นิวเม็กซิโก (อังกฤษ: New Mexico, ออกเสียง: /ˌn(j)uː ˈmeksɪkoʊ/; สเปน: Nuevo México, ออกเสียง: ( ฟังเสียง); นาวาโฮ: Yootó Hahoodzo, ออกเสียง: ) เป็นรัฐหนึ่งทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ ติดกับประเทศเม็กซิโก เมืองหลวงของรัฐคือแซนตาเฟ โดยมีเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือแอลบูเคอร์คี ถึงแม้ว่าในสหรัฐ ภาษาอังกฤษนิยมใช้กันมากที่สุด แต่รัฐนิวเม็กซิโกเป็นรัฐที่มีการใช้ภาษาสเปนมากที่สุดรัฐหนึ่งในสหรัฐ โดยประชากรในรัฐประกอบด้วยชาวอเมริกัน ชาวสเปน และชาวเม็กซิโก ใน ค.ศ.
2007 นิวเม็กซิโกมีประชากร 1,969,915 คน
รัฐนิวเม็กซิโก State of New Mexico (อังกฤษ) Estado de Nuevo México (สเปน) Yootó Hahoodzo (นาวาโฮ) | |
---|---|
สมญา: ดินแดนมนต์เสน่ห์ | |
คำขวัญ: "เธอเติบโตเมื่อเธอก้าวไป" (ละติน: Crescit eundo) | |
เพลง: "โอแฟร์นิวเม็กซิโก" (อังกฤษ: O Fair New Mexico) และ "อาซีเอสนูเอโบเมฆิโก" (สเปน: Así Es Nuevo México) | |
แผนที่สหรัฐเน้นรัฐนิวเม็กซิโก | |
ประเทศ | สหรัฐ |
สถานะก่อนเป็นรัฐ | นูเอโบเมฆิโก (1598–1848) ดินแดนนิวเม็กซิโก (1850–1912) |
เข้าร่วมสหรัฐ | 1 มิถุนายน 1912 | (ลำดับที่ 47)
เมืองหลวง | แซนตาเฟ |
เมืองใหญ่สุด | แอลบูเคอร์คี |
มหานครใหญ่สุด | แอลบูเคอร์คี |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าการ | มิเชลล์ ลูฮาน กริชัม (ด) |
• รองผู้ว่าการ | ฮาววี มอราลิส (ด) |
สภานิติบัญญัติ | สภานิติบัญญัตินิวเม็กซิโก |
• สภาสูง | วุฒิสภา |
• สภาล่าง | สภาผู้แทนราษฎร |
ฝ่ายตุลาการ | ศาลสูงสุดนิวเม็กซิโก |
สมาชิกวุฒิสภา |
|
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร |
|
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 121,591 ตร.ไมล์ (314,915 ตร.กม.) |
• พื้นดิน | 121,298 ตร.ไมล์ (314,161 ตร.กม.) |
• พื้นน้ำ | 292 ตร.ไมล์ (757 ตร.กม.) 0.24% |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 5 |
ขนาด | |
• ความยาว | 371 ไมล์ (596 กิโลเมตร) |
• ความกว้าง | 344 ไมล์ (552 กิโลเมตร) |
ความสูง | 5,701 ฟุต (1,741 เมตร) |
ความสูงจุดสูงสุด (ยอดเขาวีลเลอร์) | 13,161 ฟุต (4,011.4 เมตร) |
ความสูงจุดต่ำสุด (อ่างเก็บน้ำเรดบลัฟฟ์ในเขตรัฐเท็กซัส) | 2,845 ฟุต (868 เมตร) |
ประชากร (2020) | |
• ทั้งหมด | 2,117,522 คน |
• อันดับ | อันดับที่ 36 |
• ความหนาแน่น | 17.2 คน/ตร.ไมล์ (6.62 คน/ตร.กม.) |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 45 |
• ค่ามัธยฐานรายได้ครัวเรือน | 51,945 ดอลลาร์ |
• อันดับรายได้ | อันดับที่ 45 |
ภาษา | |
• ภาษาทางการ | ไม่มี |
• ภาษาพูด | อังกฤษ, สเปน (นิวเม็กซิโก), นาวาโฮ, เคอรีส, ซูนี |
เขตเวลา | |
ทั้งรัฐ | UTC−07:00 (เวลาภูเขา) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC−06:00 (เวลาออมแสงภูเขา) |
อักษรย่อไปรษณีย์ | NM |
รหัส ISO 3166 | US-NM |
อักษรย่อเดิม | N.M., N.Mex. |
ละติจูด | 31°20′ เหนือ ถึง 37° เหนือ |
ลองจิจูด | 103° ตะวันตก ถึง 109°3′ ตะวันตก |
เว็บไซต์ | www |
นิวเม็กซิโกเป็นรัฐที่มีเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ในบรรดา 50 รัฐของประเทศ แต่มีประชากรเพียง 2.1 ล้านคน และอยู่ในอันดับที่ 36 ของจำนวนประชากรและอันดับที่ 46 ในด้านความหนาแน่นของประชากร และเป็นบริเวณที่มีสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐ บริเวณตอนเหนือและตะวันออกมีภูมิอากาศแบบแอลป์ที่เย็นกว่าในขณะที่ทางตะวันตกและทางใต้นั้นอบอุ่นและแห้งแล้งกว่า โดยมีแม่น้ำรีโอแกรนด์และหุบเขาที่อุดมสมบูรณ์ทอดตัวจากเหนือจรดใต้ ทำให้เกิดสภาพอากาศอบอุ่นบริเวณตอนกลางของรัฐ กว่าหนึ่งในสามของที่ดินในนิวเม็กซิโกมีรัฐบาลกลางเป็นเจ้าของ และรัฐยังมีพื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่ได้รับการคุ้มครองและประกอบไปด้วยอนุสรณ์สถานแห่งชาติหลายแห่ง รวมถึงแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก 3 แห่ง
รัฐนิวเม็กซิโกถูกจัดอยู่ในกลุ่มรัฐที่มีความยากจน แม้ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจของรัฐมีการเติบโตขึ้นตามลำดับ โดยประชากรในนิวเม็กซิโกมีรายได้หลักมาจากหลายภาคส่วน เช่น การขุดเจาะน้ำมัน การขุดแร่ การทำฟาร์มบนที่แห้ง การเลี้ยงโค เกษตรกรรม การค้าไม้อย่างถูกกฎหมาย การค้าปลีก การทำห้องปฏิบัติการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การพัฒนาเทคโนโลยี และศิลปะ รวมถึงสิ่งทอและทัศนศิลป์ โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั้งหมด (จีดีพี) ใน ค.ศ. 2020 อยู่ที่ 95.73 พันล้านดอลลาร์ และมีจีดีพีต่อหัวอยู่ที่ 46,300 ดอลลาร์ นโยบายภาษีของรัฐมีลักษณะการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในระดับต่ำถึงปานกลางตามมาตรฐานรัฐบาลกลาง โดยมีเครดิตภาษี การยกเว้น และการพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับบุคลากรทางทหาร ต่อมา อุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในรัฐ นิวเม็กซิโกเป็นยังที่ตั้งของฐานทัพสำคัญของกองทัพสหรัฐบริเวณไวต์แซนดส์มิสไซล์เรนจ์ และหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติหลายแห่งได้เข้ามาตั้งฐานการวิจัยและทดสอบอาวุธในรัฐเช่นที่ซานดีอาและลอสแอละโมส ในคริสต์ทศวรรษ 1940 โครงการวายของโครงการแมนฮัตตันซึ่งผลิตระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกได้ทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกภายใต้รหัสนาม "ทรินิตี"
สำหรับที่มาของชื่อรัฐนิวเม็กซิโกนั้น ในอดีตดินแดนแห่งนี้เคยถูกสเปนปกครอง โดยคณะสำรวจและผู้ตั้งถิ่นฐานชาวสเปนได้เดินทางมาถึงบริเวณนี้ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และตั้งชื่ออาณาเขตว่า นูเอโบเมฆิโก ตามชื่อหุบเขาเม็กซิโก ก่อนที่เม็กซิโกจะได้รับเอกราชจากสเปนและใช้ชื่อประเทศดังปัจจุบัน ดังนั้นรัฐนี้จึงไม่ได้ตั้งชื่อตามประเทศเม็กซิโกอย่างที่หลายคนเข้าใจ นิวเม็กซิโกถูกแยกออกจากกันด้วยภูมิประเทศที่ขรุขระและปกครองโดยชนพื้นเมือง ภายหลังการได้รับเอกราชของเม็กซิโกใน ค.ศ. 1821 บริเวณนี้ได้กลายเป็นเขตปกครองตนเองของเม็กซิโก แม้ว่าจะยังคงถูกคุกคามอยู่เรื่อย ๆ จากนโยบายการรวมชาติของรัฐบาลเม็กซิโก ในเวลาเดียวกัน ภูมิภาคนี้ได้พึ่งพากิจกรรมทางเศรษฐกิจจากสหรัฐ และในช่วงท้ายของสงครามเม็กซิโก–สหรัฐใน ค.ศ. 1848 สหรัฐได้ผนวกนิวเม็กซิโกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนนิวเม็กซิโกที่มีขนาดใหญ่กว่า และถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการขยายตัวทางตะวันตกของสหรัฐและได้รับการยอมรับโดยสหภาพมาตราแห่งรัฐธรรมนูญของสหรัฐโดยถือเป็นรัฐที่ 47 อย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1912
ธงประจำรัฐนิวเม็กซิโกเป็นที่รู้จักมากที่สุดในสหรัฐ สะท้อนถึงต้นกำเนิดของรัฐจากการผสมผสานของวัฒนธรรมโดยมีสีแดงเข้มและสีทองของไม้กางเขนเบอร์กันดีของสเปน พร้อมด้วยสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์โบราณของกลุ่มชนปูเอโบล การบรรจบกันของอิทธิพลของชนพื้นเมือง สเปน เม็กซิโก ฮิสแปนิก และอเมริกันยังปรากฏชัดในวัฒนธรรมด้านอื่น ๆ เช่น อาหาร ดนตรี และสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของนิวเม็กซิโก นิวเม็กซิโกยังเป็นรัฐที่มีชาวลาตินอเมริกาอาศัยอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งมีการพูดภาษาสเปนอย่างแพร่หลาย
ใน ค.ศ. 1598 นิวเม็กซิโกในขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรสเปน ในช่วงที่สเปนต้องการแผ่ขยายอำนาจของจักรพรรดิ กลุ่มผู้ก่อตั้งรกรากจากสเปนได้ตั้งชื่อแผ่นดินนี้ว่า นูเอโบเมฆิโก (Nuevo México) โดยตั้งตามพื้นที่หุบเขาในเม็กซิโก ที่ชาวแอซเทกโบราณเรียกว่า หุบเขาเม็กซิโก ดังนั้น นิวเม็กซิโกจึงไม่ได้ตั้งชื่อตามประเทศเม็กซิโก
ในอดีต พลเมืองในนิวเม็กซิโกยุคแรกนั้นจึงมีเชื้อสายมาจากชาวสเปน พวกเขาได้ร่วมกัน "บูรณาการทางวัฒนธรรม" (Cultural integration) แต่ก็ต้องเจอปัญหาการรุกรานจากทหารเม็กซิโกที่พยายามยึดครองนิวเม็กซิโกให้เป็นอาณานิคมของเม็กซิโก จึงเกิดกลุ่มกองกำลัง "กบฏชิมาโย" ที่รุกขึ้นต่อต้าน สุดท้าย นิวเม็กซิโก ก็ได้รับการรวมเข้าเป็นรัฐที่ 47 ของสหรัฐใน ค.ศ. 1912 หลังจากแยกตัวออกจากประเทศเม็กซิโกได้สำเร็จ ใน ค.ศ. 1924 รัฐสภาสหรัฐก็รับร่างกฎหมายที่อนุญาตให้ชนพื้นเมืองอเมริกันสามารถขอสัญชาติเป็นชาวอเมริกัน และมีสิทธิ์มีเสียงในการลงคะแนนเลือกตั้งจนถึงปัจจุบัน
ภูมิประเทศของนิวเม็กซิโกส่วนใหญ่ประกอบด้วยที่ราบสูงและหุบเขาทอดยาวเหนือจรดใต้ โดยมีแม่น้ำรีโอแกรนด์ไหลผ่านจุดศูนย์กลางของรัฐ ระดับความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 4,700 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล
รัฐนิวเม็กซิโกมีชื่อเสียงมาช้านานในด้านสภาพอากาศที่อบอุ่นและเย็นสบาย โดยรวมแล้วอากาศจะมีลักษณะกึ่งแห้งแล้งถึงแห้งแล้ง โดยมีพื้นที่ภูมิอากาศแบบภาคพื้นทวีป ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั่วทั้งรัฐอยู่ที่ 12.9 นิ้ว (330 มม.) ต่อปี โดยปริมาณเฉลี่ยต่อเดือนจะพุ่งสูงสุดในฤดูร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ตอนกลางและตอนเหนือที่ขรุขระกว่าทางใต้ โดยทั่วไป ทางตะวันออกของรัฐจะมีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในหนึ่งปี ในขณะที่รัฐทางตะวันตกจะมีความแห้งแล้งมากที่สุด
อุณหภูมิต่อปีอาจอยู่ในช่วง 65 °F (18 °C) ทางตะวันออกเฉียงใต้ และอาจต่ำกว่า 40 °F (4 °C) ทางตอนเหนือ ในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิในตอนกลางวันมักจะเกิน 100 °F (38 °C) ที่ระดับความสูงต่ำกว่า 5,000 ฟุต (1,500 ม.) อุณหภูมิสูงเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคมอยู่ในช่วง 99 °F (37 °C) ในเดือนที่อากาศหนาวเย็นระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม หลายเมืองในนิวเม็กซิโกอาจมีอุณหภูมิต่ำสุดในตอนกลางคืน อุณหภูมิสูงสุดที่บันทึกไว้ในนิวเม็กซิโกคือ 122 °F (50 °C) ที่โรงงาน Waste Isolation Pilot Plant (WIPP) ใกล้หมู่บ้าน Loving เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 1994; อุณหภูมิต่ำสุดที่บันทึกไว้คือ -50 °F (-46 °C) ที่ Gavilan ย่าน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1951
จากการสำรวจสำมะโนประชากรใน ค.ศ. 2020 นิวเม็กซิโกมีประชากร 2,117,522 คน โดยเพิ่มขึ้น 2.8% จากจำนวน 2,059,179 คนใน ค.ศ. 2010 โดยถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในฝั่งตะวันตกของประเทศรองจากรัฐไวโอมิง และเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง ค.ศ. 2000 ถึง 2010 ประชากรของนิวเม็กซิโกเพิ่มขึ้น 11.7% จากจำนวน 1,819,046 คน รายงานจากสภานิติบัญญัติแห่งนิวเม็กซิโกระบุว่าการเติบโตที่ช้านั้นเป็นผลมาจากอัตราการย้ายถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 18 ปีหรืออายุน้อยกว่า และอัตราการเกิดลดลงถึง 19% อย่างไรก็ตาม การเติบโตของชุมชนฮิสแปนิกและชนพื้นเมืองอเมริกันยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี
มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรที่อาศัยในปัจจุบันเกิดในรัฐนี้ (51.4%) ในขณะที่ประชากรบางส่วนอพยพมาจากรัฐอื่น (37.9%) และประชากรจำนวน 1.1% เกิดในปวยร์โตรีโกหรือในต่างประเทศกับพ่อแม่ชาวอเมริกันอย่างน้อยหนึ่งคน และอีก 9.4% เป็นชาวต่างชาติจากทวีปอื่น และเกือบหนึ่งในสี่ของประชากร (22.7%) มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และค่าเฉลี่ยอายุของประชากรในรัฐที่ 38.4 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ 38.2 เล็กน้อย ชาวฮิสแปนิกและลาตินคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของผู้อยู่อาศัยทั้งหมด (49.3%) ทำให้นิวเม็กซิโกมีสัดส่วนเชื้อสายฮิสแปนิกสูงที่สุดในบรรดาห้าสิบรัฐ รวมถึงลูกหลานของชาวอาณานิคมสเปนที่ตั้งรกรากระหว่างศตวรรษที่ 16 และ 18 รวมทั้งผู้อพยพจากลาตินอเมริกา
จาก ค.ศ. 2000 ถึง 2010 จำนวนคนยากจนได้เพิ่มขึ้นเป็น 400,779 คนหรือประมาณหนึ่งในห้าของประชากรทั้งหมด และการสำรวจสำมะโนประชากร ค.ศ. 2020 ครั้งล่าสุดได้มีการบันทึกอัตราความยากจนที่ลดลงเล็กน้อยที่ 18.2%
นิวเม็กซิโกอยู่ในอันดับที่สามรองจากรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐเท็กซัสในแง่ของรัฐที่มีความหลากหลายทางภาษามากที่สุด จากการสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐใน ค.ศ. 2010 พบว่า 28.45% ของประชากรอายุ 5 ปีขึ้นไปพูดภาษาสเปนเป็นหลัก ในขณะที่ 3.50% พูดภาษานาวาโฮ ผู้พูดภาษาสเปนบางส่วนสืบเชื้อสายมาจากผู้ตั้งถิ่นฐานชาวสเปนก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 18 นอกจากภาษานาวาโฮซึ่งพูดในรัฐแอริโซนาแล้ว ในนิวเม็กซิโกยังมีคนกลุ่มเล็ก ๆ ใช้ภาษาอเมริกันพื้นเมืองอีกหลายภาษา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาเฉพาะถิ่นของรัฐและภาษาเม็กซิโกดั้งเดิม
เช่นเดียวกับรัฐอื่น ๆ ในสหรัฐ ประชากรในนิวเม็กซิโกส่วนมากเป็นคริสต์ศาสนิกชน และกว่าหนึ่งในสามนับถือนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ ตามข้อมูลของสมาคมคลังข้อมูลศาสนา (ARDA) นิกายที่ใหญ่ที่สุดคือโรมันคาทอลิก (สมาชิก 684,941 คน) และประชากรประมาณ 1 ใน 5 ในรัฐนิวเม็กซิโกไม่นับถือศาสนาใด ๆ ซึ่งรวมถึงผู้ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า
อาหารในรัฐนิวเม็กซิโกได้รับอิทธิพลมาจากความหลากหลายทางวัฒนธรรมของประเทศเม็กซิโกและสเปน และมีความแตกต่างจากอาหารประจำชาติทั่วไปในสหรัฐ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการผสมผสานของวัตถุดิบต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พริก และเครื่องเทศ ที่มีชื่อเสียงที่สุดได้แก่ พริกแห้ง ซึ่งมีรสชาติเผ็ดร้อนและมักปรากฏอยู่ในรายการอาหารชั้นนำต่าง ๆ ในร้านอาหารของรัฐนิวเม็กซิโก ตั้งแต่ร้านอาหารริมทางทั่วไปจนถึงภัตตาคารขนาดใหญ่
This article uses material from the Wikipedia ไทย article รัฐนิวเม็กซิโก, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.