จอมพล อาร์เธอร์ เวลสลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งเวลลิงตัน (อังกฤษ: Arthur Wellesley, 1st Duke of Wellington) เป็นทหารและรัฐบุรุษ และเป็นหนึ่งในผู้กำหนดนโยบายทางการทหารและการเมืองของอังกฤษในศตวรรษที่ 19 เขาสามารถมีชัยเหนือนโปเลียนแห่งฝรั่งเศสได้ในยุทธการที่วอเตอร์ลูในปี 1815 ซึ่งทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกองทัพอังกฤษ และมีสมญานามว่า ดยุกเหล็ก ทั้งนี้ ในปี 2002 ชื่อของเขาอยู่ในอันดับ 15 ของชาวอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดหนึ่งร้อยลำดับ
ดยุกแห่งเวลลิงตัน | |
---|---|
ดยุกแห่งเวลลิงตันในปี 1814 ภาพโดย ทอมัส ลอว์เรนซ์ | |
นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร | |
ดำรงตำแหน่ง 14 พฤศจิกายน 1834 – 10 ธันวาคม 1834 | |
กษัตริย์ | พระเจ้าวิลเลียมที่ 4 |
ก่อนหน้า | ไวเคานต์เมลเบิร์น |
ถัดไป | รอเบิร์ต พีล |
ดำรงตำแหน่ง 22 มกราคม 1828 – 16 พฤศจิกายน 1830 | |
กษัตริย์ | พระเจ้าจอร์จที่ 4 พระเจ้าวิลเลียมที่ 4 |
ก่อนหน้า | ไวเคานต์ก๊อดริช |
ถัดไป | เอิร์ลเกรย์ |
ผู้นำสภาขุนนาง | |
ดำรงตำแหน่ง 3 กันยายน 1841 – 27 มิถุนายน 1846 | |
นายกรัฐมนตรี | รอเบิร์ต พีล |
ก่อนหน้า | ไวเคานต์เมลเบิร์น |
ถัดไป | มาร์ควิสแห่งแลนส์ดาวน์ |
ดำรงตำแหน่ง 14 พฤศจิกายน 1834 – 18 เมษายน 1835 | |
นายกรัฐมนตรี | เซอร์ รอเบิร์ต พีล |
ก่อนหน้า | ไวเคานต์เมลเบิร์น |
ถัดไป | ไวเคานต์เมลเบิร์น |
ดำรงตำแหน่ง 22 มกราคม 1828 – 22 พฤศจิกายน 1830 | |
ก่อนหน้า | ไวเคานต์โกดริช |
ถัดไป | เอิร์ลเกรย์ |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | |
ดำรงตำแหน่ง 14 พฤศจิกายน 1834 – 18 เมษายน 1835 | |
นายกรัฐมนตรี | เซอร์ รอเบิร์ต พีล |
ก่อนหน้า | ไวเคานต์พาลเมอร์สตัน |
ถัดไป | ไวเคานต์พาลเมอร์สตัน |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย | |
ดำรงตำแหน่ง 17 พฤศจิกายน 1834 – 15 ธันวาคม 1834 | |
ก่อนหน้า | ไวเคานน์ดันแคนนอน |
ถัดไป | เฮนรี กูลบูร์น |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสงครามและอาณานิคม | |
ดำรงตำแหน่ง 17 พฤศจิกายน 1834 – 9 ธันวาคม 1834 | |
ก่อนหน้า | ทอมัส สปริง ไรซ์ |
ถัดไป | เอิร์ลแห่งแอเบอร์ดีน |
อธิการบดีมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด | |
ดำรงตำแหน่ง 1834–1852 | |
ก่อนหน้า | บารอนเกรนวิลล์ |
ถัดไป | เอิร์ลแห่งดาร์บีย์ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | อาร์เธอร์ เวลสลีย์ 1 พฤษภาคม 1769 ดับลิน, เเคว้นไอร์เเลนด์ ประเทศสหราชอาณาจักร (ปัจจุบันคือประเทศไอร์แลนด์) |
เสียชีวิต | 14 กันยายน ค.ศ. 1852 (83 ปี) ปราสาทวัลเมอร์, เคนต์, อังกฤษ, สหราชอาณาจักร |
ที่ไว้ศพ | อาสนวิหารนักบุญเปาโล, ลอนดอน |
ศาสนา | คริสตจักรแห่งไอร์แลนด์ |
คู่สมรส | แคเธอริน พาเค็นแฮม |
บุตร | อาเธอร์ ชาลล์ |
ลายมือชื่อ | |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | สหราชอาณาจักร |
สังกัด | กองทัพบริเตน |
ประจำการ | 1787–1852 |
ยศ | จอมพล |
บังคับบัญชา | ผู้บัญชาการกองทัพบริเตน |
ผ่านศึก | สงครามสหสัมพันธมิตรครั้งที่หนึ่ง สงครามอังกฤษ-ไมซอร์ครั้งที่สี่ สงครามอังกฤษ-มราฐาครั้งที่สอง สงครามนโปเลียน |
เกิดที่ดับลินในไอร์แลนด์ เริ่มจากการเป็นร้อยตรีในกองทัพอังกฤษในปี 1787 โดยประจำการในไอร์แลนด์ในฐานะทหารคนสนิทผู้แทนพระองค์ประจำไอร์แลนด์ นอกจากนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาสามัญชน (สภาล่าง) ของไอร์แลนด์ และดำรงยศเป็นพันเอกในปี 1796 โดยเข้าร่วมราชการสงครามในเนเธอร์แลนด์ในช่วงสงครามมหาสัมพันธมิตรครั้งที่หนึ่ง และในอินเดียในช่วงสงครามอังกฤษ-ไมซอร์ครั้งที่สี่ และจึงได้รับแต่งตั้งเป็นข้าหลวงประจำศรีรังคปัฏนาและไมซอร์ในปี 1799 และต่อมาจึงได้รับแต่งตั้งเป็นพลตรีภายหลังชัยชนะเหนือจักรวรรดิมราฐาในปี 1803
เวลสลีย์เป็นผู้บัญชาการศึกคาบสมุทรในสงครามนโปเลียน และได้รับการเลื่อนขึ้นขึ้นเป็นจอมพลภายหลังสามารถนำกองทัพพันธมิตรมีชัยเหนือฝรั่งเศสได้ในยุทธการที่วิกตอเรียในปี 1813 ซึ่งตามมาด้วยการเนรเทศนโปเลียนในปีต่อมา เวลสลีย์เข้ารับตำแหน่งเป็นราชทูตประจำฝรั่งเศส และได้รับบรรดาศักดิ์เป็นดยุก ต่อมาระหว่างสมัยร้อยวันในปี 1815 กองทัพพันธมิตรของเขาร่วมกับกองทัพปรัสเซียที่นำโดยพลโทบลือเชอร์ มีชัยเหนือนโปเลียนในยุทธการที่วอเตอร์ลู ชีวิตทหารของเขานั้นเป็นที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง จากรายงานราชการสงคราม ตลอดชีวิตทหารของเขาได้ผ่านศึกสงครามมากว่า 60 ครั้ง เขามีชื่อเสียงขึ้นมาจากการปรับตัวและใช้กลยุทธ์ในการตั้งรับข้าศึกจนสามารถมีชัยนับครั้งไม่ถ้วนเหนือข้าศึกที่มีกำลังเหนือกว่า ในขณะที่ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บน้อยมาก เขาจึงได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้บัญชาฝ่ายตั้งรับตลอดกาล กลยุทธ์และแผนการรบของเขาจำนวนมากถูกนำไปสอนในวิทยาลัยการทหารชั้นนำของโลก
ภายหลังออกจากราชการทหาร เขาก็กลับคืนสู่งานการเมือง โดยได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสองสมัยโดยสังกัดพรรคทอรี ระหว่างปี 1828 ถึง 1830 และอีกครั้งเป็นช่วงเวลาไม่ถึงเดือนในปี 1834 ต่อมาเขาได้ดำรงตำแหน่งผู้นำในสภาขุนนาง จนกระทั่งเกษียณอายุแต่ยังคงเป็นผู้บัญชาการกองทัพอังกฤษจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรม
อาเธอร์เกิดในตระกูลชนชั้นสูงครึ่งอังกฤษ-ไอร์แลนด์ ในราชอาณาจักรไอร์แลนด์ เป็นบุตรชายคนที่สามในบรรดาบุตรชายห้าคนของ เอิร์ลที่ 1 แห่งมอร์นิงตัน กับภริยานามว่าแอนน์ ซึ่งเป็นบุตรีของไวเคานต์แดนแกนนอนที่ 1 ชีวประวัติของเขามักจะอ้างอิงจากหลักฐานหนังสือพิมพ์เก่า ซึ่งระบุไว้ว่าเขาเกิดในวันที่ 1 พฤษภาคม 1769 ซึ่งเป็นวันที่เข้ารับศีลล้างบาป แต่ไม่ได้ระบุถึงสถานที่เกิดที่แน่นนอน แต่เชื่อว่าเขาน่าจะเกิดที่ทาวเฮาส์ของครอบครัวในกรุงดับลิน
อาเธอร์ใช้ชีวิตในวัยเด็กส่วนใหญ่ของเขาอยู่ที่บ้านสองหลังของครอบครัว หลังแรกคือบ้านขนาดใหญ่ในดับลิน และอีกหลังคือปราสาทแดนแกนทางตะวันตกเฉียงเหนือของดับลิน บิดาของเขาถึงแก่อสัญกรรมในปี 1781 ซึ่งริชาร์ด ผู้เป็นพี่ชายคนโตของเขาก็เป็นผู้สืบต่อตำแหน่งเอิร์ลแห่งมอร์นิงตัน
เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนโบสถ์ขณะอาศัยอยู่ที่แดนแกน และสถาบันมิสเตอร์ไวนต์ขณะอาศัยอยู่ที่ดับลิน และโรงเรียนบราวน์ขณะอาศัยอยู่ในลอนดอน แล้วจึงเข้าเรียนในวิทยาลัยอีตันระหว่างปี 1781 ถึง 1784 ความโดดเดี่ยวของเขาทำให้เขาเกลียดที่นี่มาก เขามักจะพูดว่า "ชนะศึกวอเตอร์ลูที่ลานกีฬาของอีตัน" ทั้งๆที่อีตันไม่มีลานกีฬา ในปี 1785 จากการที่เขาไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการเรียนที่อีตัน ประกอบกับครอบครัวเริ่มมีปัญหาขัดสนเงินทองภายหลังการอสัญกรรมของบิดา ทำให้เขาและมารดาต้องย้ายไปอาศัยอยู่ที่บรัสเซลส์ในเบลเยียม แม้อายุจะย่างเข้ายี่สิบแล้ว แต่เขาก็แสดงความเด่นประกายออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่มารดาของเขาก็ตระหนักถึงความเกียจคร้านในตัวเขา เธอเคยกว่าวว่า "ชั้นไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับอาเธอร์เจ้าลูกชายจอมเทอะทะของฉันดี"
ในปีต่อมา อาเธอร์เข้าศึกษาที่ราชวิทยาลัยการทรงตัวในเมืองอ็องเฌของฝรั่งเศส เขาเริ่มแสดงออกถึงความก้าวหน้า และกลายเป็นนักขี่ม้าที่ดี และยังได้เรียนภาษาฝรั่งเศสซึ่งภายหลังได้เป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก และจึงกลับไปยังอังกฤษในปลายปี 1786 ซึ่งพัฒนาการของเขาทำให้มารดาของเขาประหลาดใจอย่างมาก
เนื่องด้วยเงินทองครอบครัวค่อนข้างยังขัดสน ด้วยคำแนะนำของมารดา พี่ชายของเขาได้ไปร้องขอกับสหาย คือ ดยุกแห่งรัทแลนด์ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้แทนพระองค์ประจำไอร์แลนด์ ให้รับเวลสลีย์เข้าประจำการในกองทัพ ไม่นานหลังจากนั้นในวันที่ 7 มีนาคม 1787 เวลสลีย์ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการทหารที่ตำแหน่งร้อยตรี ในกองร้อยเดินเท้าที่ 73 และในเดินตุลาคม ด้วยความช่วยเหลือจากทางพี่ชาย เวลสลีย์ก็ได้ขึ้นเป็นนายทหารคนสนิท (Aide-de-camp) ของลอร์ดบักกิงแฮม ผู้แทนพระองค์คนใหม่ ด้วยค่าตอบแทน 10 ชิลลิงต่อวัน (หนึ่งเท่าของค่าตอบแทนร้อยตรี) ต่อมาเขาถูกโอนชื่อไปอยู่ในกองร้อยที่ 76 ที่ตั้งขึ้นใหม่ในไอร์แลนด์ และในวันคริสต์มาสของปี 1787 นั้นเองเขาก็ได้เลื่อนยศเป็นร้อยโท ด้วยตำแหน่งนายทหารคนสนิทนี้ งานส่วนใหญ่ของเขาจึงเปรียบเสมือนผู้ช่วยและเลขาของผู้แทนพระองค์ฯ ซึ่งในไอร์แลนด์นี้เองเวลสลีย์ชื่นชอบการพนันมาก และมักจะเป็นหนี้เป็นสินคนอื่นอยู่เสมอ
มกราคม 1788 เขาถูกโอนชื่อไปอยู่ในกองร้อยเดินเท้าที่ 44 และไม่นานต่อมาถูกโอนชื่อไปอยู่ในกองร้อยมังกรที่ 12 ในเจ้าชายแห่งเวลส์ หลังจากนี้เป็นช่วงเวลาที่เขาเริ่มเข้าไปมีบทบาททางการเมือง และในปี 1789 ได้รับเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภาจากเขตทริมในสภาสามัญชนไอร์แลนด์ในช่วงนี้เขายังคงรับราชการอยู่ในปราสาทดับสินโดยที่มีสิทธิ์ออกเสียงในสภาไอร์แลนด์ เมื่อเขาหมดวาระในสภาในปี 1791 เขาได้เลื่อนยศเป็นร้อยเอก และถูกโอนชื่อไปประจำการในกองร้อยเดินเท้าที่ 56 และในเดือนตุลาคมโอนไปกองร้อยมังกรที่ 18
This article uses material from the Wikipedia ไทย article อาร์เธอร์ เวลสลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งเวลลิงตัน, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.