ภูเวียง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดขอนแก่น อาณาเขตเดิมครอบคลุมพื้นที่จังหวัดขอนแก่นฝั่งตะวันตกทั้งหมด ปัจจุบันแบ่งพื้นที่ออกไปเป็น 6 อำเภอ คือ อำเภอชุมแพ อำเภอสีชมพู อำเภอเวียงเก่า อำเภอภูผาม่าน อำเภอหนองนาคำ และบางส่วนของอำเภอหนองเรือ ซึ่งได้แบ่งแยกเขตการปกครองออกเรื่อยมา
อำเภอภูเวียง | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Phu Wiang |
คำขวัญ: ภูเวียงเมืองเก่า ศาลเจ้าจอมปากช่อง พัทยาสองโสภิณ เกาะกุดหินหาดสวรรค์ ศรัทธามั่นหลวงปู่ธีร์ ชมวิถีถิ่นควายไทย | |
แผนที่จังหวัดขอนแก่น เน้นอำเภอภูเวียง | |
พิกัด: 16°39′16″N 102°22′37″E / 16.65444°N 102.37694°E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | ขอนแก่น |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 621.6 ตร.กม. (240.0 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2565) | |
• ทั้งหมด | 71,727 คน |
• ความหนาแน่น | 115.39 คน/ตร.กม. (298.9 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 40150 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 4016 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอภูเวียง หมู่ที่ 3 ถนนภูเวียง-กุดฉิม ตำบลภูเวียง อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น 40150 |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย |
อำเภอภูเวียงมีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
ภูเวียงเป็นเมืองเก่ามาแต่โบราณกาล โดยจะเห็นได้ว่าเมื่อแรกตั้ง จังหวัดขอนแก่น มีเพียง 3 เมืองเท่านั้น คือ เมืองชนบท เมืองภูเวียง และเมืองขอนแก่น โดยที่เมืองภูเวียงเป็นเมืองที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตก คนทั้งหลายมักจะเรียกเมืองภูเวียงว่าเป็น “หัวเมืองเอกฝ่ายตะวันตก” ตามประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาค ของอำเภอภูเวียง ปรากฏว่าเมืองประมาณ พ.ศ. 2300 มีพรานป่าคนหนึ่งชื่อสิงห์ ภายลังได้รับแต่งตั้งเป็น “กวนทิพย์มนตรี” ได้เข้าไปล่าเนื้อในเขาภูเวียง กวนทิพย์มนตรีเดิมอยู่บ้านข่าเชียงพิณ อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ได้เห็นในวงภูเวียงเป็นทีราบน้ำท่าอุดมสมบูรณ์เป็นทำเลที่เหมาะสมแก่การทำมาหากิน จึงชักชวนพี่น้องเข้าไปตั้งหลักฐานบ้านเรือนครั้งแรก อพยพไปประมาณ 10 ครอบครัว ไปตั้งบ้านบริเวณบริเวณด่านช้างชุม เพราะที่ตรงนั้นมีโขลงช้างป่ามารวมกันมาก คือ บ้านเมืองเก่าในปัจจุบัน ขณะนั้นพื้นแผ่นดินภูเวียงขึ้นกับฝ่ายลาวล้านช้างเวียงจันทน์ ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระเจ้าตากสินมหาราชของประเทศไทย เมื่อกวนทิพย์มนตรีไปตั้งบ้านเรือน ณ ดังกล่าวและต่อมามีประชาชนเมืองยโสธร นครจำปาศักดิ์ และนครเวียงจันทน์ เข้าไปอยู่จำนวนมาก บ้านเมืองก็ขยายออกไปหลายหมู่บ้าน ทางเจ้าเมืองเวียงจันทร์ได้แต่ตั้งให้กวนทิพย์มนตรีเป็นเจ้าเมืองภูเวียง ส่งผ้าขาวเป็นเครื่องบรรณาการแก่เมืองเวียงจันทน์
ต่อมากวนทิพย์มนตรีถึงแก่กรรม จึงตั้งท้าวศรีสุธอน้องชายเป็นเจ้าเมืองแทน ในระหว่างนั้น พระวอพระตาเป็นกบฎต่อเมืองผู้ครองนครเวียงจันทน์ และได้หลบตัวมาอยู่ในเมืองโกมุทไสย์ (จังหวัดหนองบัวลำภูในปัจจุบัน) ต่อมาเจ้านครเวียงจันทน์สั่งให้ทหารจับพระวอพระตา เมื่อพระวอพระตารู้ตัวจึงหลบหนีไปอยู่ดอนมดแดงแขวงเมืองอุบลราชธานี เจ้านครเวียงจันทร์สั่งให้แม่ทัพคุมทหาร ติดตามไปจับพระวอพระตาประหารชีวิต ความทราบถึงพระเจ้าตากสินทราบพิโรธ เห็นเจ้านครเวียงจันทร์ดูหมิ่นพระเดชานุภาพ และรุกล้ำแดนไทย จึงส่งให้เจ้าพระยาจักรี (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) และเจ้าพระยาสุรสีห์ (สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท) สองพี่น้องยกทัพไปปราบเจ้านครเวียงจันทน์ ปรากฏว่าพระยาจักรีตีนครเวียงจันทน์แตก และเข้ายึดเมืองนครเวียงจันทน์ และหลวงพระบางไว้ได้ ต่อมาท้าวศรีสุธอเจ้าเมืองภูเวียง ซึ่งอยู่ในความปกครองของเจ้าผู้ปกครองนครเวียงจันทร์ไหวตัวทัน จึงยอมอ่อนน้อมต่อพระยาจักรี และพระยาจักรีจึงสั่งให้ท้าวศรีสุธอกลับไปเป็นเจ้าเมืองภูเวียงดังเดิม และให้ขึ้นกับเจ้าเมืองหนองคายซึ่งเป็นเมืองใหญ่ ท้าวศรีสุธอถึงแก่กรรม ทางราชการได้แต่งตั้งเจ้าเมืองต่อจากท้าวศรีสุธอต่อมาอีก 2 คน เมื่อท้าวสุธอที่ 3 ถึงแก่กรรม พระศรีธงชัยเป็นเจ้าเมืองแทนเมื่องพระศรีธงชัยถึงแก่กรรม ข้าหลวงจันทร์มาซึ่งส่งมาจากหนองคายเป็นเจ้าเมืองแทน แล้วจึงยุบภูเวียงเป็นอำเภอ ขึ้นตรงต่อเมืองขอนแก่น เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2445 โดยมี พระประสิทธิสรรการ (สีหะไกร) เป็นนายอำเภอคนเเรก ต่อมา ในปีพ.ศ. 2453 หลวงภูมิพิริยการ (สำอาง ประจันตเสน) ได้รับเเต่งตั้งเป็นนายอำเภอคนที่ 2 เเละในปีเดียวกัน ได้ย้ายที่ทำการอำเภอจากเมืองเก่าไปอยู่เมืองใหม่ (ย้ายที่ว่าการอำเภอ) สำหรับบริเวณเมืองเก่าที่ย้ายออกไป ชาวบ้านเรียกว่า "บ้านเมืองเก่า" ตั้งเเต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ประชาชนในพื้นที่ยื่นคำขอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2546 ให้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดภูเวียง ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อแยกอำเภอภูเวียง (ปัจจุบันแยกเป็น 2 อำเภอ คือ อำเภอภูเวียง และอำเภอเวียงเก่า) อำเภอชุมแพ อำเภอสีชมพู อำเภอหนองเรือ อำเภอภูผาม่าน และอำเภอหนองนาคำ รวมกันขึ้นเป็น จังหวัดภูเวียง โดยมีผู้เข้าชื่อเสนอร่างจำนวนประมาณ 70,000 คน ซึ่งเกินจำนวน 5 หมื่นคน ตามที่กฎหมายกำหนด ส่งผลให้ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้สามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรได้ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับการพิจารณา
ก่อนหน้านี้ มึความพยายามผลักดันให้มีการก่อตั้งจังหวัดชุมแพ แต่เมื่อถึงขั้นตอนลงประชามติ พบว่ามีผู้ลงชื่อไม่ถึงจำนวน 5 หมื่นคน ทำให้ พรบ.จัดตั้งจังหวัดชุมแพตกไป ในเวลาต่อมาจึงได้มีความพยายามผลักดันให้อำเภอภูเวียงเป็นศูนย์กลางของจังหวัดใหม่อีกครั้ง
อำเภอภูเวียงแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 11 ตำบล 114 หมู่บ้าน ได้แก่
1. | บ้านเรือ | (Ban Ruea) | 9 หมู่บ้าน | 8. | สงเปือย | (Song Puai) | 11 หมู่บ้าน | ||||||||||||
2. | หว้าทอง | (Wa Thong) | 8 หมู่บ้าน | 9. | ทุ่งชมพู | (Thung Chomphu) | 8 หมู่บ้าน | ||||||||||||
3. | กุดขอนแก่น | (Kut Khon Kaen) | 15 หมู่บ้าน | 10. | ดินดำ | (Din Dam) | 7 หมู่บ้าน | ||||||||||||
4. | นาชุมแสง | (Na Chum Saeng) | 12 หมู่บ้าน | 11. | ภูเวียง | (Phu Wiang) | 8 หมู่บ้าน | ||||||||||||
5. | นาหว้า | (Na Wa) | 11 หมู่บ้าน | ||||||||||||||||
6. | หนองกุงธนสาร | (Nong Kung Thanasan) | 16 หมู่บ้าน | ||||||||||||||||
7. | หนองกุงเซิน | (Nong Kung Soen) | 9 หมู่บ้าน |
ลำดับตำบลในอำเภอภูเวียงนี้อ้างอิงตามกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากต้องเรียงตามลำดับรหัสตำบล
ท้องที่อำเภอภูเวียงประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 12 แห่ง ได้แก่
This article uses material from the Wikipedia ไทย article อำเภอภูเวียง, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.