มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อังกฤษ: Thammasat University; อักษรย่อ: มธ.
– TU) เป็นมหาวิทยาลัยแห่งที่สองของประเทศไทย ก่อตั้งในชื่อ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (อังกฤษ: The University of Moral and Political Sciences; อักษรย่อ: ม.ธ.ก. – UMPS) เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2477 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นตลาดวิชา เพื่อการศึกษาด้านกฎหมายและการเมือง สำหรับประชาชนทั่วไป ต่อมาใน พ.ศ. 2495 รัฐบาลเปลี่ยนเป็นชื่อปัจจุบัน นับเป็นมหาวิทยาลัยที่มีอายุเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย และมีประวัติศาสตร์ผูกพันกับพัฒนาการทางการเมือง และความเป็นไปของชาติ ตลอดจนเรื่องของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีผู้ประสาสน์การและอธิการบดีมาแล้ว 23 คน อธิการบดีคนปัจจุบันคือ รองศาสตราจารย์ เกศินี วิฑูรชาติ และนายกสภามหาวิทยาลัย คือ ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศ "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2558" ซึ่งได้มีผลให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีสภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐในอีก 30 วันต่อมา
ตราพระธรรมจักร สัญลักษณ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
ชื่อเดิม | มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง |
---|---|
ชื่อย่อ |
|
คติพจน์ | เป็นเลิศ เป็นธรรม ร่วมนำสังคม |
ประเภท | สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ |
สถาปนา | 27 มิถุนายน พ.ศ. 2477 (89 ปี 293 วัน) |
งบประมาณ | 17,444,989,498.60 บาท (พ.ศ. 2566) |
อธิการบดี | รศ.เกศินี วิฑูรชาติ |
นายกสภา | ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ |
อาจารย์ | 2,082 คน |
ผู้ศึกษา | 39,952 คน (ภาคการศึกษาที่ 2/2566) |
ปริญญาตรี | 34,701 คน |
บัณฑิตศึกษา | 5,251 คน |
ที่ตั้ง | มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เลขที่ 2 ถนนพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 |
วิทยาเขต | มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เลขที่ 99 หมู่ 18 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา เลขที่ 39/4 หมู่ 5 ถนนชลบุรี–ระยอง ตำบลโป่ง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 20150 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง เลขที่ 248 หมู่ 2 ถนนลำปาง–เชียงใหม่ ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง 52190 |
สี | |
เครือข่าย |
|
มาสคอต | ตึกโดม |
เว็บไซต์ | www |
มหาวิทยาลัยเป็นสมาชิกของเครือข่าย LAOTSE ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในเอเชียและยุโรป ตามกรอบความร่วมมืออาเซม รวมทั้งเป็นสมาชิกของเครือข่ายสถาบันการศึกษาและวิจัยในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMSARN) อีกด้วย
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดการศึกษาครอบคลุมทางด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์สุขภาพ ประกอบไปด้วย 19 คณะ 4 วิทยาลัย 1 สถาบัน 1 สำนักวิชา จำนวนหลักสูตรทุกระดับจำนวนทั้งสิ้น 297 หลักสูตร เป็นระดับปริญญาตรี 139 หลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิต 6 หลักสูตร ปริญญาตรีควบปริญญาโท 4 หลักสูตร ปริญญาโท 118 หลักสูตร และปริญญาเอก 34 หลักสูตร จัดการศึกษาทั้งภาคกลางวันและภาคค่ำ (ข้อมูล พ.ศ. 2557–2558) นอกจากนี้ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ จาก กระทรวงศึกษาธิการ ในปี พ.ศ. 2552 อีกด้วย
คณะราษฎรก่อการปฏิวัติสยาม เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ในคำประกาศของคณะราษฎร ระบุว่า การที่ราษฎรยังถูกดูหมิ่นว่ายังโง่อยู่ ไม่พร้อมกับระบอบประชาธิปไตยนั้น "เป็นเพราะขาดการศึกษา ที่พวกเจ้าปกปิดไว้ไม่ให้เรียนเต็มที่" เป็นผลให้ในหลัก 6 ประการของคณะราษฎร ประการที่ 6 ระบุว่า "จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร" สถาบันศึกษาแบบใหม่ ที่เปิดกว้างให้ประชาชนชาวสยาม ได้รับการศึกษาชั้นสูง โดยเฉพาะที่จะรองรับการปกครองบ้านเมืองที่เปลี่ยนไป จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีควบคู่ไปกับการปฏิวัติ
ด้วยเหตุนี้ จึงมีการตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พุทธศักราช 2476 ขึ้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ปีเดียวกัน โดยมีใจความสำคัญว่า
มาตรา 4 ให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมหาวิทยาลัยหนึ่ง เรียกว่า 'มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง' มีหน้าที่จัดการศึกษาวิชากฎหมาย วิชาการเมือง วิชาเศรษฐการ และบรรดาวิชาอื่น ๆ อันเกี่ยวกับธรรมศาสตร์และการเมือง มาตรา 5 ให้โอนคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตลอดจนทรัพย์สินและงบประมาณของคณะเหล่านั้น มาขึ้นต่อมหาวิทยาลัยนี้ ก่อนวันที่ 1 เมษายน พุทธศักราช 2477
จากนั้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2477 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จในพิธีเปิดมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ณ ที่ตั้งเดิมของโรงเรียนกฎหมาย ริมถนนราชดำเนิน เชิงสะพานผ่านพิภพลีลา
ปรีดี พนมยงค์มีบทบาทเป็นผู้ร่างโครงการ หาที่ตั้ง และวางหลักสูตรของมหาวิทยาลัย: 126 และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ประศาสน์การคนแรกและคนเดียวของมหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2477–2490) โดยตั้งใจให้เป็นมหาวิทยาลัยตลาดวิชา อุปมามหาวิทยาลัยเป็นเสมือนบ่อน้ำที่บำบัดความกระหายให้แก่ราษฎร ให้ราษฎรมีความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษา เงินทุนของมหาวิทยาลัยอาศัยเงินค่าสมัครเข้าเรียนของนักศึกษาและดอกผลของธนาคารแห่งเอเชียเพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมซึ่งปรีดีเป็นผู้ก่อตั้ง โดยให้มหาวิทยาลัยถือหุ้นถึง 80% นอกจากนี้ปรีดียังได้ยกกิจการโรงพิมพ์นิติสาส์นของตนให้มหาวิทยาลัยเพื่อพิมพ์ตำราก
ในช่วงเวลา 2 ปีแรก (พ.ศ. 2477–2479) การเรียนการสอนของ ม.ธ.ก. ยังคงดำเนินอยู่ที่ตึกโรงเรียนกฎหมายเดิม ที่เชิงสะพานผ่านฟ้าภิภพลีลา ต่อมาเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2478 ม.ธ.ก.ขอซื้อที่ดินบริเวณท่าพระจันทร์ ซึ่งเดิมเป็นที่ของทหาร และปรับปรุงอาคารเดิม พร้อมทั้งสร้างตึกโดม และเมื่อ พ.ศ. 2481 ม.ธ.ก. ก่อตั้งโรงเรียนเตรียมปริญญา มีหลักสูตร 2 ปี เพื่อรับผู้ประสงค์จะเข้าเรียนต่อที่ ม.ธ.ก.โดยตรง โรงเรียนเตรียมปริญญา มีหลักสูตรการสอน หนักไปทางภาษา ทั้งภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และวิชาทางสังคม เช่น ปรัชญา วิชาเทคโนโลยี ดนตรี พิมพ์ดีด และชวเลข เป็นต้น แต่ยกเลิกไปใน พ.ศ. 2490
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 คณะรัฐประหารเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ ทำให้มหาวิทยาลัยได้รับผลกระทบโดยตรง ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ผู้ประศาสน์การ ต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ รัฐบาลนำคำว่า "การเมือง" ออกจากชื่อมหาวิทยาลัย เหลือเพียง "มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" พร้อมทั้งยกเลิกตำแหน่งผู้ประศาสน์การ โดยใช้ชื่อตำแหน่งว่าอธิการบดีแทน หลักสูตรการศึกษาธรรมศาสตรบัณฑิต เปลี่ยนแปลงเป็นคณะนิติศาสตร์, พาณิชยศาสตร์และการบัญชี, รัฐศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ ความเป็นตลาดวิชาหมดไปตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2495 ภายหลังจากที่ปรีดีต้องลี้ภัยทางการเมือง รัฐบาลได้เปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัย โดยตัดคำว่า "วิชา" และ "การเมือง" ออก เหลือเพียงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อไม่ให้นักศึกษายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทั้งยังขายหุ้นทั้งหมดของมหาวิทยาลัย จนไม่มีความสามารถที่จะเลี้ยงตัวเองได้ กลายเป็นมหาวิทยาลัยปิดที่ต้องอาศัยงบประมาณจากรัฐบาล
พ.ศ. 2518 ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อธิการบดีในขณะนั้น เห็นควรขยายการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ในระดับปริญญาบัณฑิตเพิ่มขึ้น พื้นที่เดิมบริเวณท่าพระจันทร์ ไม่เพียงพอต่อการขยายตัวทางวิชาการ และการพัฒนา มหาวิทยาลัยจึงเจรจาขอแลกเปลี่ยนที่ดิน กับบริเวณนิคมอุตสาหกรรมของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการขยายตัวของมหาวิทยาลัย เรียกว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นอกจากนี้ ยังขยายไปที่ศูนย์ลำปาง และศูนย์พัทยาด้วย
ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังคงดำเนินการเรียนการสอน และมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง โดยหลักสูตรปริญญาตรีภาคปกติทั้งหมด และหลักสูตรบัณฑิตศึกษากลุ่มวิทยาศาสตร์ จัดการเรียนการสอนที่ศูนย์รังสิต และหลักสูตรบัณฑิตศึกษากลุ่มสังคมศาสตร์ โครงการนานาชาติ และโครงการพิเศษ จัดการเรียนการสอนที่ท่าพระจันทร์
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 มีประกาศพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2558 ส่งผลทำให้มหาวิทยาลัยเปลี่ยนรูปแบบการบริหารงานเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
จนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จพระราชดำเนินพร้อมสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ มาทรงดนตรี ณ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และทรงบรรเลงทำนองเพลงที่จะพระราชทานให้เป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัยด้วย โดยเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ ลำดับที่ 36 มีนายจำนงราชกิจ (จรัล บุณยรัตพันธุ์) เป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้อง และยกร่างโดยหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
อนึ่ง ประชาคมธรรมศาสตร์มักเรียกเพลงพระราชนิพนธ์ธรรมศาสตร์ และต้นหางนกยูงฝรั่งว่า ยูงทอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเชื่อมโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชกรณียกิจโดยตรง รวมทั้งพิธีพระราชทานปริญญาบัตรด้วย
สัญลักษณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็คือ ตึกโดม คำว่า "ลูกแม่โดม" หมายถึง นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นับแต่สถาปนา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีนายกสภามหาวิทยาลัยดังนี้
นายกสภามหาวิทยาลัย | |||
---|---|---|---|
ที่ | ชื่อ | การอยู่ในตำแหน่ง | |
เริ่ม | สิ้นสุด | ||
1 | พระสารสาสน์ประพันธ์ (ชื้น จารุวัสตร์) | พ.ศ. 2477 | พ.ศ. 2480 |
2 | นาวาเอก หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน) | พ.ศ. 2480 | พ.ศ. 2485 |
3 | พันเอก ประยูร ภมรมนตรี | พ.ศ. 2485 | พ.ศ. 2487 |
4 | ทวี บุณยเกตุ | พ.ศ. 2487 | พ.ศ. 2488 |
5 | พระตีรณสารวิศวกรรม (ตรี ตีรณสาร) | พ.ศ. 2488 | พ.ศ. 2489 |
6 | ศาสตราจารย์ เดือน บุนนาค | พ.ศ. 2489 | พ.ศ. 2490 |
7 | นาวาเอก พระยาศราภัยพิพัฒ (เลื่อน ศราภัยวานิช) | พ.ศ. 2490 | พ.ศ. 2491 |
8 | หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช | 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 | 7 เมษายน พ.ศ. 2491 |
9 | พลเอก มังกร พรหมโยธี | พ.ศ. 2491 | พ.ศ. 2492 |
พ.ศ. 2494 | พ.ศ. 2500 | ||
10 | พลตรี สวัสดิ์ สวัสดิ์รณชัย สวัสดิเกียรติ | พ.ศ. 2492 | พ.ศ. 2494 |
11 | พลอากาศโท มุนี มหาสันทนะ เวชยันตรังสฤษฏ์ | 21 มิถุนายน พ.ศ. 2500 | 16 กันยายน พ.ศ. 2500 |
12 | หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล | พ.ศ. 2500 | พ.ศ. 2512 |
13 | ศาสตราจารย์ สุกิจ นิมมานเหมินท์ | พ.ศ. 2512 | พ.ศ. 2514 |
14 | พระยาอรรถการีย์นิพนธ์ (สิทธิ จุณณานนท์) | พ.ศ. 2515 | พ.ศ. 2516 |
15 | ศาสตราจารย์ ประกอบ หุตะสิงห์ | พ.ศ. 2516 | พ.ศ. 2525 |
16 | ศาสตราจารย์ ประภาศน์ อวยชัย | พ.ศ. 2525 | พ.ศ. 2536 |
17 | ศาสตราจารย์ คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรี | พ.ศ. 2536 | พ.ศ. 2543 |
18 | อนันต์ อนันตกูล | 12 เมษายน พ.ศ. 2543 | กันยายน พ.ศ. 2543 |
19 | ศาสตราจารย์ พนัส สิมะเสถียร | พ.ศ. 2543 | พ.ศ. 2545 |
พ.ศ. 2545 | พ.ศ. 2548 | ||
20 | สุเมธ ตันติเวชกุล | พ.ศ. 2548 | พ.ศ. 2554 |
21 | ศาสตราจารย์ นรนิติ เศรษฐบุตร | พ.ศ. 2554 | พ.ศ. 2565 |
22 | ศาสตราจารย์ สุรพล นิติไกรพจน์ | พ.ศ. 2565 |
นับแต่สถาปนา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีผู้ประศาสน์การและอธิการบดีดังนี้
ที่ | ชื่อ | การอยู่ในตำแหน่ง | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เริ่ม | สิ้นสุด | ||||||||||||||||||||||||||||
ผู้ประศาสน์การ | |||||||||||||||||||||||||||||
1 | ศาสตราจารย์ ปรีดี พนมยงค์ | 11 เมษายน พ.ศ. 2477 | 18 มีนาคม พ.ศ. 2489 | ||||||||||||||||||||||||||
2 | ศาสตราจารย์ เดือน บุนนาค | 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 | 12 สิงหาคม พ.ศ. 2493 | ||||||||||||||||||||||||||
3 | พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ | กันยายน พ.ศ. 2493 | 5 เมษายน พ.ศ. 2494 | ||||||||||||||||||||||||||
4 | พลโท สวัสดิ์ สวัสดิ์รณชัย สวัสดิเกียรติ | 8 เมษายน พ.ศ. 2494 | 18 มีนาคม พ.ศ. 2495 | ||||||||||||||||||||||||||
อธิการบดี | |||||||||||||||||||||||||||||
5 | จอมพล แปลก พิบูลสงคราม | 19 มีนาคม พ.ศ. 2495 | 26 กันยายน พ.ศ. 2500 | ||||||||||||||||||||||||||
6 | ศาสตราจารย์ ทวี แรงขำ | 27 กันยายน พ.ศ. 2500 | 21 ตุลาคม พ.ศ. 2500 | ||||||||||||||||||||||||||
7 | ศาสตราจารย์ หลวงจำรูญเนติศาสตร์ (จำรูญ โปษยานนท์) | 22 ตุลาคม พ.ศ. 2500 | 23 ธันวาคม พ.ศ. 2500 | ||||||||||||||||||||||||||
24 ธันวาคม พ.ศ. 2500 | 22 ธันวาคม พ.ศ. 2502 | ||||||||||||||||||||||||||||
23 ธันวาคม พ.ศ. 2502 | 7 มกราคม พ.ศ. 2503 | ||||||||||||||||||||||||||||
8 | พลเอก ถนอม กิตติขจร | 8 มกราคม พ.ศ. 2503 | 18 ธันวาคม พ.ศ. 2506 | ||||||||||||||||||||||||||
9 | ศาสตราจารย์ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ | 19 ธันวาคม พ.ศ. 2506 | 31 มีนาคม พ.ศ. 2514 | ||||||||||||||||||||||||||
10 | ศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ | 1 ธันวาคม พ.ศ. 2513 | 31 มีนาคม พ.ศ. 2514 | ||||||||||||||||||||||||||
1 เมษายน พ.ศ. 2514 | 16 ตุลาคม พ.ศ. 2516 | ||||||||||||||||||||||||||||
11 | ศาสตราจารย์ อดุล วิเชียรเจริญ | 18 ตุลาคม พ.ศ. 2516 | 28 กันยายน พ.ศ. 2517 | ||||||||||||||||||||||||||
12 | ศาสตราจารย์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ | 30 มกราคม พ.ศ. 2518 | 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 | ||||||||||||||||||||||||||
13 | ศาสตราจารย์ คุณหญิง นงเยาว์ ชัยเสรี | 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 | 20 ตุลาคม พ.ศ. 2519 | ||||||||||||||||||||||||||
10 มกราคม พ.ศ. 2525 | 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 | ||||||||||||||||||||||||||||
25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 | 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 | ||||||||||||||||||||||||||||
14 | ศาสตราจารย์พิเศษ ปรีดี เกษมทรัพย์ | 21 ตุลาคม พ.ศ. 2519 | 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 | ||||||||||||||||||||||||||
15 | ศาสตราจารย์ วิจิตร ศรีสอ้าน | 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 | 12 ธันวาคม พ.ศ. 2520 | ||||||||||||||||||||||||||
16 | ศาสตราจารย์ ประภาศน์ อวยชัย | 13 ธันวาคม พ.ศ. 2520 | 16 มกราคม พ.ศ. 2521 | ||||||||||||||||||||||||||
17 มกราคม พ.ศ. 2521 | 9 มกราคม พ.ศ. 2525 | ||||||||||||||||||||||||||||
17 | ศาสตราจารย์ เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม | 1 มิถุนายน พ.ศ. 2531 | 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 | ||||||||||||||||||||||||||
18 | ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร | 1 มิถุนายน พ.ศ. 2534 | 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 | ||||||||||||||||||||||||||
19 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 | 19 สิงหาคม พ.ศ. 2541 | ||||||||||||||||||||||||||||
19 | ศาสตราจารย์พิเศษ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ | 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 | 9 มีนาคม พ.ศ. 2538 | ||||||||||||||||||||||||||
20 | ศาสตราจารย์ พนัส สิมะเสถียร | 10 มีนาคม พ.ศ. 2538 | 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 | ||||||||||||||||||||||||||
21 | รองศาสตราจารย์ นริศ ชัยสูตร | 20 สิงหาคม พ.ศ. 2541 | 25 ตุลาคม พ.ศ. 2547 | ||||||||||||||||||||||||||
22 | ศาสตราจารย์ สุรพล นิติไกรพจน์ | 26 ตุลาคม พ.ศ. 2547 | 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553 | ||||||||||||||||||||||||||
23 | ศาสตราจารย์ สมคิด เลิศไพฑูรย์ | 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553 | 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 | ||||||||||||||||||||||||||
24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 | 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 | ||||||||||||||||||||||||||||
24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 | 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560 | ||||||||||||||||||||||||||||
24 | รองศาสตราจารย์ เกศินี วิฑูรชาติ | ||||||||||||||||||||||||||||
1 มกราคม พ.ศ. 2561 | 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 | ||||||||||||||||||||||||||||
27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 | 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 | ||||||||||||||||||||||||||||
27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 | 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 | ||||||||||||||||||||||||||||
25 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 | |||||||||||||||||||||||||||||
หมายเหตุ: = รักษาการแทนผู้ประศาสน์การหรืออธิการบดี |
แต่เดิมเมื่อเริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองนั้น ในระดับปริญญาตรีมีเปิดสอนเพียงหลักสูตรเดียวคือ "ธรรมศาสตร์บัณฑิต" (ธ.บ.) ซึ่งเน้นวิชากฎหมาย รวมถึงกฎหมายที่เป็นเรื่องใหม่ในขณะนั้นคือกฎหมายรัฐธรรมนูญ และมีวิชารัฐศาสตร์และวิชาเศรษฐศาสตร์แทรกอยู่ด้วย ส่วนในระดับปริญญาโทนั้นมีแยกสามแขนงคือ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และต่อมาได้มีหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงทางการบัญชีซึ่งเทียบเท่าปริญญาโท และในระดับระดับปริญญาเอกมีสี่แขนงคือ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และการทูต แต่ใน พ.ศ. 2492 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หลักสูตรธรรมศาสตร์บัณฑิตก็ได้ถูกยกเลิกไป และเปลี่ยนเป็นหลักสูตรปริญญาตรีเฉพาะทางในสาขาต่าง ๆ แทน ตาม "ข้อบังคับเพิ่มเติมว่าด้วยการแบ่งแยกการศึกษาเป็น 4 คณะ ได้แก่ คณะนิติศาสตร์ คณะพานิชยศาสตร์และการบัญชี คณะรัฐศาสตร์ และคณะเศรษฐศาสตร์ และกำหนดสมัยการศึกษาและการสอบไล่ พ.ศ. 2492"
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดการศึกษาครอบคลุมทางด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์สุขภาพ ประกอบไปด้วย 19 คณะ 4 วิทยาลัย 1 สถาบัน 1 สำนักวิชา จำนวนหลักสูตรทุกระดับจำนวนทั้งสิ้น 256 หลักสูตร เป็นระดับปริญญาตรี 111 หลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิต 8 หลักสูตร ปริญญาตรีควบปริญญาโท 4 หลักสูตร ปริญญาโท 99 หลักสูตร และปริญญาเอก 34 หลักสูตร จัดการศึกษาทั้งภาคกลางวันและภาคค่ำ (ข้อมูล พ.ศ. 2550)
นอกจากนี้ยังมีหลายหน่วยงานที่จัดหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับนักศึกษา อาทิ สถาบันภาษา, กองกิจการนักศึกษา เป็นต้น
นอกจาก วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นวิทยาลัยนานาชาติของมหาวิทยาลัยแล้ว คณะต่าง ๆ ได้จัดหลักสูตรการเรียนการสอนนานาชาติสำหรับนักศึกษาทั้งชาวไทยและต่างประเทศหลายหลักสูตรด้วยกัน โดยคณะที่เปิดหลักสูตรในลักษณะดังกล่าว ได้แก่ คณะนิติศาสตร์, คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี, คณะรัฐศาสตร์, คณะเศรษฐศาสตร์, คณะศิลปศาสตร์, คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน, คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, คณะวิศวกรรมศาสตร์, คณะสถาปัตยกรรมและการผังเมือง, สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร, คณะสาธารณสุขศาสตร์, วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ และวิทยาลัยสหวิทยาการ
หน่วยงานอื่น
| หน่วยงานบริการวิชาการ
|
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีหน่วยงานวิจัยในศาสตร์สาขาต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
|
|
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังมีหน่วยงานอื่น ๆ ที่สนับสนุนหน่วยงานวิจัย ได้แก่
|
|
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ ใน พ.ศ. 2553 โดยโครงการพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติและส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล มีระยะเวลา 3 ปีงบประมาณ (พ.ศ. 2553–2555) อยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. 2555 (โครงการ SP2) ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาศักยภาพด้านการทำวิจัยของมหาวิทยาลัยไทย ส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และรองรับแผนพัฒนาประเทศเป็นศูนย์กลางการศึกษา (Education Hub) ของภูมิภาค ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาตินั้นมีปัจจัยสำคัญมาจากการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ มีต้นทุนทางบุคลากรสูง เพราะฉะนั้นจึงมุ่งใช้ศักยภาพของบุคลากรในเรื่องที่เป็นประโยชน์ เช่น ในเรื่องของการวิจัย โดยส่งเสริมให้สร้างผลงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ตอบสนองต่อสังคม และมีผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ในระดับนานาชาติมากขึ้น ให้ความสำคัญกับการทำวิจัยให้เป็นพื้นฐานให้แก่การเรียนการสอนระดับปริญญาตรี รวมถึงการผลิตทรัพยากรบุคคลในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรีในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีการใช้นวัตกรรมที่เกิดจากความมีอิสระทางความคิด ตลอดจนมีอิสระในการบริหารจัดการภายใน และมีศักยภาพของสถาบันอุดมศึกษาที่จะสามารถวางทิศทางได้ จึงมีเอกลักษณ์ความเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติได้อย่างชัดเจน
อันดับมหาวิทยาลัย | |
---|---|
อันดับในประเทศ (อันดับนานาชาติ) | |
สถาบันที่จัด | อันดับ |
Nature Index (2016) | 26 (–) |
QS (Asia) (2016) | 3 (101) |
QS (World) (2018) | 4 (601–650) |
SIR (2016) | 20 (634) |
URAP (2015) | 9 (1370) |
ใน พ.ศ. 2549 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้จัดอันดับมหาวิทยาลัยของประเทศไทยใน "โครงการฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทย"โดยในภาพรวมผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยกลุ่มดัชนีชี้วัดด้านการวิจัยและกลุ่มดัชนีชี้วัดตามด้านการเรียนการสอน ซึ่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 6 ในด้านการเรียนการสอนของประเทศไทย และเป็นอันดับ 8 ในด้านการวิจัยของประเทศไทย
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ประเมินคุณภาพผลงานวิจัยเชิงวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบันอุดมศึกษา ผลปรากฏว่าในการการประเมินครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2553) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับการประเมินในระดับดีมากในภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล, ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีโยธา, ภาควิชาวิศวกรรมระบบการผลิต, และภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ และการสื่อสาร และในการประเมินครั้งที่ 3 (พ.ศ. 2554) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับการประเมินในระดับดีมากในสาขาวิชาวิศวกรรมและเทคโนโลยีโยธา, สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกลและระบบการผลิต, สาขาวิชาเทคโนโลยีการสื่อสาร, สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ และโครงการบัณฑิตศึกษา สาขาชีวเวชศาสตร์ คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นอกจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดยหน่วยงานในประเทศไทยแล้ว ยังมีหน่วยงานจัดอันดับมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศอีกหลายหน่วยงาน ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีเกณฑ์การจัดอันดับและการให้คะแนนที่แตกต่างกัน ได้แก่
Nature Index ซึ่งจัดโดยวารสารในเครือ Nature Publishing Group ซึ่งเป็นวารสารทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงชั้นนำของโลก โดยการนับจำนวนบทความที่ตีพิมพ์ต่อปีในวารสารที่ในเครือ Nature Publishing Group สำหรับปี ค.ศ. 2016 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 26 ของประเทศไทย
แควกเควเรลลี ไซมอนด์ส หรือ QS จัดอันดับมหาวิทยาลัยในสองส่วน คือ การจัดอันดับเป็นระดับโลก (QS World University Rankings) และระดับทวีปเอเชีย (QS University Rankings: Asia) มีระเบียบวิธีจัดอันดับ ดังนี้
QS Asia
โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับการจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 3 ของประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 101 ของเอเชีย
QS World
โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับการจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 4 ของประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 601–650 ของโลก
น้ำหนักการชี้วัด การแบ่งคะแนนจะต่างกันในแต่ละสาขาวิชา เช่น ทางด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นสาขาที่มีอัตราการเผยแพร่งานวิจัยสูง การวัดการอ้างอิงและ h–index ก็จะคิดเป็น 25 เปอร์เซนต์ สำหรับแต่ละมหาวิทยาลัย ในทางกลับกันสาขาที่มีการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการที่น้อยกว่า เช่น สาขาประวัติศาสตร์ จะคิดเป็นร้อยละที่ต่ำกว่าคือ 15 เปอร์เซนต์ จากคะแนนทั้งหมด ในขณะเดียวกันสาขาศิลปะและการออกแบบ ซึ่งมีผลงานตีพิมพ์น้อยก็จะใช้วิธีการวัดจากผู้ว่าจ้างและการสำรวจด้านวิชาการ
อันดับมหาวิทยาลัยโดย SCImago Institutions Ranking หรือ SIR ซึ่งเป็นการจัดอันดับสถาบันที่มีผลงานวิจัยในระดับนานาชาติ ซึ่งจะไม่ใด้นับเฉพาะมหาวิทยาลัย แต่จะนับสถาบันเฉพาะทางด้วย เช่น สถาบันเทคโนโลยี วิทยาลัย โรงพยาบาล ในปี พ.ศ. 2559 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 634 ของโลก และเป็นอันดับ 20 ของประเทศไทย
อันดับที่จัดโดย University Ranking by Academic Performance หรือ URAP ปี พ.ศ. 2558 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 9 ของประเทศไทย และอันดับ 1370 ของโลก โดยมีพื้นฐานทางด้านวิชาการตรงตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คุณภาพและปริมาณของบทความตีพิมพ์ทางวิชาการ บทความวิจัย การเผยแพร่ และการอ้างอิง
อันดับมหาวิทยาลัย | |
---|---|
อันดับในประเทศ (อันดับนานาชาติ) | |
สถาบันที่จัด | อันดับ |
QS GER (2018) | 2 (301–500) |
UI Green (Overall) (2015) | 6 (73) |
Webometrics (2016) | 8 (899) |
4 International Colleges & Universities (2017) | 10 (1166) |
เป็นการจัดอันดับคุณภาพการจ้างงานของบัณฑิต โดยพิจารณาจาก ชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของผู้จ้างงาน ผลผลิตของบัณฑิต อัตราการจ้างงานบัณฑิต เป็นต้น มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 2 ในประเทศไทยและอยู่ในช่วงอันดับ 301–500 ของโลก
เป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยสีเขียวที่จัดโดยมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อสนับสนุนการเป็นมหาวิทยาลัยยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวอันดับ 8 ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 73 ของโลก
การจัดอันดับมหาวิทยาลัยของเว็บโอเมตริกซ์ ประจำปี พ.ศ. 2559 จัดทำขึ้นเพื่อแสดงความตั้งใจของสถาบันต่าง ๆ ในการเผยแพร่ความรู้สู่เว็บ และเป็นความริเริ่มเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงความรู้อย่างเปิดกว้าง (Open Access) ทั่วโลก อันดับ Webometrics จะบอกถึงปริมาณและคุณภาพของสิ่งตีพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ในเว็บไซต์ของสถาบัน โดยพิจารณาจากจำนวน Link ที่เชื่อมโยงเข้าสู่เว็บนั้น ๆ จากเว็บภายนอกโดยวัดจากการสืบค้นด้วยSearch Engine และนับจำนวนเอกสารตีพิมพ์ออนไลน์ในกลุ่มของไฟล์ .pdf .ps .ppt และ .doc และจำนวนเอกสารที่มีการอ้างอิง (Citation) แบบออนไลน์ผ่านกูเกิลสกอลาร์ (Google Scholar) โดยจะจัดอันดับปีละ 2 ครั้ง ได้แก่ เดือนมกราคม และ เดือนกรกฎาคม โดยล่าสุดการจัดอันดับรอบที่ 2 ประจำปี พ.ศ. 2559 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 8 ของประเทศไทย และอยู่ในอันดับที่ 899 ของโลก
การจัดอันดับของ 4 International Colleges & Universities หรือ 4ICU เป็นการจัดอันดับความนิยมของเว็บไซต์มหาวิทยาลัย ในปี ค.ศ. 2016 ได้รับการจัดอันดับความนิยมเว็บไซต์เป็นอันดับที่ 11 ของประเทศไทย และอยู่ในอันดับที่ 1166 ของโลก
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีศูนย์กลางบริหารอยู่ที่ท่าพระจันทร์ กรุงเทพมหานคร และมีศูนย์ในภูมิภาคอีก 3 ศูนย์
ตั้งอยู่เลขที่ 2 ถนนพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณท่าพระจันทร์ ในเกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร ในเริ่มแรกแห่งการสถาปนา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้จัดการเรียนการสอนที่ตึกโรงเรียนกฎหมายเดิม (เพราะบุคลากรตลอดจนทรัพย์สินของโรงเรียนกฎหมายไม่ได้เปลี่ยนแปลง หลังจากรอการสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัย จึงโอนมาเป็นของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทั้งหมด) เป็นเวลา 2 ปี แล้วจึงซื้อที่ดินจากกรมทหารซึ่งเป็นคลังแสงเดิม แล้วจึงย้ายมาอยู่บริเวณท่าพระจันทร์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาและสนามหลวง มีเนื้อที่ 49 ไร่ เป็นศูนย์แรกของมหาวิทยาลัยตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เดิมบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของวังหน้า (พระราชวังบวรสถานมงคล)
ท่าพระจันทร์แห่งนี้ เมื่อ พ.ศ. 2519 เป็นสถานที่ที่นักศึกษาและประชาชนได้มาชุมนุมประท้วงกัน กรณีจอมพล ประภาส จารุเสถียร และจอมพล ถนอม กิตติขจร เดินทางกลับมาประเทศไทย (หลังลี้ภัยออกนอกประเทศไปเมื่อสิ้นสุดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516) และนำไปสู่เหตุการณ์ล้อมปราบนักศึกษาและประชาชน เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 300 คน
เช้าตรู่วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ลานโพเป็นสถานที่เริ่มต้นของการชุมนุมเคลื่อนไหวของนักศึกษา เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวกลุ่มผู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญ 13 คน ซึ่งถูกรัฐบาลจับกุม ต่อมามีผู้เข้าร่วมสนับสนุนการชุมนุมเพิ่มมากขึ้น จนต้องย้ายไปชุมนุมที่สนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ จำนวนผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นจนมีจำนวนหลายแสนคน ก่อนเคลื่อนขบวนออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในเวลาเที่ยงตรงของวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2516 และกลายเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม
ลานโพ ยังมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม เมื่อ พ.ศ. 2519 คือ เป็นสถานที่แสดงละครล้อการเมืองของนักศึกษาในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่หนังสือพิมพ์ดาวสยามประโคมข่าวว่านักศึกษาแสดงละครหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จนกระทั่งมีการชุมนุมของลูกเสือชาวบ้านและกลุ่มพลังต่าง ๆ จนนำไปสู่การใช้ความรุนแรง ล้อมปราบสังหารนักศึกษา และประชาชน
ลานปรีดี และอนุสรณ์สถานปรีดี พนมยงค์ เป็นอนุสรณ์แห่งแรกที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโส ผู้นำขนวนการเสรีไทย และผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง
ตำแหน่งพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หากจะกล่าวเฉพาะในสมัยรัตนโกสินทร์แล้ว วังหน้าเป็นที่ประทับของพระมหาอุปราช เนื่องจากในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อมีการสร้างพระราชวังหลวง ใน พ.ศ. 2325 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ได้ทรงสร้างวังหน้าขึ้นพร้อมกันทางด้านทิศเหนือของพระราชวังหลวง และอยู่ชิดกับฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้สร้างอาคารอเนกประสงค์ 2 ขึ้น จึงมีการขุดพื้นดินต่าง ๆ และจัดแสดงรูปร่างของกำแพงวังหน้าให้นักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้ชื่นชมว่ากาลครั้งหนึ่งพื้นที่บริเวณนี้เป็นสถานที่ตั้งของวังหน้า
อนึ่ง นักศึกษาและศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จำนวนหนึ่งมีความเชื่อว่าการที่สถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัย คือ วังหน้า มีความหมายว่า สถานที่แห่งนี้มีจิตวิญญาณของการช่วยเหลือสถาบันทางอำนาจและในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ถ่วงดุลและตรวจสอบการใช้อำนาจของผู้นำสูงสุดตลอดมา
กำแพงเก่า คือ กำแพงด้านถนนพระจันทร์ ซึ่งเป็นกำแพงก่ออิฐถือปูนที่ชาวธรรมศาสตร์เรียกกันว่า "กำแพงชรา" คือ กำแพงของพระราชวังบวรสถานมงคล ที่เหลืออยู่ แต่เดิมกำแพงชราจะมีทั้งด้านถนนพระจันทร์และด้านถนนพระธาตุ–สนามหลวง โดยมีประตูป้อมตรงหัวมุมถนนท่าพระจันทร์–หน้าพระธาตุ เชื่อมกำแพงทั้งสองด้านและเป็นประตูสำหรับการเข้าออก ต่อมาในสมัยที่ จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นอธิการบดี กำแพงและประตูป้อมด้านถนนพระธาตุ–สนามหลวงได้ถูกรื้อลงเพื่อก่อสร้างหอประชุมใหญ่
ใน พ.ศ. 2527 ได้มีการจัดสร้างประตูป้อมขึ้นมาใหม่อีกครั้งเพื่อเฉลิมฉลองการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีอายุครบรอบ 50 ปี ในการก่อสร้างประตูป้อมในครั้งนั้น ได้มีการขุดค้นพบปืนใหญ่ของวังหน้าจำนวน 9 กระบอก ที่ฝังอยู่ใต้ดิน โดยเป็นปืนใหญ่รุ่นโบราณผลิตจากประเทศอังกฤษ ที่ต้องใส่ดินปืน และลูกปืนจากทางด้านหน้าทาง โดยปัจจุบันมหาวิทยาลัยได้นำขึ้นมาบูรณะแล้วจัดตั้งแสดงไว้ที่ริมรั้วหน้าหอประชุมใหญ่ด้านสนามหลวง
หอประชุมใหญ่ใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของทางมหาวิทยาลัยและนักศึกษาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับพิธีไหว้ครู พิธีพระราชทานปริญญาบัตร และที่สำคัญได้แก่การจัดกิจกรรมทางการเมืองโดยเฉพาะในช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 หอประชุมใหญ่กลายเป็นสถานที่ที่มีการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ สภาพการเมืองและสังคม ผ่านการอภิปรายและการจัดนิทรรศการต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเป็นเสมือนด่านหน้าในการป้องกันการโจมตี จากกลุ่มอันธพาลการเมือง และการล้อมปราบนิสิตนักศึกษา และประชาชน ในเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519
แต่เดิมท่าพระจันทร์นี้ เป็นสถานที่จัดการเรียนการสอนสำหรับกลุ่มวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ในระดับปริญญาตรีด้วย แต่ในปัจจุบันหลักสูตรทั้งหมดดังกล่าวได้ขยายไปอยู่ที่ศูนย์รังสิตแล้วตามนโยบายมหาวิทยาลัย เหลือเพียงหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา หลักสูตรควบปริญญาตรี–โท และปริญญาตรีโครงการพิเศษ
ในช่วงของการพิจารณาขยายการเรียนการสอนไปยังศูนย์รังสิตดังกล่าวนั้น ได้มีการต่อต้านอย่างหนักจากประชาคมธรรมศาสตร์จำนวนหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยนักศึกษา ศิษย์เก่า อาจารย์ และชุมชนท่าพระจันทร์ (ดูจิตวิญญาณธรรมศาสตร์)
ศูนย์รังสิตเป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุด มีเนื้อที่ 1,757 ไร่ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 99 หมู่ 18 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางเหนือประมาณ 42 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า "กลุ่มวิสาหกิจเทคโนโลยีกรุงเทพตอนบน" โดยมีสถาบันที่อยู่ใกล้เคียงได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียและอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีสวนอุตสาหกรรมจำนวนมากในพื้นที่ใกล้เคียง
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2512 ศาสตราจารย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ อธิการบดีในขณะนั้นได้รับโอนกรรมสิทธิ์การครอบครองที่ดินทุ่งรังสิตจากกระทรวงอุตสาหกรรม และศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อธิการบดีใน พ.ศ. 2518 ที่เห็นว่าในการพัฒนาประเทศนั้น จะขาดบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไม่ได้ มหาวิทยาลัยจึงวางแผนการขยายวิทยาเขตไปที่ชานเมือง
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จพระราชดำเนินมาวางศิลาฤกษ์อาคารโดมบริหาร และวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร) มาทรงประกอบพิธีเปิดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และปลูกต้นยูงทอง ณ บริเวณอาคารโดมบริหาร พร้อมทั้งทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในคราวเดียวกันด้วย และต่อมาเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2531 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์มาเปิดโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
จากมติที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย ครั้งที่ 3/2528 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้จัดตั้งเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2528 จึงเป็นคณะแรกที่เปิดสอนที่ศูนย์รังสิต ในปีการศึกษา 2529
17 มิถุนายน พ.ศ. 2528 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดอาคารศูนย์ญี่ปุ่นศึกษา ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณค่าก่อสร้างจากรัฐบาลญี่ปุ่น และในวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2529 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ทรงประกอบพิธีเปิดอาคารสำนักบัณฑิตอาสาสมัคร
ต่อมาใน พ.ศ. 2542 มหาวิทยาลัยเห็นควรสร้างอาคารหอพระและเอนกประสงค์ศาลาในบริเวณเดียวกับองค์พระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเททองหล่อพระ จำนวน 4 องค์ เพื่อประดิษฐาน ณ ท่าพระจันทร์ ศูนย์รังสิต ศูนย์พัทยา และสมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งพระราชทานนามพระพุทธรูปดังกล่าวว่า "พระพุทธธรรมทิฐิศาสดา" เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2527 โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางศิลาฤกษ์อาคารหอพระเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2542 และต่อมาได้อัญเชิญพระพุทธธรรมทิฐิศาสดามาประดิษฐาน ณ หอพระดังกล่าว ภายในศูนย์ประกอบด้วยกลุ่มอาคารเรียนต่าง ๆ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ อาคารอำนวยการ อาคารบริการวิชาการ เช่น ศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษา โรงพิมพ์ สิ่งอำนวยความสะดวกเช่น ร้านอาหาร ร้านค้าและธนาคาร กลุ่มหอพักนักศึกษาและบุคลากร โรงเรียนประถมศึกษาธรรมศาสตร์ โรงเรียนอนุบาลแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอาคารระบบสาธารณูปโภค เช่น โรงไฟฟ้าย่อย และโรงบำบัดน้ำเสีย ศูนย์นี้ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์กีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นศูนย์กีฬากลางแจ้งและในร่มขนาดใหญ่ ที่เคยเป็นสนามกีฬารองรับการแข่งขันระดับนานาชาติ เช่น เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 13 พ.ศ. 2541 และ กีฬามหาวิทยาลัยโลก พ.ศ. 2550
ตามมติที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย ครั้งที่ 6/2548 วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ศูนย์นี้เป็นสถานที่จัดการเรียนการสอน สำหรับหลักสูตรภาคปกติทุกกลุ่มวิชา โดยเริ่มต้นสำหรับนักศึกษาที่รับเข้าในปีการศึกษา 2549 และหลักสูตรบัณฑิตศึกษากลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์สุขภาพ
และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ได้เปิด อุทยานเรียนรู้ป๋วย 100 ปี เนื่องในวาระครบรอบ 100 ปี ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ หลังจากเริ่มการสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 2017 โดยหัวเรือใหญ่อย่าง อาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเปิดให้ทั้งนักศึกษาและคนทั่วไปเข้าใช้งานบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ภายใต้การทำงานร่วมกันกับทีมออกแบบผังแม่บท CIDAR (Center of Innovative Design and Research) แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทีมสถาปนิกจากสถาบันอาศรมศิลป์ นำโดยอาจารย์ธีรพล นิยม ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) และอาจารย์กชกร วรอาคม ภูมิสถาปนิกแห่ง LANDPROCESS เพื่อสร้างพื้นที่ใช้สอย ที่ยังคงไว้เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เริ่มต้นพิจารณาการขยายการศึกษาไปสู่ภูมิภาคอย่างจริงจัง เมื่อปีการศึกษา 2535 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในจังหวัดลำปาง ได้ขยายการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาการเมืองการปกครอง มายังจังหวัดลำปางเป็นครั้งแรก และได้เล็งเห็นถึงความพร้อมและความเหมาะสมของจังหวัดลำปางในฐานะที่จะเป็นศูนย์กลางการพัฒนาการศึกษาในเขตภาคเหนือ ในปี พ.ศ. 2539 เมื่อทบวงมหาวิทยาลัยมีนโยบายขยายโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพไปสู่ภูมิภาคในรูปของโครงการขยายวิทยาเขต พร้อมทั้งพัฒนาโครงการ เครือข่ายสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงมีมติให้ดำเนินโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ขึ้น เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 ในระยะแรกมหาวิทยาลัยได้รับอนุญาตให้ใช้ศาลากลางจังหวัดลำปาง (หลังเดิม) ปรับปรุงเป็นสถานที่จัดการเรียนการสอน โดยนักศึกษารุ่นแรกในปีการศึกษา 2541 ต้องมาเรียนที่ศูนย์รังสิตก่อน และในปีการศึกษา 2542 เมื่อปรับปรุงอาคารศาลากลางหลังเดิมแล้วเสร็จ ศูนย์ลำปางจึงได้รับนักศึกษา สาขาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์รุ่นแรกกลับมาเรียนที่ลำปาง และได้เปิดสาขาวิชาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 1 สาขาวิชาคือ สาขาสหวิทยาการสังคมศาสตร์ (วิทยาลัยสหวิทยาการปัจจุบัน)
ต่อมา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจัดหาพื้นที่ก่อสร้างอาคารเรียนเป็นการถาวรเพื่อรองรับ การเรียนการสอน และส่งเสริมทักษะ ตลอดจนกิจกรรมต่าง ๆ ของนักศึกษาที่เพิ่มขึ้น นายบุญชู ตรีทอง รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยในขณะนั้น จึงได้ให้ความอนุเคราะห์แก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดยมอบที่ดินบริเวณหมู่ที่ 2 ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง จำนวน 364 ไร่ 3 งาน 79 ตารางวา รวมทั้งบริจาคทุนทรัพย์จำนวน 62,472,650 บาท ในการก่อสร้างอาคารเรียนรวมหลังแรก เพื่อการบริหารจัดการ และการเรียนการสอนซึ่ง เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2543 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ วางศิลาฤกษ์ และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2546 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงทูลขอพระราชทานนามอาคาร และได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้นาม "สิรินธรารัตน์" มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง จึงได้ย้ายการเรียนการสอนมา ณ สถานที่ตั้งปัจจุบัน ตั้งแต่ภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2546
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา มหาวิทยาลัยได้รับการจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างอาคารและปรับปรุงภูมิทัศน์ที่ศูนย์ลำปางอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขายการเรียนการสอนและจำนวนนักศึกษาและบุคลากรที่เพิ่มขึ้น กล่าวคือ ได้รับงบประมาณแผ่นดิน ประจำปี พ.ศ. 2549 จำนวนเงิน 30,000,000 บาท และงบพิเศษ มธ. ประมาณ 7,900,000 บาท ก่อสร้างอาคารเรียนรวมหลังที่ 2 "อาคารเรียนรวม 4 ชั้น" แล้วเสร็จเพื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2551 ได้รับงบประมาณแผ่นดิน ประจำปี พ.ศ. 2549–2552 จำนวนเงิน 79,000,000 บาท ก่อสร้าง "อาคารเอนกประสงค์และสนามกีฬาในร่ม" แล้วเสร็จเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2553 และ ก่อสร้างหอพักนักศึษาหลังที่ 1 "โดม ๑" แล้วเสร็จเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2551 รองรับนักศึกษาได้ 350 คน และก่อสร้างหอพักนักศึกษาหลังที่ 2 "โดม ๒" แล้วเสร็จในปีการศึกษา 2554
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ยังได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ในอีกหลาย ๆ ด้าน เพื่อให้นักศึกษาและบุคลากรมีคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดี ควบคู่ไปพร้อมกับด้านวิชาการที่มีมาตรฐานการจัดการเรียนการสอน
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง เปิดการเรียนการสอนทั้งสิ้นจำนวน 5 คณะ 1 วิทยาลัย คือ คณะนิติศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะสาธารณสุขศาสตร์ และวิทยาลัยสหวิทยาการ
ภายในเขตพื้นที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น นอกจากเป็นที่ตั้งของคณะต่าง ๆ แล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้ทั้งในเชิงวิชาการและการอนุรักษ์ ดังนี้
การเรียนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยทั่วไปจะใช้เวลา 4 ปีการศึกษา แต่สำหรับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และโครงการบูรณาการของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ใช้เวลา 5 ปีการศึกษา ในขณะที่ คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ จะใช้เวลา 6 ปีการศึกษา
ตลอดระยะเวลาการเรียนนอกจากการเรียนวิชาพื้นฐานมหาวิทยาลัยและวิชาบังคับเลือกของสาขาวิชาแล้ว ยังสามารถลงทะเบียนวิชาเลือกเสรีหรือวิชาโทข้ามคณะและสาขาวิชาได้อย่างเสรี ยกเว้นหลักสูตรที่ด้วยสภาพการณ์แล้วไม่สามารถทำได้ เช่น แพทยศาสตรบัณฑิต ทันตแพทยศาสตรบัณฑิต เป็นต้น นอกจากการพบปะกันในคณะหรือสาขาวิชาแล้ว ยังมีการร่วมกิจกรรมในมหาวิทยาลัยหลายอย่าง ไม่ว่าการเข้าชุมนุมชมรมของมหาวิทยาลัย การเข้ากลุ่มของคณะ การเล่นกีฬา และสำหรับคณะหรือสถาบันที่มีระบบโต๊ะกลุ่มหรือระบบบ้าน เช่น คณะนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี คณะเศรษฐศาสตร์ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ และสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ยังมีโอกาสที่จะได้พบปะหรือร่วมกิจกรรมกับเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่โต๊ะกลุ่มหรือบ้านได้อีกด้วย
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านกิจกรรมนักศึกษาเป็นอย่างมาก แต่ไม่มีการบังคับนักศึกษาให้ทำกิจกรรมแต่อย่างใดเนื่องจากมหาวิทยาลัยเคารพในเสรีภาพในการเลือกที่จะทำหรือไม่ทำกิจกรรมของนักศึกษา โดยกิจกรรมนักศึกษาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยกิจกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2563 เป็นธรรมนูญในการจัดโครงสร้างและความสัมพันธ์ขององค์กรกิจกรรมนักศึกษา
ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังประกอบด้วยชุมนุมชมรมต่าง ๆ แบ่งได้เป็น 4 ฝ่าย ดังต่อไปนี้
องค์การนักศึกษา สภานักศึกษา ชมรมชุมนุม และกลุ่มอิสระต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่มีที่ทำการอยู่ ณ อาคารกิจกรรมนักศึกษา กองกิจการนักศึกษา ยกเว้นชุมนุมสายกีฬาที่มีที่ทำการอยู่ ณ ศูนย์บริการการกีฬา อาคารยิมเนเซียม 7 และคณะกรรมการหอพักนักศึกษา ชมรมชุมนุมในส่วนของหอพักอยู่ภายในศูนย์ต่าง ๆ ที่หมู่บ้านเอเชี่ยนเกมส์ ศูนย์เหล่านี้เรียกว่า "น็อก" (NOC) เพราะเดิมเป็นที่พักคณะกรรมการโอลิมปิกส์แห่งชาติ (National Olympic Committee)
การพักอาศัยของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งท่าพระจันทร์ และศูนย์รังสิตมีลักษณะคล้ายกับนิสิตนักศึกษาอื่นในกรุงเทพฯ โดยคนที่มีภูมิลำเนาหรือมีญาติพี่น้องอยู่ในกรุงเทพหรือเขตปริมณฑล ก็จะพักอาศัยกับครอบครัวหรือบ้านคนรู้จัก สำหรับนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดจะพักอาศัยในหอพักมหาวิทยาลัย หรือหอพักเอกชนบริเวณรอบ ๆ มหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยมีบริการหอพักสำหรับนักศึกษา คือ หอพักรัชดาภิเษก เขตตลิ่งชัน เดิมตั้งอยู่ ณ บริเวณพระที่นั่งวิมานเมฆ ซึ่งเป็นบริเวณเขตพระราชฐาน เพื่อให้เป็นสวัสดิการแก่นักศึกษาที่ยากจนและขาดแคลนทุนทรัพย์ รวมถึงไม่มีที่พักในกรุงเทพฯ ให้อยู่อาศัยในราคาย่อมเยาเพื่อเป็นการช่วยเหลือนักศึกษา ต่อมาจึงได้ย้ายมายังที่ตั้งปัจจุบัน ทั้งนี้ พ.ศ. 2552 สำนักงานจัดการทรัพย์สิน ซึ่งดูแลหอพักได้ปรับปรุงหอพักขึ้นใหม่ และจัดเก็บอัตราค่าใช้บริการค่อนข้างสูง ในปัจจุบันจึงมักจะเป็นที่พักอาศัยของบุคลากร และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นที่ต้องการที่พักในการเดินทางมาสัมมนาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สำหรับศูนย์รังสิต สำนักงานจัดการทรัพย์สิน (ปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อเป็น สำนักงานบริหารทรัพย์สินและกีฬา) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจดูแลระบบการจัดสรรที่พักอาศัยของทั้งบุคลากรและนักศึกษา ได้ออกระเบียบให้นักศึกษาต้องแจ้งย้ายเข้าทะเบียนราษฎร์ของตนเองเข้ามาในทะเบียนบ้านกลางของมหาวิทยาลัย โดยนักศึกษาแต่ละคณะจะมีบ้านเลขที่ประจำคณะตนเอง (ปัจจุบันให้ย้ายเข้า เลขที่ 99 เท่านั้น ไม่แยกตามคณะ) ภายใต้ท้องถิ่นตำบลคลองหนึ่ง เทศบาลเมืองท่าโขลง จังหวัดปทุมธานี เช่น เลขที่ 99/3 หมู่ 18 สำหรับนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ และ 99/8 หมู่ 18 สำหรับคณะเศรษฐศาสตร์ เป็นต้น โดยมหาวิทยาลัยได้มีสวัสดิการที่พักสำหรับนักศึกษา หลายกลุ่ม และราคา ดังนี้
อนึ่ง อาคารหอพักเอเชี่ยนเกมส์ มักมีปัญหาเรื่องการร้องเรียนค่าไฟฟ้าสูงเกินจริง หรือการบริหารงานแบบธุรกิจเอกชนโดยไม่ให้นักศึกษามีส่วนร่วม แต่กระนั้นนักศึกษาก็แจ้งความประสงค์เข้าพักอาศัยเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีการเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้าจากแบบจานหมุน เป็นแบบดิจิตอล ที่สามารถดูอัตราการใช้ไฟฟ้าทุกครึ่งชั่วโมงได้
ปัจจุบันมีสิ่งอำนวจความสะดวกให้ คือครัวกลางสำหรับประกอบอาหาร /ห้องอุ่นอาหาร / ห้องปรับอากาศอ่านหนังสือ / ห้องฟิตเนส/เครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง /โคเวอร์เวย์ทางเดินในหอพัก/ระบบกล้องวงจรปิด-ประตูอัตโนมัติ ผ่านเข้า ออก พื้นที่หอพัก
โครงการก่อสร้างกลุ่มอาคารทียูโดมยังไม่แล้วเสร็จ แม้จะเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2550 แต่ก็ได้เปิดให้นักศึกษาเข้าพักอาศัยแล้ว และเป็นอาคารหอพักที่ประสบปัญหาและข้อร้องเรียนเป็นอย่างมาก ล่าสุดบริษัทผู้รับสัมปทานมีโครงการเร่งการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2554
อนึ่ง กลุ่มหอพักทั้งสี่กลุ่ม เป็นอาคารหอพักแบบแยกอาคารที่พักหญิง และอาคารที่พักชาย นักศึกษาไม่สามารถเข้าออกในอาคารที่พักของนักศึกษาต่างเพศได้ มีบริการรับทำความสะอาดภายในห้องพัก ทั้งนี้ กลุ่มอาคารหอพักเอเชี่ยนเกมส์ และกลุ่มอาคารหอพักใน มีเวลาเปิดปิดอาคารไม่ให้เข้าออกอาคาร คือ 05:00–24:00 นาฬิกา
ปัจจุบัน นักศึกษาหอพักสามารถเข้าออก พื้นที่/อาคาร หอพักได้ 24 ชั่วโมง บุคคลที่ไม่ได้เช่าหอพัก ไม่สามารถเข้าพื้นที่หลัง 22:00 น.
สำหรับหอพักโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และกลุ่มอาคารหอพักทียูโดมเปิดให้เข้าออกได้ตลอดเวลา
การจัดสรรที่พักสำหรับนักศึกษา ณ ศูนย์รังสิต โดยปกติใช้วิธีการจับสลาก ไม่ได้ใช้การพิจารณาจากลำดับก่อนหลัง หรือความใกล้ไกลของภูมิลำเนา
(ปัจจุบัน ระบบการคัดเลือกนักศึกษาเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เกิดความต้องการสมัครหอพักเร็ว ขึ้น จึงมีการพิจารณาเข้าพักใหม่เป็น สมัครก่อน ได้รับการพิจารณาก่อน)
การพักอาศัยของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง มีลักษณะคล้ายกับท่าพระจันทร์ และศูนย์รังสิต โดยคนที่มีภูมิลำเนาหรือมีญาติพี่น้องอยู่ในอำเภอเมืองห้างฉัตร หรือใกล้เคียง ก็จะพักอาศัยกับครอบครัวหรือบ้านคนรู้จัก สำหรับนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดจะพักอาศัยในหอพักมหาวิทยาลัย หรือหอพักเอกชนในตัวเมืองจังหวัดลำปาง ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยได้จัดให้มีหอพักสวัสดิการสำหรับนักศึกษา ณ ศูนย์ลำปาง โดยมีรูปแบบคล้ายคลึงกับกลุ่มอาคารหอพักใน ณ ศูนย์รังสิต
นักศึกษา บุคลากร และบุคคลทั่วไปสามารถเดินทางมายังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ดังนี้
สามารถเดินทางมาศูนย์รังสิต ได้หลายเส้นทางทั้งทางรถยนต์โดยผ่านถนนพหลโยธิน หรือ ทางพิเศษอุดรรัถยา และ ถนนกาญจนาภิเษก (ด้านตะวันออก) โดยผ่านถนนเชียงราก/ถนนคลองหลวง รถเมล์ สาย 39 510 520 และ สาย 1–9E รถตู้โดยสารร่วม ขสมก. สาย ต.85 จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และ สาย ต.118 จากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีหมอชิต/รถไฟฟ้ามหานคร สถานีสวนจตุจักร รถตู้โดยสารปรับอากาศท่าพระจันทร์–ศูนย์รังสิต รถตู้โดยสารปรับอากาศชานเมือง สาย 1008 จากฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และรถมินิบัสปรับอากาศชานเมือง สาย 372 จากรังสิต รวมทั้งสามารถเดินทางโดยรถไฟ มาลงที่สถานีรถไฟมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้อีกทางหนึ่ง สำหรับสถานีรถไฟมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สร้างขึ้นเพื่อรองรับการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 โดยตั้งอยู่หลังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ปัจจุบันมีขบวนรถชานเมืองและธรรมดา หยุดรับส่งผู้โดยสาร 11 ขบวนต่อวัน
สำหรับการเดินทางในมหาวิทยาลัย มีรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า บริการรับ–ส่งนักศึกษาและบุคลากรโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และรถโดยสารขนาดเล็ก (สองแถว) ให้บริการในราคาประหยัด รถทั้ง 2 ประเภทให้บริการ 6 เส้นทางดังนี้
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังได้จัดให้มีบริการรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนกับทางมหาวิทยาลัยไว้บริการในราคาประหยัดอีกด้วย
ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในระดับบัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต โดยพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ส่วนมากจะจัดขึ้นในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน โดยกำหนดการพิธีพระราชทานปริญญาบัตรให้เป็นไปตามประกาศของมหาวิทยาลัยในแต่ละปีการศึกษา โดยใช้หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ปี พ.ศ. 2566 นี้ จัดขึ้นที่ หอประชุมใหญ่ อาคารกิติยาคาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นสถานที่พระราชทานปริญญาบัตร
ใน พ.ศ. 2541 คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบการกู้เงินจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย ซึ่งมีเงื่อนไขส่วนหนึ่งว่าด้วยการบริหารจัดการมหาวิทยาลัย ต่อมา คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้เปลี่ยนสภาพมหาวิทยาลัยของรัฐเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ และให้มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจัดทำร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยของตน มีหลักการสำคัญที่กำหนดให้มหาวิทยาลัยไม่เป็นส่วนราชการ แต่อยู่ในกำกับของรัฐ เพื่อการบริหารจัดการที่เป็นอิสระและคล่องตัวอันจะช่วยให้จัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว โดยแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในกำกับของรัฐเสนอต่อสภามหาวิทยาลัย คณะกรรมการได้พิจารณาเกี่ยวกับแนวคิด หลักการ ตลอดจนประเด็นที่เกี่ยวข้อง และได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ... ขึ้นมาฉบับหนึ่ง ใน พ.ศ. 2543 แล้วนำร่างพระราชบัญญัติฉบับนั้นเผยแพร่ให้ประชาคมธรรมศาสตร์แสดงความคิดเห็น
หลังจากนั้น คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2546 กำหนดหลักการกลาง 10 ประการที่ต้องมีในร่างพระราชบัญญัติของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐทุกฉบับ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาจึงส่งร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ... ส่งคืนมาให้มหาวิทยาลัยแก้ไข แต่มหาวิทยาลัยเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติสอดคล้องกับหลักการกลางที่คณะรัฐมนตรีกำหนดแล้ว จึงไม่แก้ไขอีก และส่งร่างพระราชบัญญัติคืนให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ต่อมา คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการของร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ... และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
การเปลี่ยนสภาพมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐก่อให้เกิดการคัดค้านและการตั้งคำถามต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐจะสนใจเพียงค่าหน่วยกิตและค่าธรรมเนียมการศึกษาซึ่งมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งกิจกรรมกลายเป็นธุรกิจมากขึ้น จนใส่ใจต่อสังคมน้อยลง หรือผู้บริหารจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการพิจารณาสัญญาจ้างและในการประเมินพนักงาน จนนำไปสู่ระบบเผด็จการของผู้บริหารหรือไม่
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ... และส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
โรงเรียนเตรียมปริญญา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง หรือ เตรียมธรรมศาสตร์ (ต.มธก.) ตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2481 มีหลักสูตร 2 ปี เพื่อรับผู้ประสงค์จะเข้าเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองโดยตรง โรงเรียนเตรียมปริญญามีหลักสูตรการสอนหนักไปทางด้านภาษา ทั้งภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และวิชาด้านสังคม เช่น ปรัชญา วิชาเทคโนโลยี ดนตรี พิมพ์ดีด และชวเลข เป็นต้น โรงเรียนเตรียมปริญญามีทั้งหมดรวม 8 รุ่น จนถึง พ.ศ. 2490 จึงถูกยกเลิกไป
ปัจจุบันได้มีค่าย "เตรียมธรรมศาสตร์" ซึ่งจัดโดย องค์การนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดตั้งเพื่อให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายได้เข้ามาสัมผัสชีวิต การเป็นอยู่ การเรียนในมหาวิทยาลัยในรูปแบบธรรมศาสตร์ และบรรยากาศแบบดั่งเดิมของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองของพระนคร 3 วัน 2 คืน จัดในช่วงต้นปีของทุก ๆ ปี
This article uses material from the Wikipedia ไทย article มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.