สนธิ ลิ้มทองกุล

สนธิ ลิ้มทองกุล (7 พฤศจิกายน พ.ศ.

2490 — ) เป็นนักหนังสือพิมพ์ นักเขียน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และยูทูบเบอร์ ประธานที่ปรึกษาสำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ เป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ ผู้ดำเนินรายการกลางแจ้ง เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่ปรึกษาสำนักพิมพ์ซุปเปอร์บันเทิง อดีตผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางช่อง 9 อสมท. และอดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ

สนธิ ลิ้มทองกุล
สนธิ ลิ้มทองกุล
เกิด7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 (76 ปี)
จังหวัดสุโขทัย ประเทศไทย
ศิษย์เก่า
อาชีพนักหนังสือพิมพ์ นักเขียน นักเคลื่อนไหว ยูทูบเบอร์
องค์การเครือผู้จัดการ
พรรคการเมืองพรรคการเมืองใหม่
ขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
คู่สมรสจันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล

เดิมเขาเคยเป็นผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร อย่างแข็งขัน แต่ต่อมาเป็นผู้นำขบวนการต่อต้านทักษิณ ช่วงต้น พ.ศ. 2549 สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นหนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่นำการชุมนุมขับทักษิณ ชินวัตรจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนยุติบทบาทหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 ซึ่งโค่นรัฐบาลทักษิณ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 สนธิออกนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกครั้งในการประท้วงขับทักษิณ ชินวัตรออกจากตำแหน่ง หลังรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ซึ่งเข้าฝ่ายทักษิณชนะการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป โดยนำกลุ่มพันธมิตรฯ ปะทะกับกำลังความมั่นคง ตลอดจนยึดทำเนียบรัฐบาล ท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิ สนธิเป็นผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์อยู่บ้าง และยุติการประท้วงของกลุ่มหลังอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี

ประมาณเดือนเมษายน พ.ศ. 2552 สนธิถูกมือปืนลอบยิง สนธิมีบาดแผลสาหัสที่ศีรษะแต่ยังมีสติ ก่อนถูกนำส่งโรงพยาบาลเพื่อการผ่าตัดฉุกเฉิน ไม่ทราบว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลัง แต่บุตรของสนธิและโฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ สังเกตว่ากลุ่มแยกของทหารหรือตำรวจอาจอยู่เบื้องหลัง

ประวัติ

สนธิ ลิ้มทองกุล (ชื่อเดิม ตั๊บ แซ่ลิ้ม) มีชื่อเล่นว่า "โจโจ้" เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ที่ตำบลธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน มีคุณปู่เป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่ล่องเรือสำเภามาจากเกาะไหหลำชื่อว่า หงษ์เม้ง แซ่ลิ้ม ส่วนคุณย่าเป็นชาวไทยชื่อว่า ทอง ซึ่งเป็นลูกสาวกำนันในจังหวัดสุโขทัย โดยที่มาของนามสกุล ลิ้มทองกุล นั้นก็มาจากการเอาชื่อและนามสกุลของคุณปู่และคุณย่าของสนธิมารวมกัน สนธิเป็นบุตรของวิเชียร แซ่ลิ้ม อดีตสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋ง และผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยหว่างผู่ กับไชย้ง แซ่ลิ้ม ทั้งคู่มาตั้งรกรากทำกิจการโรงพิมพ์ และออกหนังสือพิมพ์จีน จำหน่ายให้กับชาวจีนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร

สนธิสมรสกับจันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล (ช่องดารากุล) ชาวจังหวัดตรัง เมื่อ พ.ศ. 2516 อดีตผู้ช่วยศาสตราจารย์ ระดับ 9 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) มีบุตรคือ จิตตนาถ ลิ้มทองกุล ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บริหารกิจการในเครือผู้จัดการ

สนธิ ลิ้มทองกุล เคยอุปสมบท 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2541 ที่วัดป่าสามัคคีศิริพัฒนารา จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีพระครูปภัศรคุณ (หลวงปู่ญาท่าน) เป็นพระอุปัชฌาย์ และนับตั้งแต่นั้นมา สนธิก็ได้ไว้ผมสั้นเกรียน และอีกครั้งที่วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระอุดมญาณโมลี เจ้าอาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ได้ฉายา สนฺตจิตฺโต หรือ ผู้มีจิตสงบ

การศึกษา

สนธิจบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษา จากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รุ่น 18 รุ่นเดียวกับ ทนง พิทยะ หลังจากจบจากโรงเรียนประจำที่อัสสัมชัญศรีราชา สนธิก็ได้ถูกส่งตัวไปเรียนภาษาจีนที่ประเทศไต้หวัน พร้อมกับเรียนวิชาวิศวกรรมเครื่องกล ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน เป็นเวลาปีเศษ ก่อนที่จะไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาประวัติศาสตร์ ที่ยูซีแอลเอ นครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ในขณะที่สนธิศึกษาอยู่ที่นี่ ยังได้เป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัย The Daily Bruin ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509 ถึง พ.ศ. 2512 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนามที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมอเมริกัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2515 ก็สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาประวัติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยยูทาห์สเตต เมืองโลแกน รัฐยูทาห์ ซึ่งตอนที่ศึกษาระดับปริญญาโทก็ได้รับทุนเป็นผู้ช่วยอาจารย์ (TA) อีกด้วย สนธิยังเคยเป็นบรรณาธิการข่าวต่างประเทศหนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัยยูทาห์สเตต Student'S Life และกรรมการบริหารนิตยสารรายเดือนมหาวิทยาลัยยูทาห์สเตต Monthly Review นอกจากนี้ยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาอักษรศาสตร์ จากวิทยาลัยฮาร์ตวิคก์ เมืองโอนีโอนตา รัฐนิวยอร์ก ในปี พ.ศ. 2535 สาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2536 สาขาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเซ็นทรัลควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ในปี พ.ศ. 2538 และสาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง จากมหาวิทยาลัยรังสิต ในปี พ.ศ. 2550

สนธิยังเคยบริจาคเงินสร้าง The Sondhi Limthongkul Center for Interdependence (The S.L. Center for Interdependence) ให้แก่วิทยาลัยฮาร์ตวิคก์ อีกด้วย

การทำงาน

สนธิได้รับฉายาจากสื่อต่างประเทศว่า โมกุลสื่อ (Media Mogul) หรือไทคูนสื่อ (Media Tycoon) ของเอเชีย เนื่องจากเป็นบุคคลที่ประสบความความสำเร็จและมีทรงอิทธิพลในวงการสื่อ สนธิทำงานเป็นบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ ประชาธิปไตย เมื่ออายุ 27 ปี จากนั้นได้ร่วมกับพร (หรือ พอล) สิทธิอำนวย ตั้งบริษัท Advance Media ในเครือพีเอสเอกรุ๊ป ออกหนังสือดิฉัน แต่ประสบปัญหาขาดทุน จึงได้ขายกิจการให้กับปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา สนธิกลับมาโดดเด่นอีกครั้งด้วยการตั้งบริษัท ตะวันออกแมกกาซีน ทำหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายเดือน เมื่อปี พ.ศ. 2526 และหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายสัปดาห์ จากความสำเร็จในการเป็นหนังสือแนวธุรกิจของ ผู้จัดการรายสัปดาห์ และ รายเดือน ทำให้สนธิ นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2533 ต่อมาหุ้น MGR ถูกตลาดหลักทรัพย์แขวนป้ายระงับการซื้อขาย เนื่องจากปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2546 สนธิได้ส่งมอบการบริหารธุรกิจในเครือผู้จัดการให้กับจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชาย สนธิยังเคยเป็นผู้สื่อข่าวสำนักข่าว Associate Press ประจำเมืองโลแกน รัฐยูทาห์ ที่ปรึกษากลุ่มหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และอาจารย์พิเศษคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาให้สนธิ ลิ้มทองกุลเป็นบุคคลล้มละลาย

ในเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2546 สนธิได้เขียนข่าวทำนายว่าเงินดอลล่าร์สหรัฐจะตกต่ำในปี พ.ศ. 2553 พร้อมทั้งสนับสนุนให้ลดการส่งออก และขณะเดียวกันแนะนำให้ผู้คนลงทุน ด้วยการซื้อทองสะสมไว้

เหตุการณ์ 6 ตุลา และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 นายสนธิขณะนั้นเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ประชาธิปไตย ได้เข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อที่จะถ่ายรูปเหตุการณ์ โดยอ้างว่าเป็นผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ ดาวสยาม ที่มีจุดยืนอยู่ข้างกลุ่มผู้ต่อต้านกลุ่มนิสิต นักศึกษาที่ประท้วงการกลับมาของจอมพลถนอม กิตติขจร และในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 นายสนธิได้พิมพ์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการฉบับพิเศษ ขนาดแท็บลอยด์ออกเผยแพร่โดยไม่จำหน่ายภายในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นเวลา 3 วัน เพื่อให้ผู้คนได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและเรียกให้ออกมาชุมนุม จากนั้นนายสนธิได้อ้างว่าถูกคุกคามเอาชีวิตจากคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) จึงได้เดินทางหนีออกนอกประเทศไป โดยมีความคิดถึงขั้นจะตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นที่ต่างแดนเพื่อต่อสู้ และก่อนออกเดินทางนายสนธิได้ออกเช็คฉบับหนึ่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชุมนุมด้วย

สมัยรัฐบาลทักษิณ

เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร

สนธิ ลิ้มทองกุล 
สัญลักษณ์เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร

จุดเริ่มต้นของรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2544 ในขณะนั้น รุ่นน้องของนายสนธิ ได้เข้าไปทำรายการชื่อ "เมืองไทยรายวัน" ณ โมเดิร์นไนน์ทีวี โดยนำเสนอเป็นรายการความรู้ ข่าวสาร และปกิณกะ อยู่ จนกระทั่งเกิดปัญหาทางด้านการเงิน ค้างชำระกับทาง โมเดิร์นไนน์ทีวี จนในที่สุดรายการก็ถูกถอดออก และรวมเวลาทั้งหมดไปออกอากาศในวันศุกร์แทน ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองไทยรายสัปดาห์" เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2546 แต่ก็ยังคงนำเสนอเนื้อหาเดิมแบบเมืองไทยรายวัน จนกระทั่งทาง อสมท. ได้ปรับผังใหม่เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2546 นายสนธิ ลงมาเป็นผู้ดำเนินรายการเอง ร่วมกับ พิธีกรสาว นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์

ในเดือน กันยายน พ.ศ. 2548 หลังจากที่ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ระงับรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และถูกฟ้องร้องโดยนายกรัฐมนตรีขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญา เป็นจำนวนเงินรวม 2,000 ล้านบาท ด้วยข้อหาหมิ่นประมาท และดูหมิ่น สนธิได้จัดรายการของตนเองขึ้นมาใหม่ ในชื่อว่า เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร โดยจัดเป็นเวทีนอกสถานที่ ณ หอประชุมเล็ก และ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ลุมพินีสถาน เวทีลีลาศ สวนลุมพินี ทุกคืนวันศุกร์ โดยเนื้อหาของรายการเปลี่ยนไปจากเดิม เป็นการกล่าวถึงการคอรัปชันของนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และเครือญาติมิตร เพียงอย่างเดียว ภายใต้สโลแกน "เราจะสู้เพื่อในหลวง" "ถวายคืนพระราชอำนาจ" และ "ขอเป็นยามเฝ้าแผ่นดิน" ทำให้มีผู้สนใจเข้าชมรายการเป็นจำนวนมาก

รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ได้มีเก็บข้อมูลบทสนทนาในรายการที่ผ่านมาทั้งหมด รวมทั้งเสียงบันทึกรายการ ด้วยระบบออนไลน์ รวบรวมไว้ในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ทำให้ผู้คนเข้าเว็บไซต์เพิ่มขึ้นประมาณเกือบสองเท่า จากประมาณ 80,000 เป็น 150,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ ได้มีการแจกฟรีซีดีบันทึกเสียงจากรายการที่ผ่านมา ให้แก่ประชาชนทั่วไป ที่บริเวณหน้าวัดพระแก้วและบริเวณต่างๆ ในเกาะรัตนโกสินทร์ และจัดจำหน่ายวีซีดีบันทึกภาพงาน และเสื้อเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร

ปลายปี พ.ศ. 2548 ทักษิณได้ฟ้องร้องต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ, นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการร่วม เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร และพวก เป็นจำนวนเงินสูงถึง 2,000 ล้านบาทและตามมาด้วยคดีอาญามากมาย เพื่อให้หยุดการกล่าวหาเกี่ยวกับ "ปฏิญญาฟินแลนด์" โดยจุดนี้ทำให้ดัชนีเสรีภาพสื่อทั่วโลก (World Press Freedom) ที่จัดอันดับโดย องค์กรนักข่าวไร้พรมแดน (Reporters Without Borders) ตกลงจากอันดับ 59 ไปที่อันดับ 107

นักวิจารณ์หลายคนให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของนายสนธิ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลประโยชน์ของประชาชน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราโชวาทเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ทาง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า พรรคไทยรักไทย ได้ดำเนินการสั่งให้ทนาย คือ นายธนา เบญจาธิกุล ไปที่ศาลอาญาและศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ดำเนินการถอนฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล และพวกทั้งหมด และทางนายสนธิเองก็มิได้ฟ้องกลับแต่อย่างใด

การต่อต้านทักษิณ

สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกคน มีกำหนดการที่จะเดินขบวนต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 ในวันนั้นเอง ก่อนที่จะมีเดินขบวน ปรากฏว่ามีข่าวลือว่าจะมีเหตุการณ์นองเลือด อย่างไรก็ตาม วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ยึดอำนาจรัฐบาลทักษิณ และยุบสภา และยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกเนรเทศออกไปอย่างไม่มีกำหนด และสมาชิกหลายคนในคณะรัฐมนตรีของเขาถูกเรียกตัวไปสอบสวน แกนนำพันธมิตรจึงประกาศยกเลิกกรประท้วงในครั้งนั้น และประกาศสลายตัวไประยะหนึ่ง

สนธิสนับสนุนการรัฐประหาร และหลังจากนั้นเดินทางไปทัวร์ยัง ลอนดอน วอชิงตัน ดี.ซี. และนิวยอร์ก เพื่อไปเฉลิมฉลองกับพันธมิตรฯ ที่อยู่ต่างประเทศ ในระหว่างที่เขาเดินทางนั้น เขายังได้เพิ่มเงินกองทุน IPO เพื่อธุรกิจดาวเทียมของเขาด้วย และชี้แจงว่าเขาได้ใช้เงินเกือบ 420 ล้านบาทที่ได้มาจากการประท้วงของพันธมิตรฯ เขาประกาศทีหลังว่าจุดเน้นทางการเมืองของเขานั้น จะเป็นการให้การศึกษากับสังคมไทยเกี่ยวกับสิ่งที่ พ.ต.ท. ทักษิณเคยสร้างความเลวร้ายกับประเทศในช่วงที่ยังบริหารประเทศ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ สนธิจัดรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ที่รับเงินบริจาคจากกลุ่มพันธมิตรฯ เขาประกาศว่าเขาจะยุติบทบาทต่อสาธารณะภายใน 5 ปี

สนธิต่อต้านรัฐบาลทหารหลังจากแต่งตั้งคนในรัฐบาลทักษิณเข้ามาอยู่ในคณะรัฐมนตรี

เขาขอโทษ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ลูกพี่ลูกน้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในศาลทีหลังที่ไปกล่าวหาว่า ตระกูล "ชินวัตร" และ "ดามาพงษ์" ได้ปล้นชาติ ต่อมา พล.อ.ชัยสิทธิ์ถอนฟ้องสนธิ ศาลแถลงว่าโดยการกล่าวหาทั้งตระกูลนั้น สนธิไม่สามารถฟ้องร้องได้ ซึ่งเป็นตัวอย่างของระบบกฎหมายที่แปลกประหลาดของประเทศไทย

เป็นผลตอบแทนสำหรับสิ่งที่สนับสนุนเขา สนธิถูกเชิญโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ให้ไปออกรายการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองทางช่อง 11

ผู้ประท้วงที่ต้อต้านรัฐบาลทหารเริ่มเคลื่อนไหวหลังเหตุการณ์รัฐประหารเพียงไม่กี่เดือน สนธิและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินขบวนสนับสนุนรัฐบาลทหาร และเรียกร้องให้กองทัพใช้สื่อของรัฐเพื่อเตือนให้ประชาชนรับรู้ถึงความชั่วร้ายของผู้ที่ต่อต้านรัฐบาลทหาร

หลังรัฐประหาร พ.ศ. 2549

เมื่อ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ (UCLA CSEAS) ได้เชิญสนธิไปบรรยายในหัวข้อ “ประชาธิปไตยไทย การคอร์รัปชัน การรัฐประหาร และอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป?” (Thailand's Democracy, Corruption, the Coup and What Lies Ahead) ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้แก่คณาจารย์และนักศึกษาของยูซีแอลเอฟัง ซึ่งการบรรยายของสนธิที่ถูกจัดขึ้นในครั้งนี้ก็ได้รับความสนใจจากสื่ออเมริกันด้วยเช่นกัน

ถูกลอบยิง

ในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลาประมาณ 05.45 น. ขณะที่นายสนธิ กำลังเดินทางโดยรถส่วนตัว โตโยต้า เวลไฟร์ ไปยังสถานีโทรทัศน์ ASTV เพื่อจัดรายการในตอนเช้าเหมือนปกติ ได้มีกลุ่มคนไม่ทราบจำนวน ขับรถ อีซูซุ ดีแมคซ์ 2 ประตู สีบรอนซ์ทอง ตามประกบ และได้ใช้อาวุธปืนยิงล้อรถของนายสนธิ ทำให้ยางล้อแตก แล้วใช้อาวุธปืนเอเค 47 เอชเค 33 เอ็ม 16 และเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 รัวยิงกระหน่ำเข้าไปในรถของนายสนธิ แล้วขับรถหนีไป โดยใช้ถนนเทเวศร์ เจ้าหน้าที่นับปลอกกระสุนปืนได้ 84 นัด และลูกระเบิดเอ็ม 79 ขนาด 40 มม. ที่ยังไม่ระเบิด 1 นัด

นายสนธิ ถูกกระสุนบริเวณคิ้ว, หน้าอก และแขน ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลวชิระแต่อาการไม่บาดเจ็บมากนัก ส่วนนายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถคันดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมิชชั่น เจ้าหน้าที่แจ้งว่ากล้องวงจรปิดเสีย ซึ่งในที่สุดก็ไม่สามารถจับกุมผู้บงการได้

พรรคการเมืองใหม่

วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกพรรค เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร นายสนธิได้ประกาศว่าจะไม่เล่นการเมืองและไม่รับตำแหน่งทางการเมืองทั้งสิ้นตลอดชีวิตนี้ หากตระบัดสัตย์เมื่อไหร่ ให้แฟนรายการของตนที่เป็นผู้ชายถุยน้ำลายใส่หน้า ผู้ที่เป็นผู้หญิงถอดรองเท้าส้นสูงตบหน้าตนได้ทันที

วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 สนธิประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ เพื่อกลับมาทำงานภาคประชาชนในฐานะแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเช่นเดิม

คดีความ

วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 นาฬิกา ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุธรณ์กรณีคดีหมายเลขดำ อ.1036/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอื่นๆ โดยมี นายสุรเดช มุขยางกูร อดีตกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ. แมเนเจอร์ฯ และ น.ส.วยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บมจ. แมเนเจอร์ฯ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2539-วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2540 จำเลยทั้ง 4 เป็นกรรมบริษัท แมแนเจอร์ มิเดีย กรุป จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมทำสำเนารายงานการประชุมของกรรมการโดยมีเนื้อหาความเท็จซึ่งมีมติให้เป็นทางบริษัท เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้กับบริษัท เดอะ เอ็มกรุ้ป จำกัด (มหาชน) ที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือหุ้น กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รวม 6 ครั้ง จำนวน 1,078 ล้านบาท โดยจำเลยที่ 1 และ 3 ไม่ได้ขออนุมัติจากมติที่ประชุมกรรมการบริษัท

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2539-18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 จำเลยทั้งยังร่วมกันกระทำการเปลี่ยนแปลงตัดทอนบัญชีให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และจำเลยทั้ง 4 ยังไม่ได้นำภาระการค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวซึ่งถือเป็นรายการที่ทำให้รายได้ของ บมจ.แมเนเจอร์ฯ เปลี่ยนแปลงผิดปกติ ซึ่งต้องแสดงรายการไว้ในงบการเงินประจำปี พ.ศ. 2539-2541 และจะต้องนำส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ในชั้นพิจารณาจำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพ จึงพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นเวลา 85 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ลงโทษจำคุก 5 ปี จำเลยที่ 4 กระทำความผิดรวม 13 กระทง ลงโทษกระทงละ 5 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 4 เป็นเวลา 65 ปี

จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพเป็นโยชน์แก่การพิจารณาคดี ถูกลงโทษให้เหลือกึ่งเหลือ ยังคงจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นเวลา 42 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี 6 เดือน และจำเลยที่ 4 จำคุก 32 ปี 6 เดือน จึงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1, 3 และ 4 คนละ 20 ปี จำเลยที่ 2 ไม่ติดใจอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ศาลชั้นต้น ฟังได้ว่าจำเลยที่1, 3, 4 ทุจริต อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้นในทุกๆประเด็น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษายืน ก่อนควบคุมตัวนายสนธิไปใต้ถุนศาล ภายหลังที่ศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนาย สนธิ ลิ้มทองกุล ด้ยื่นหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพ ซึ่งเป็นหลักทรัพย์เดิม มูลค่า 10 ล้าน เพื่อขอปล่อยชั่วคราว โดยยื่นเรื่องให้กับศาลกีฎาแทน เป็นเหตุให้ นายสนธิ ต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำเพื่อรอการพิจารณาจากศาลกีฎา ล่าสุดศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องคำขอประกันตัวดังกล่าว โดยพิเคราะห์แล้วว่า นายสนธิพร้อมพวกได้ให้การรับสารภาพซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาจำคุกไว้แล้ว ประกอบกับคดีนี้ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง นอกจากนี้ นายสนธิกับพวกยังไม่รับรองฎีกา และยังไม่ได้ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาในการต่อสู้คดีความ ซึ่งมีระยะเวลายื่นฎีกาอีก 30 วัน โดยศาลกีฎาคาดว่าหากอนุญาตให้ปล่อยตัวอาจหลบหนีไปได้ จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559 เขาถูกศาลฎีกา สั่งจำคุก 20 ปี ไม่รอลงอาญา

ผลงานสื่อ

  • ผู้ดำเนินรายการ และ เจ้าของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (5 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557)
  • วิทยากรประจำรายการ "มองโลกมองเรา" (19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 - ปัจจุบัน)

ผลงานด้านสังคม

ผลงานหนังสือ

สนธิ ลิ้มทองกุล 
เมืองไทยรายสัปดาห์ 1
  • Newcomer. กรุงเทพฯ : ผู้จัดการ. ISBN 978-974-9535-09-7
  • Big Story. กรุงเทพฯ : แมเนเจอร์คลาสสิค. ISBN 978-974-7085-96-9
  • “เจ้าพ่อ”. กรุงเทพฯ : แมเนเจอร์คลาสสิค. ISBN 978-974-93511-7-8
  • ต้องแพ้เสียก่อนจึงจะชนะได้. กรุงเทพฯ : ผู้จัดการ, 2544. ISBN 978-974-7085-89-1
  • The global link ศึกษาธุรกิจผ่านการเดินทาง. กรุงเทพฯ : ผู้จัดการ, 2545. ISBN 978-974-90823-0-0
  • พระอาจารย์วัลลภ ชวนปัญโญ และสนธิ ลิ้มทองกุล. เจาะรหัสกรรม. กรุงเทพฯ : บ้านพระอาทิตย์, 2548. ISBN 978-974-93217-9-9
  • สนธิ ลิ้มทองกุล และสโรชา พรอุดมศักดิ์. เมืองไทยรายสัปดาห์. กรุงเทพฯ : บ้านพระอาทิตย์. (พร้อมวีซีดี)
  • สนธิ ลิ้มทองกุล และสโรชา พรอุดมศักดิ์. เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ถวายคืนพระราชอำนาจ. กรุงเทพฯ : บ้านพระอาทิตย์. ISBN 978-974-93442-3-1
  • สนธิ ลิ้มทองกุล และสโรชา พรอุดมศักดิ์. เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร 2 ยามเฝ้าแผ่นดิน. กรุงเทพฯ : บ้านพระอาทิตย์. ISBN 978-974-93442-8-6

ผลงานวีซีดี

  • ตะวันออกไม่แพ้
  • แพ้แล้วอย่างไร ชนะแล้วอย่างไร
  • ยุบสภา! ทักษิณทรยศประชาชน
  • เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรเฉพาะกิจ ภารกิจกู้ชาติ
  • ปิดบัญชีทักษิณ
  • เล่าเรื่องเลี้ยงลูก

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Tags:

สนธิ ลิ้มทองกุล ประวัติสนธิ ลิ้มทองกุล สมัยรัฐบาลทักษิณสนธิ ลิ้มทองกุล หลังรัฐประหาร พ.ศ. 2549สนธิ ลิ้มทองกุล ถูกลอบยิงสนธิ ลิ้มทองกุล พรรคการเมืองใหม่สนธิ ลิ้มทองกุล คดีความสนธิ ลิ้มทองกุล ผลงานสื่อสนธิ ลิ้มทองกุล ผลงานด้านสังคมสนธิ ลิ้มทองกุล อ้างอิงสนธิ ลิ้มทองกุล แหล่งข้อมูลอื่นสนธิ ลิ้มทองกุลช่อง 9 อสมท.นักเขียนผู้จัดการ (หนังสือพิมพ์)ยูทูบเบอร์เมืองไทยรายสัปดาห์เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร

🔥 Trending searches on Wiki ไทย:

2ตราประจำพระองค์ในประเทศไทยอมีนา พินิจรายชื่อประเทศเรียงตามจำนวนประชากรรายชื่อตอนในวันพีซ (อนิเมะ)ประเทศอิหร่านสิงหาคมประเทศเกาหลีเหนือGenwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่มินนี่ (นักร้อง)พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวศาสนาพุทธชาบี อาลอนโซซูเปอร์เซ็นไตซีรีส์รายชื่ออักษรย่อของโรงเรียนในประเทศไทย/สรายชื่อตัวละครในยอดนักสืบจิ๋วโคนันบีบีซี เวิลด์นิวส์สายัณห์ สัญญาปณิธาน บุตรแก้วอนาคามีอินดอร์ สเตเดียม หัวหมากบรรดาศักดิ์ไทยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุลสโมสรฟุตบอลเรนเจอส์นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารออแล็งปิกลียอแนรายชื่ออำเภอของประเทศไทยบุพเพสันนิวาสฟ่าน ปิงปิงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ประเทศไทย)ดอลลาร์สหรัฐอภิรัชต์ คงสมพงษ์ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนารายชื่อละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 เอชดีเทศน์ เฮนรี ไมรอนมหาเวทย์ผนึกมารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บอดี้สแลมจีดีเอชเมืองพัทยาคือหัตถาครองพิภพ (ละครโทรทัศน์)ราชสกุลจังหวัดนครศรีธรรมราชเผ่าภูมิ โรจนสกุลสัญญา คุณากรพระศรีอริยเมตไตรยยศทหารและตำรวจไทยองศาเซลเซียสจังหวัดพะเยาวัดพระธาตุบังพวนมักกะลีที่รักโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทนนท์ อัลภาชน์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชแอทลาสการ์โล อันเชลอตตีไพ่แคงถนนมิตรภาพภาคตะวันออก (ประเทศไทย)ท้องที่ตำรวจโป๊กเกอร์สโมสรฟุตบอลอัลฮิลาลจังหวัดกระบี่ภาษาอังกฤษพรหมลิขิตสนามกีฬาซิตีออฟแมนเชสเตอร์พิมพ์ภัทรา วิชัยกุลมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒต้นตะวัน ตันติเวชกุลสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติรายชื่อโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานครการ์ลัส ปุดจ์ดาโมนชาคริต แย้มนามจังหวัดตราด🡆 More