สงครามปาเลสไตน์ ค.ศ.
1947–1949 หรือในอิสราเอล เรียก สงครามอิสรภาพ (ฮีบรู: מלחמת העצמאות) และในภาษาอาหรับเรียกว่าเป็นองค์ประกอบแกนกลางของนักบา (อาหรับ: النكبة) เป็นสงครามรบพึ่งกันในดินแดนปาเลสไตน์ภายใต้อาณัติของบริเตน เป็นสงครามครั้งแรกในความขัดแย้งอิสราเอล–ปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งอาหรับ–อิสราเอลอีกต่อหนึ่ง ในสงครามครั้งนี้ จักรวรรดิบริติชถอนตัวจากปาเลสไตน์ในอาณัติ ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมันจนถึงปี 1917 สงครามครั้งนี้ลงเอยด้วยการสถาปนารัฐอิสราเอลโดยชาวยิว และมีการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์อย่างเบ็ดเสร็จในดินแดนที่ยิวได้ยึดครอง โดยมีการพลัดถิ่นของชาวอาหรับปาเลสไตน์ประมาณ 700,000 คน และการทำลายพื้นที่เมืองของชาวอาหรับปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ ชาวอาหรับปาเลสไตน์ตกอยู่ในสภาพไร้รัฐเป็นอันมาก โดยกระจัดกระจายอยู่ตามดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกประเทศอียิปต์และจอร์แดนยึดครอง หรืออยู่ตามรัฐอาหรับที่อยู่ติดกัน ในบรรดาชาวอาหรับปาเลสไตน์นี้ มีจำนวนมากยังไร้รัฐและต้องอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย
สงครามปาเลสไตน์ ค.ศ. 1947–1949 | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ทหารอิสราเอลปักธงหมึก ณ ไอลัต เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 1948 | |||||||||
| |||||||||
คู่สงคราม | |||||||||
ก่อน 26 พฤษภาคม 1948 Yishuv กำลังกึ่งทหาร:
หลัง 26 พฤษภาคม 1948:
อาสาสมัครต่างด้าว: Mahal | ALA Holy War Army (หลัง 15 พฤษภาคม 1948) | ||||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
เดวิด เบนกูเรียน | Azzam Pasha | ||||||||
กำลัง | |||||||||
อิสราเอล: เริ่มแรกมีประมาณ 10,000 คน แต่เพิ่มขึ้นเป็น 115,000 คนในเดือนมีนาคม 1949 | อียิปต์: 10,000 นาย ขั้นต้นและเพิ่มขึ้นถึง 20,000 นาย อิรัก: 3,000 นาย ขั้นต้นและเพิ่มขึ้นถึง 15,000-18,000 นาย ซีเรีย: 2,500-5,000 นาย ทรานสจอร์แดน: 8,000-12,000 นาย เลบานอน: 1,000 นาย ซาอุดีอาระเบีย: 800-1,200 นาย (คำสั่งอียิปต์) เยเมน: 300 นาย กองทัพปลดปล่อยอาหรับ:. 3,500-6,000 | ||||||||
ความสูญเสีย | |||||||||
เสียชีวิต 6,080 คน (ทหาร 4,074 นายและพลเรือน 2,000 คน) | เสียชีวิตระหว่าง +5,000 และ 20,000 คน (รวมพลเรือน) ในจำนวนนี้เป็นทหารอียิปต์ จอร์แดนและซีเรียรวมกัน 4,000 นาย | ||||||||
อาหรับเสียชีวิต 15,000 คนและได้รับบาดเจ็บ 25,000 คน (ประมาณการ) |
ดินแดนที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริติชก่อนสงครามนั้นถูกแบ่งออกเป็นรัฐอิสราเอล ซึ่งควบคุมประมาณร้อยละ 78 ของพื้นที่ ราชอาณาจักรจอร์แดน (ขณะนั้นชื่อทรานส์จอร์แดน) ซึ่งควบคุมและต่อมาผนวกดินแดนซึ่งต่อมาเป็นเวสต์แบงก์ และประเทศอียิปต์ซึ่งยึดฉนวนกาซา ดินแดนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ด้านสันนิบาตอาหรับสถาปนารัฐบาลปาเลสไตน์ทั้งปวง (All-Palestine Government)
สงครามนี้แบ่งออกเป็นสองระยะ ระยะแรกเป็นสงครามกลางเมืองในปาเลสไตน์ในอาณัติปี 1947–1948 ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 1947 หนึ่งวันหลังสหประชาชาติลงมติให้แบ่งดินแดนปาเลสไตน์ออกเป็นรัฐเอกราชยิวและอาหรับ และเยรูซาเลมซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของนานาชาติ (ข้อมติสมัชชาสหประชาชาติที่ 181) ซึ่งผู้นำยิวยอมรับ แต่ผู้นำอาหรับและอาหรับปาเลสไตน์ปฏิเสธโดยพร้อมเพรียงกัน นักประวัติศาสตร์อธิบายความขัดแย้งในระยะนี้ว่าเป็นสงคราม "กลางเมือง", "เชื้อชาติ" หรือ "ระหว่างชุมชน" เพราะรบพุ่งกันระหว่างทหารอาสาสมัครยิวและอาหรับปาเลสไตน์ ซึ่งฝ่ายหลังได้รับการสนับสนุนจากกองทัพปลดปล่อยอาหรับและรัฐอาหรับที่อยู่โดยรอบ สงครามในระยะนี้มีลักษณะเป็นการสงครามกองโจรและการก่อการร้าย และต่อมาบานปลายขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคม 1948 เมื่อยิวเป็นฝ่ายบุกและเป็นฝ่ายชนะชาวปาเลสไตน์ในการทัพและยุทธการขนาดใหญ่ จนเกิดเป็นแนวรบที่ชัดเจน ในระหว่างนี้ บริเตนยังคงปกครองดินแดนปาเลสไตน์อยู่ แม้ว่าจะน้อยลงเรื่อย ๆ และบางทีก็เข้าสอดในความรุนแรงนี้
จักรวรรดิบริติชกำหนดการถอนกำลังและสละการอ้างสิทธิ์ทั้งปวงในปาเลสไตน์ไว้วันที่ 14 พฤษภาคม 1948 ในวันนั้น เมื่อทหารและกำลังพลบริติชคนสุดท้ายออกจากนครไฮฟา ผู้นำยิวในปาเลสไตน์ประกาศสถาปนารัฐอิสราเอล หลังประกาศได้พลันกองทัพอาหรับและกำลังรบนอกประเทศของอาหรับที่อยู่โดยรอบอิสราเอลก็บุกครองอิสราเอลทันทีเพื่อขัดขวางอิสราเอลและเข้าช่วยชาวอาหรับปาเลสไตน์ซึ่งเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในเวลานั้น การบุกครองดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามในระยะที่สอง เรียก สงครามอาหรับ–อิสราเอลปี 1948 อียิปต์รุกคืบเข้ามาทางฝั่งทะเลตอนใต้และหยุดใกล้กับแอชดอด (Ashdod); ลีจันอาหรับจากจอร์แดนและกองทัพอิรักยึดที่ราบสูงตอนกลางของปาเลสไตน์ ประเทศซีเรียและเลบานอนรบปะทะกับกำลังอิสราเอลหลายครั้งทางตอนเหนือ ทหารอาสาสมัครอิสราเอล ซึ่งจัดระเบียบเป็นกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) สามารถหยุดยั้งกองทัพอาหรับไว้ได้ ในเดือนต่อ ๆ มามีการสู้รบอย่างดุเดือดระหว่าง IDF กับกองทัพอาหรับ ซึ่งค่อย ๆ ถูกผลักดันกลับไป กองทัพจอร์แดนและอิรักสามารถควบคุมที่สูงตอนกลางปาเลสไตน์และยึดเยรูซาเลมตะวันออกไว้ได้ รวมทั้งกรุงเก่า เขตยึดครองของอียิปต์ถูกจำกัดไว้เพียงฉนวนกาซาและวงล้อมขนาดเล็กภายใต้การล้อมของกำลังอิสราเอลที่ Al-Faluja ในเดือนตุลาคมและธันวาคม 1948 กำลังอิสราเอลข้ามสู่ดินแดนเลบานอนและผลักดันเข้าสู่คาบสมุทรไซนายของอียิปต์ ล้อมกำลังอียิปต์ไว้ใกล้กับนครกาซา การปฏิบัติทางทหารสุดท้ายเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 1949 เมื่อกำลังอิสราเอลยึดทะเลทรายเนเกฟและถึงทะเลแดง ในปี 1949 อิสราเอลลงนามการสงบศึกแยกกันกับประเทศต่าง ๆ ดังนี้ กับประเทศอียิปต์ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์, กับประเทศเลบานอนในวันที่ 23 มีนาคม, กับทรานส์จอร์แดนในวันที่ 3 เมษายน และกับประเทศซีเรียในัวนที่ 20 กรกฎาคม ในช่วงนี้ การหนีของและการขับไล่ชาวอาหรับปาเลสไตน์ยังคงดำเนินต่อไป
ในช่วงสามปีหลังสงคราม ยิวประมาณ 700,000 คนเข้าเมืองอิสราเอลจากทวีปยุโรปและดินแดนอาหรับ โดยหนึ่งในสามของจำนวนนี้ออกหรือถูกขับออกจากประเทศถิ่นพำนักของตนในตะวันออกกลาง ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ถูกกลืนเข้าสู่อิสราเอลในแผนหนึ่งล้าน
แผนที่ชุดสงครามปาเลสไตน์ ค.ศ. 1947–1949 | ||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
This article uses material from the Wikipedia ไทย article สงครามปาเลสไตน์ ค.ศ. 1947–1949, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.