พลโท หม่อมเจ้าเสรฐศิริ กฤดากร (26 มีนาคม พ.ศ.
2424 – 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2500) อดีตสมาชิกวุฒิสภา องคมนตรี กรรมการองคมนตรี และเจ้ากรมพลาธิการทหารบก เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ กับหม่อมสุภาพ กฤดากร ณ อยุธยา และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
หม่อมเจ้าเสรฐศิริ กฤดากร | |
---|---|
สมาชิกวุฒิสภา | |
ดำรงตำแหน่ง 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 – 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 | |
องคมนตรี | |
ดำรงตำแหน่ง 18 เมษายน พ.ศ. 2458 – 2 กันยายน พ.ศ. 2470 | |
ประสูติ | 26 มีนาคม พ.ศ. 2424 |
สวรรคต | 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2500 (76 ปี) |
ชายา/หม่อม | หม่อมสนิท หม่อมผอบ หม่อมเจ้าสุรีย์ประภา กฤดากร |
พระบุตร | 8 คน |
ราชวงศ์ | จักรี |
ราชสกุล | กฤดากร |
พระบิดา | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ |
พระมารดา | หม่อมสุภาพ กฤดากร ณ อยุธยา |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | ไทย |
แผนก/ | กองทัพบกไทย |
ประจำการ | พ.ศ. 2446 – พ.ศ. 2475 |
ชั้นยศ | พลโท |
บังคับบัญชา | กรมพลาธิการทหารบก |
นายพลโท หม่อมเจ้าเสรฐศิริ กฤดากร ประสูติเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2423 (ปัจจุบันคือ พ.ศ. 2424) เมื่อทรงพระเยาว์ได้รับการศึกษาจากครูพิเศษซึ่งพระบิดาได้ทรงเลือกมาสอนแก่พระโอรส พระธิดา ในวัง เพราะในสมัยนั้นโรงเรียนยังไม่ดีพอ โดยครูภาษาอังกฤษท่านหนึ่ง นามว่า Mr. Morant ซึ่งภายหลังได้เป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการของอังกฤษ ต่อมาในปี พ.ศ. 2433 เมื่อพระชันษาได้ 10 ปี ได้เสด็จไปเรียนในทวีปยุโรปพร้อมกับพระยาสุริยานุวัติ (เกิด บุนนาค) ผู้ซึ่งออกไปเป็นราชทูตในกรุงปารีส เริ่มแรกเมื่อไปถึงได้ไปพำนักอยู่กับพระยามหาโยธา (นกแก้ว คชเสนี) ผู้เป็นราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เนื่องจากมีศักดิ์เป็นคุณตาน้อย จนถึงปี พ.ศ. 2434 พระยามหาโยธา ย้ายมาเป็นราชทูตที่กรุงลอนดอน หม่อมเจ้าเสรฐศิริ จึงทรงย้ายมายังอังกฤษด้วย ในปี พ.ศ. 2435 จึงได้เข้าเรียนกินนอนชั้นต้นที่ซาลฟอนท์ เซนท์โจน Charlefont St. Giles จนถึงปี พ.ศ. 2438 จึงได้เข้าโรงเรียนแฮร์โรว์ Harrow อยู่ในโรงเรียนนี้ 3 ปี
หลังจากนั้นได้ศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อกลับประเทศไทยจึงได้รับราชการเป็นผู้ช่วยนายช่างภาคสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพ-เพชรบุรี แล้วย้ายไปรับราชการทหาร มีหน้าที่ซ่อมแซมดูแลอาวุธของกองทัพบก เมื่อมีการตั้งกรมช่างแสงทหารบก เพื่อให้ประเทศไทยได้ผลิตอาวุธปืนและกระสุน พลโทหม่อมเจ้าเสรฐศิริ จึงได้เป็นอธิบกรมแสงสรรพาวุธคนแรก รั้งเจ้ากรมช่างแสง และเป็นผู้ทำลูกปืนลูกแรกให้กับกองทัพไทย
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นองคมนตรี
หม่อมเจ้าเสรฐศิริ รับราชการจนมียศ "พลโท" ในตำแหน่งเจ้ากรมพลาธิการทหารบก จนกระทั่งลาออกจากราชการเมื่อมีการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475
ในตอนต้นรัชกาลที่ 9 หม่อมเจ้าเสรฐศิริ มีตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาในช่วงเวลาสั้นๆ วุฒิสภา ชุดที่ 2 (สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2489) ก่อนจะสิ้นชีพิตักษัยเมื่อ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2500
หม่อมเจ้าเสรษฐสิริ มีโอรสและธิดา ดังนี้
หม่อมเจ้าเสรฐศิริ กฤดากร ประชวรพระโรคพระหทัยวาย ไม่ทรงแข็งแรงมาหลายปี จนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ.2500 เกิดมีพระอาการบรรทมไม่หลับ เสวยไม่ได้ จึงได้เสด็จไปรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลเนิซซิงโฮม ถนนคอนแวนต์ พระอาการมีแต่ทรงกับทรุด จึงกระทั่งถึงชีพิตักษัย ณ โรงพยาบาล พระชนมายุได้ 76 ปี 8 เดือน
This article uses material from the Wikipedia ไทย article หม่อมเจ้าเสรฐศิริ กฤดากร, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.