) ได้ยึดเมืองเจนเนในเดือนเมษายน ค.ศ. 1893 จากนั้น เฟลิกซ์ ดูว์บัว (Félix Dubois) ได้มาที่เมืองนี้แล้วอธิบายถึงมัสยิดหลังเก่า ในช่วงที่เขามา ด้านในของมัสยิดที่พังแล้วถูกใช้เป็นสุสาน และในหนังสือ Tombouctou la Mystérieuse (ทิมบักตูที่ลึกลับ) ของเขาใน ค.ศ.1897 เขาได้วาดภาพจำลองว่ามัสยิดเป็นอย่างไรก่อนที่มันจะถูกทิ้งร้าง
ดูว์บัวได้มาที่เจนเนอีกรอบใน ค.ศ. 1910 และรู้สึกตะลึงกับอาคารใหม่ เขาเชื่อว่าพวกฝรั่งเศสได้ออกแบบและทำให้มัสยิดดูเหมือนกับการผสมกันระหว่างเม่นกับออร์แกนในโบลถ์ เขาคิดว่าตรงกรวยทำให้สิ่งก่อสร้างดูเหมือนกับวิหารบาโรก แต่ฌ็อง-หลุยส์ บูร์ฌัว (Jean-Louis Bourgeois) ได้โต้แย้งว่าพวกฝรั่งเศสไม่ค่อยรู้ถึงรายละเอียด ยกเว้นตรงบริเวณโค้งที่ยังคง "เป็นแบบแอฟริกา"
มีแชล แลริส (Michel Leiris) นักชาติพันธุ์วิทยาชาวฝรั่งเศส ได้เดินทางมาที่มาลีใน ค.ศ. 1931 ได้กล่าวว่ามัสยิดใหม่นี้เป็นผลงานของชาวยุโรป และกล่าวด้วยว่าชาวบ้านรู้สึกไม่มีความสุุขกับมัสยิดใหม่ และไม่ยอมทำความสะอาด เว้นเสียว่าพวกเขาจะใช้นักโทษทำความสะอาดเท่านั้น
ที่ระเบียงด้านหน้าทางฝั่งกำแพงตะวันออกมีสุสานสองที่ สุสานอันใหญ่คือที่ฝังของอัลมานี อิสไมลา (Almany Ismaïla) อิหม่าม คนสำคัญในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ในช่วงต้นของสมัยอาณานิคมฝรั่งเศส บ่อน้ำที่ตั้งทางฝั่งตะวันออกของมัสยิดถูกถมเพื่อสร้างพื้นที่ว่าง และในปัจจุบันมันได้กลายเป็นตลาดที่ขายทุกสัปดาห์
ใน ค.ศ. 1996 ทางนิตยสาร โว้ก ได้จัดงานแฟชันโชว์ในมัสยิด ซึ่งทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นโมโห และทำให้คนที่ไม่ใช่มุสลิมถูกสั่งห้ามเข้ามัสยิดนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ตัวมัสยิดได้ปรากฏในภาพยนตร์ พิชิตขุมทรัพย์หมื่นฟาเรนไฮต์
This article uses material from the Wikipedia ไทย article มัสยิดใหญ่แห่งเจนเน, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.