คดีระหว่างบราวน์ กับคณะกรรมการการศึกษาโทเพกา (อังกฤษ: Brown v.
Board of Education of Topeka) รหัส 347 U.S. 483 (1954) เป็นคำวินิจฉัยหลักสำคัญของศาลสูงสุดสหรัฐ ที่ซึ่งศาลวินิจฉัยว่ากฎหมายรัฐของสหรัฐซึ่งกำหนดให้มีการแบ่งแยกเชื้อชาติในโรงเรียนรัฐบาลขัดต่อรัฐธรรมนูญ แม้โรงเรียนที่แบ่งแยกแล้วนั้นจะมีคุณภาพที่เท่ากันก็ตาม ศาลฯ มีคำวินิจฉัยในวันที่ 17 พฤษภาคม 1954 ด้วยมติเอกฉันท์ (9 ต่อ 0) ระบุว่า "สิ่งอำนวยความสะดวกทางการศึกษาที่แยกกันนั้นไม่เท่าเทียมในตัวเอง" ฉะนั้นจึงเป็นการฝ่าฝืนวรรคการให้ความคุ้มครองเท่าเทียมกันของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐครั้งที่ 14 อย่างไรก็ตาม ในคำวินิจฉัยยาว 14 หน้านี้ไม่ได้ระบุวิธีการยุติการแบ่งแยกเชื้อชาติในโรงเรียน และคำวินิจฉัยของศาลฯ ที่สองในคดีบราวน์ 2 (349 U.S. 294 (1955)) เพียงแต่สั่งให้รัฐต่าง ๆ ยุติการแบ่งแยก "โดยใช้ความเร็วรอบคอบทั้งปวง"
บราวน์ กับ คณะกรรมการการศึกษา | |
---|---|
ถกเถียง 9 ธันวาคม, 1952 ถกเถียงซ้ำ 8 ธันวาคม, 1953 ตัดสิน 17 พฤษภาคม, 1954 | |
ชื่อเต็มคดี | Oliver Brown, et al. v. Board of Education of Topeka, et al. |
อ้างอิง | 347 U.S. 483 (เพิ่มเติม) 74 S. Ct. 686; 98 L. Ed. 873; 1954 U.S. LEXIS 2094; 53 Ohio Op. 326; 38 A.L.R.2d 1180 |
คำตัดสิน | Opinion |
ประวัติคดี | |
ก่อนหน้า | Judgment for defendants, 98 F. Supp. 797 (D. Kan. 1951); probable jurisdiction noted, 344 U.S. 1 (1952). |
ถัดไป | Judgment on relief, 349 U.S. 294 (1955) (Brown II); on remand, 139 F. Supp. 468 (D. Kan. 1955); motion to intervene granted, 84 F.R.D. 383 (D. Kan. 1979); judgment for defendants, 671 F. Supp. 1290 (D. Kan. 1987); reversed, 892 F.2d 851 (10th Cir. 1989); vacated, 503 U.S. 978 (1992) (Brown III); judgment reinstated, 978 F.2d 585 (10th Cir. 1992); judgment for defendants, 56 F. Supp. 2d 1212 (D. Kan. 1999) |
Holding | |
การแยกโรงเรียนรัฐบาลด้วยสีผิวขัดต่อมาตราว่าด้วยการปกป้องอย่างเท่าเทียมของแปรญัติที่สิบสี่ คำตัดสินของศาลเขตแคนซัสถูกย้อน | |
คณะผู้พิพากษา | |
| |
Case opinion | |
ส่วนใหญ่ | วอร์เรน, joined by เอกฉันท์ |
กฎหมายที่ใช้ | |
U.S. Const. amend. XIV | |
ลบล้างคำตัดสินเก่า ๆ | |
(partial) Plessy v. Ferguson (1896) Cumming v. Richmond County Board of Education (1899) Berea College v. Kentucky (1908) |
คดีนี้เริ่มในปี 1951 เมื่อเขตพื้นที่การศึกษาของโรงเรียนรัฐบาลในโทเพกา รัฐแคนซัส ปฏิเสธรับธิดาของประชากรท้องถิ่นผิวดำ ออลิเวอร์ บราวน์ เข้าศึกษาในโรงเรียนที่ใกล้บ้านของเขาที่สุด กลับบังคับให้เธอต้องเดินทางด้วยรถประจำทางไปยังโรงเรียนประถมศึกษาที่แยกไว้สำหรับคนผิวดำ (segregated black school) ซึ่งตั้งอยู่ไกลออกไป ในขณะที่เขตพื้นที่การศึกษาของรัฐอื่น ๆ ที่ปรากฏในคดีร่วม (combined case) ศาลล่างในโทเพกาวินิจฉัยว่าโรงเรียนที่แบ่แยกนั้น "มีความเท่าเทียมโดยสภาพเมื่อคำนึงถึงสิ่งปลูกสร้าง การขนส่ง หลักสูตรและคุณวุฒิการศึกษาของครู" แม้กำหนดให้มีการเยียวยาอยู่บ้าง ฉะนั้นเมื่อมีส่วนเกี่ยวข้องของคดีแคนซัส ข้อวินิจฉัยของศาลสงสุดจึงขึ้นอยู่กับปัญหาการแบ่งแยกโดยเฉพาะ
ครอบครัวบราวน์และครอบครัวคนผิวดำท้องถิ่นอื่นอีก 12 ครอบครัวที่ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายกันยื่นฟ้องคดีในนามกลุ่มบุคคลต่อศาลกลางของสหรัฐต่อคณะกรรมการการศึกษาโทเพกา โดยอ้างว่านโยบายการแบ่งแยกของคณะกรรมการฯ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ องค์คณะผู้พิพากษาสามคนของศาลแขวงเขตแคนซัสมีคำตัดสินของคณะลูกขุนให้ครอบครัวบราวน์แพ้คดี โดยอ้างบรรทัดฐานคำวินิจฉัยของศาลสูงสุดในปี 1896 ใน คดีระหว่างเพลสซีกับเฟอร์กูสซัน ซึ่งศาลฯ วินิจฉัยว่าการแบ่งแยกเชื้อชาติไม่ได้ละเมิดวรรคการให้ความคุ้มคอรงเท่าเที่ยมกันในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐครั้งที่ 14 หากสถานที่หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่กำลังกล่าวถึงนั้นเท่าเทียมกัน หลักที่ต่อมารู้จักในชื่อ "แบ่งแยกแต่เท่ากัน" ครอบครัวบราวน์ โดยประธานที่ปรึกษาของ NAACP เทอร์กูด มาร์แชล ว่าความให้ อุทธรณ์ต่อไปยังศาลสูงสุด ซึ่งรับไต่สวนคดี
คำวินิจฉัยของศาลฯ ในคดีบราวน์กลับคำวำนิจฉัยใน คดีระหว่างเพลสซีกับเฟอร์กูสซัน บางส่วน โดยการประกาศว่าหลัก "แบ่งแยกแต่เท่าเทียม" ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญสำหรับโรงเรียนรัฐบาลและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการศึกษาของสหรัฐ คำตัดสินนี้เป็นการปูทางไปสู่การหลอมรวมทางเชื้อชาติ (Racial integration) และเป็นชัยสำคัญของขบวนการสิทธิพลเมือง และเป็นต้นแบบสำหรับคดีตัวอย่างเพื่อทำการทดสอบผลทางกฎหมาย (impact ligigation) ในอนาคตอีกมาก
ในภาคใต้ของสหรัฐ โดยเฉพาะในแถบ "ดีพเซาธ์" ซึ่งการแบ่งแยกเชื้อชาติฝังรากลึกนั้น ปฏิกิริยาของคำวินิจฉัยในหมู่สาธารณชนคนขาวส่วนใหญ่คือ "เสียงดังรบกวนและดื้อดึง" (noisy and stubborn) ผู้นำทางรัฐบาลและการเมืองหลายคนในภาคใต้รับแผนชื่อ "การขัดขืนครั้งใหญ่" สร้างขึ้นโดยสมาชิกวุฒิสภา แฮรี เอฟ. เบิร์ด เพื่อขัดขวางความพยายามบีบบังคับพวกตนให้ยุติการแบ่งแยกระบบโรงเรียน สี่ปีต่อมา ในคดีระหว่าง คูเพอร์ กับแอรอน ศาลฯ ยืนยันคำวินิจฉัยในคดีบราวน์ และระบุชัดเจนว่าข้าราชการและสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐไม่มีอำนาจทำให้คำวินิจฉัยนี้เป็นโมฆะ
This article uses material from the Wikipedia ไทย article คดีระหว่างบราวน์กับคณะกรรมการการศึกษา, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.