ทักษิณ ชินวัตร: อดีตนายกรัฐมนตรีไทย

ทักษิณ ชินวัตร (เกิด 26 กรกฎาคม พ.ศ.

2492) นามแฝงว่า โทนี่ วู้ดซัม (อังกฤษ: Tony Woodsome) เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองชาวไทย นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 23 รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรคไทยรักไทยคนแรก (ปัจจุบันวิวัฒนาการมาเป็นพรรคเพื่อไทย)

ทักษิณ ชินวัตร
ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร
ทักษิณ ใน พ.ศ. 2548
นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 23
ดำรงตำแหน่ง
9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 – 19 กันยายน พ.ศ. 2549
(5 ปี 222 วัน)
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
รอง
ก่อนหน้าชวน หลีกภัย
ถัดไปสนธิ บุญยรัตกลิน
(หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข)
รองนายกรัฐมนตรี
ดำรงตำแหน่ง
13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 – 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2539
(0 ปี 315 วัน)
ดำรงตำแหน่ง
28 พฤษภาคม – 14 สิงหาคม พ.ศ. 2539
(0 ปี 78 วัน)
นายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา
ดำรงตำแหน่ง
15 สิงหาคม – 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540
(0 ปี 85 วัน)
นายกรัฐมนตรีชวลิต ยงใจยุทธ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ดำรงตำแหน่ง
14 มิถุนายน – 9 ตุลาคม พ.ศ. 2544
(0 ปี 117 วัน)
นายกรัฐมนตรีตนเอง
ก่อนหน้าเกษม วัฒนชัย
ถัดไปสุวิทย์ คุณกิตติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ดำรงตำแหน่ง
25 ตุลาคม พ.ศ. 2537 – 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538
(0 ปี 108 วัน)
นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย
ก่อนหน้าประสงค์ สุ่นสิริ
ถัดไปกระแส ชนะวงศ์
หัวหน้าพรรคไทยรักไทย
ดำรงตำแหน่ง
14 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 – 2 ตุลาคม พ.ศ. 2549
(8 ปี 80 วัน)
ก่อนหน้าก่อตั้งพรรค
ถัดไปจาตุรนต์ ฉายแสง
(รักษาการ)
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด26 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 (74 ปี)
อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
พรรคการเมืองพลังธรรม (2537–2541)
ไทยรักไทย (2541–2549)
คู่สมรสพจมาน ดามาพงศ์ (สมรส 2523; หย่า 2551)
บุตร
บุพการี
ญาติ
ความสัมพันธ์สกุลชินวัตร
ที่อยู่อาศัยราชอาณาจักรไทย
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแซมฮิวสตันสเตต (ปร.ด.)
ทรัพย์สินสุทธิ2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ฟอบส์ พ.ศ. 2565)
ลายมือชื่อทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร ไทย
สังกัดกรมตำรวจ
ประจำการพ.ศ. 2516–2530
ยศทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร พันตำรวจโท
ถูกกล่าวหาความผิดต่อราชการ
รับโทษ1 ปี
สถานะทางคดีพักโทษ

ทักษิณก่อตั้งบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส และกลุ่มบริษัทไอทีและโทรคมนาคม ชิน คอร์ปอเรชั่น ในปี พ.ศ. 2530 ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 พลตรี จำลอง ศรีเมือง ได้ชักนำเขาเข้าสู่การเมือง โดยเริ่มแรกนั้นเขาสังกัดพรรคพลังธรรม ซึ่งพลตรีจำลองเป็นหัวหน้าพรรคในขณะนั้น ต่อมาทักษิณได้ลาออกจากพรรคพลังธรรม และก่อตั้งพรรคไทยรักไทยในปี พ.ศ. 2541 สามปีต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 พรรคไทยรักไทยได้รับเสียงข้างมากในสภา จึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยแรก นโยบายเด่นของเขา ได้แก่ การขยายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การลดความยากจนและลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการประกาศสงครามกับยาเสพติด ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลามโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบท เขาดำรงตำแหน่งสมัยแรกจนครบวาระสี่ปี ผลการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 ทำให้ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง ด้วยคะแนนเสียงสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่ในสมัยที่สองนี้รัฐบาลทักษิณถูกกล่าวหาหลายอย่าง เช่น ละเมิดสิทธิมนุษยชน ฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นเผด็จการรัฐสภา มีผลประโยชน์ทับซ้อน และควบคุมสื่อ ส่วนข้อกล่าวหาของตัวทักษิณเอง อาทิ การเลี่ยงภาษี หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตลอดจนขายทรัพย์สินของบริษัทไทยให้นักลงทุนต่างชาติ กรณีขายหุ้นชินคอร์ปเป็นชนวนเหตุให้เกิดการประท้วงใหญ่โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2549

19 กันยายน พ.ศ. 2549 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ก่อรัฐประหารล้มรัฐบาลทักษิณ ทำให้ทักษิณพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เวลาต่อมา คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) คณะรัฐประหารซึ่งแปรสภาพมาจาก คปค. เป็นผู้แต่งตั้ง ทำการอายัดทรัพย์ของทักษิณและครอบครัวในประเทศไทยรวม 76,000 ล้านบาท โดยอ้างว่าเขาร่ำรวยผิดปกติขณะอยู่ในตำแหน่ง ทักษิณเคยเดินทางกลับประเทศไทยครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 หลังพรรคพลังประชาชนซึ่งสืบทอดจากพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง แต่หลังจากนั้นอาศัยอยู่ต่างประเทศโดยตลอด เขาถูกตัดสินจำคุก 2 ปีในคดีที่ดินรัชดาฯ ทักษิณเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มคนเสื้อแดงและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 รัฐบาลอภิสิทธิ์เพิกถอนหนังสือเดินทางของทักษิณ ถัดมาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้ทรัพย์สินประมาณ 46,000 ล้านบาทของทักษิณตกเป็นของแผ่นดิน และทักษิณถูกถอดยศ พันตำรวจโท เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2558

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 ทักษิณประกาศเดินทางกลับประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในช่วงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งใหญ่ และเมื่อพรรคเพื่อไทยซึ่งสืบทอดมาจากพรรคพลังประชาชนได้จัดตั้งรัฐบาล ทักษิณได้เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม รวมระยะเวลาลี้ภัยในต่างประเทศนาน 15 ปี และถูกนำตัวไปจำคุกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครในวันเดียวกัน แต่ได้ย้ายไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจทันทีในคืนดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษจำคุกให้ทักษิณ จากเดิม 8 ปี คงเหลือ 1 ปี ส่งผลให้ทักษิณได้รับการพักโทษเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 และได้กลับออกไปพักฟื้นที่บ้านจันทร์ส่องหล้าทันที

ประวัติและปฐมวัย

ทักษิณ ชินวัตร เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 ที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรคนที่สองในจำนวน 10 คนของเลิศ และยินดี ชินวัตร มีชื่อเล่นว่า "น้อย" ส่วนชื่อ "แม้ว" เป็นฉายาที่เพื่อนร่วมรุ่นในโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 10 (ตท.10) ตั้งให้

ทักษิณเติบโตขึ้นในหมู่บ้านในอำเภอสันกำแพงจนอายุ 15 ปี ระหว่างนั้นเขาช่วยเหลือกิจการร้านกาแฟและสวนส้มของครอบครัว รวมทั้งขายกล้วยไม้ เมื่ออายุได้ 16 ปี ช่วยบิดาดำเนินการโรงภาพยนตร์ของครอบครัว

ครอบครัว

ยินดี ชินวัตร มารดา เป็นธิดาของเจ้าจันทร์ทิพย์ (ณ เชียงใหม่) ระมิงค์วงศ์ ผู้เป็นธิดาในเจ้าไชยสงคราม (สมพมิตร ณ เชียงใหม่)

เขาสมรสกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ หลังลาออกจากราชการตำรวจ ในปี พ.ศ. 2523 และมีบุตรด้วยกันสามคน ได้แก่

  1. พานทองแท้ ชินวัตร
  2. พินทองทา ชินวัตร
  3. แพทองธาร ชินวัตร

น้องสาวคนสุดท้อง ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าสู่การเมืองในปี พ.ศ. 2554 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ต่อมาได้รับลงมติจากสภาผู้แทนราษฎรเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนแพทองธารบุตรคนเล็กเป็นหนึ่งในแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในเวลาต่อมา

การศึกษา

ทักษิณ ชินวัตรสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย ในปีการศึกษา 2508 และระดับอุดมศึกษาที่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2512) และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 26 (พ.ศ. 2516) โดยสอบได้ที่หนึ่งของรุ่น ต่อมา ทักษิณศึกษาต่อในระดับปริญญาโท โดยได้รับทุนของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ในสาขากระบวนการยุติธรรม ที่มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเคนทักกี สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2518 และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกในสาขาเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยแซมฮิวสตันสเตต เมื่อปี พ.ศ. 2521 เขาได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ในสาขาวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2537

การรับราชการและธุรกิจ

ทักษิณเริ่มทำงานในตำแหน่งหัวหน้าแผนกแผน 6 กองวิจัยและวางแผน กองบัญชาการตำรวจนครบาลและรองผู้อำนวยการศูนย์ประมวลข่าวสาร กองบัญชาการตำรวจนครบาล เขายังเคยเป็นอาจารย์สอน ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในปี พ.ศ. 2518–2519

ในปี พ.ศ. 2523 ทักษิณเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวหลายอย่างระหว่างรับราชการตำรวจ เช่น ค้าขายผ้าไหม, กิจการโรงภาพยนตร์, ธุรกิจคอนโดมิเนียม แต่ล้มเหลว รวมถึงที่ดินโรงหนังเก่าบริเวณราชวัตรที่จะลงทุนสร้างเป็นคอนโด 15 ชั้น แต่ต่อมามีกฎกระทรวงห้ามสร้างตึกสูง ส่งผลให้สามารถสร้างได้เพียง 7 ชั้น ทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้น ส่งผลให้ภาระหนี้สินร่วมถึง 50 ล้านบาท ทักษิณเคยเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยส่วนมากเป็นการนำภาพยนตร์ที่เคยได้รับความนิยมกลับมาสร้างใหม่ แต่ส่วนมากไม่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้ เช่น

  • ไทรโศก (2524)
  • รักครั้งแรก (2524)
  • โนรี (2525)
  • รจนายอดรัก (2526)

หลังจากการประกอบธุรกิจมาหลายประเภท ทักษิณก่อตั้งบริษัทชินวัตร คอมพิวเตอร์ จำกัด (เดิมชื่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไอซีเอสไอ) ในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2526 เพื่อประกอบธุรกิจให้เช่าเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมแก่หน่วยงานของรัฐโดยประสบความสำเร็จอย่างจำกัด แต่ธุรกิจระบบความมั่นคง (SOS) และบริการวิทยุรถโดยสารประจำทางสาธารณะล้มเหลวทั้งสิ้น จากนั้นเขาก่อตั้งบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (เอไอเอส) ในวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2529

ในปี พ.ศ. 2530 ทักษิณลาออกจากราชการตำรวจ แล้วขายละครเรื่อง บ้านทรายทอง ซึ่งประสบความสำเร็จในโรงภาพยนตร์ ในปี พ.ศ. 2531 เขาเข้าร่วมกับแปซิฟิกเทเลซิสเพื่อดำเนินการและจัดจำหน่ายบริการเพจเจอร์ แพ็กลิงก์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างจำกัด แต่ต่อมาเขาขายหุ้นเพื่อไปตั้งบริษัทเพจเจอร์ของตนเอง ในปี พ.ศ. 2532 เขาเปิดบริษัทโทรทัศน์เคเบิลไอบีซี แต่สุดท้ายบริษัทขาดทุนจนต้องรวมบริษัทกับยูทีวีของเครือเจริญโภคภัณฑ์ จนกลายเป็นยูบีซีและทรูวิชั่นส์ในเวลาต่อมา ในปีเดียวกันเขาตั้งบริการเครือข่ายข้อมูล ชินวัตรดอตคอม ซึ่งปัจจุบันชื่อ แอดวานซ์ ดาต้าเน็ทเวิร์ค และมีเอไอเอสและทีโอทีเป็นเจ้าของ ธุรกิจของทักษิณหลายอย่างต่อมารวมกันเป็นชิน คอร์เปอเรชัน ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นอินทัช โฮลดิ้งส์

เข้าสู่การเมือง

ในปี 2537 ทักษิณลาออกจากตำแหน่งประธาน บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น และเริ่มต้นลงสู่สนามการเมือง โดยพลตรี จำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรม เป็นผู้ชักชวน หลังการปลดรัฐมนตรีจากพรรคพลังธรรมที่เป็นสายบุญชู โรจนเสถียร อดีตหัวหน้าพรรค ทักษิณได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2537 ในรัฐบาลชวน หลีกภัย และในปีต่อมา เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังธรรมแทนจำลอง และดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ในปี พ.ศ. 2539 ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ

เมื่อวันที 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 ทักษิณก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค จนในที่สุดก็ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544

การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยคนที่ 23 โดยดำรงตำแหน่งสองสมัยติดต่อกัน ระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 – 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 หลังจากสภาผู้แทนราษฎรครบวาระ และดำรงตำแหน่งอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 - 19 กันยายน พ.ศ. 2549

โดยเป็นนายกรัฐมนตรีรวมช่วงที่รักษาการด้วย เป็นระยะเวลา 5 ปี 222 วัน รวมระยะเวลาเป็นนายกรัฐมนตรี นานเป็นอันดับที่ 5 จาก 29 อันดับของไทย

เหตุลอบสังหาร

ความเคลื่อนไหวหลังรัฐประหาร พ.ศ. 2549

คปค. กับรัฐบาลสุรยุทธ์

ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เวลาประมาณ 21.00 น. คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมีพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกเป็นหัวหน้าคณะ กระทำรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลภายใต้การรักษาการนายกรัฐมนตรีของ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมประชุมสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐ ซึ่งทักษิณออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเวลา 22.00 น. สดทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ แต่ในขณะที่การประกาศยังไม่จบ พล.อ.สนธิ สั่งตัดภาพและเข้าสู่ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงถือเป็นการยึดอำนาจได้สำเร็จ ในเวลา 23:00 น. หลังรัฐประหารไม่นาน ทักษิณ ซึ่งขณะนั้นพำนักอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ส่งจดหมายถึงพรรคไทยรักไทย เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค พรรคมีมติให้จาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าพรรคไปก่อน

วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2550 นพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัวซึ่งทักษิณแต่งตั้งให้ตั้งแต่ประมาณเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 นำจดหมายที่ทักษิณเขียนด้วยลายมือ เนื้อหาเป็นการตอบโต้พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่แถลงข่าวสรุปสถานการณ์เหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 เมื่อวันที่ 1 มกราคม กล่าวหากลุ่มอำนาจเก่า ผู้สูญเสียประโยชน์ทางการเมือง โดยทักษิณเขียนปฏิเสธว่า ตนไม่เคยคิดจะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น ในเวลาใกล้เคียงกัน มีข้อกล่าวหาจากพรรคประชาธิปัตย์ และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ทักษิณว่าจ้างบริษัทล็อบบียิสต์ เพื่อชี้ช่องทางและให้คำแนะนำ เกี่ยวกับผลประโยชน์ของทักษิณในวอชิงตัน ดี.ซี. และต่างประเทศ แต่ทักษิณปฏิเสธ ต่อมา 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวพร้อมนำเอกสารมาแสดงว่า ทักษิณว่าจ้างบริษัทล็อบบียิสต์แห่งที่สอง เพื่อให้ช่วยงานด้านการเมือง โดยบริษัทดังกล่าวเป็นของเจมส์ เอ. เบเกอร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ แต่นพดลในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของทักษิณ แถลงข่าวตอบโต้ว่า"ทักษิณว่าจ้างบริษัทดังกล่าวให้ดูแลเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ และติดตามข่าวการเมืองระหว่างประเทศ ไม่ได้จ้างทำงานเป็นล็อบบี้ยิสต์"

การเดินทางกลับประเทศไทยครั้งแรก

ทักษิณ ชินวัตรที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในปี พ.ศ. 2551 เป็นการเดินทางกลับประเทศหลังรัฐประหารปี พ.ศ. 2549

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 เวลา 09.40 น. ทักษิณเดินทางมาถึงประเทศไทย ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมกับก้มลงกราบพื้น ที่หน้าห้องรับรองพิเศษ และโบกมือทักทายประชาชนที่มารอให้การต้อนรับ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

จากนั้น ทักษิณเดินทางไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อรายงานตัวในคดีทุจริตที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก ต่อด้วยการรายงานตัวต่ออัยการสูงสุด ในคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ในเครือชินคอร์ป

ระหว่างที่กำลังมีการดำเนินคดีที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก ทักษิณและภริยา เดินทางไปต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากนั้นศาลอ่านคำวินิจฉัยว่า ทักษิณมีความผิดในคดีดังกล่าว เขาไม่เดินทางกลับมายังประเทศไทยอีก และในวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ทักษิณตัดสินใจจดทะเบียนหย่ากับคุณหญิงพจมานที่สถานกงสุลใหญ่ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง หลังจากสมรสมา 32 ปี นับแต่นั้นเป็นต้นมา ทักษิณมีการเคลื่อนไหวผ่านกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดยแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผ่านการปราศรัยด้วยวิธีโทรศัพท์ทางไกลเข้าสู่ที่ชุมนุม (โฟนอิน) และการส่งสัญญาณภาพและเสียงมายังที่ชุมนุม (วิดีโอลิงก์) พร้อมทั้งอดีตสมาชิกพรรคพลังประชาชน และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ให้การสนับสนุน

ความเคลื่อนไหวนอกประเทศหลังการกลับประเทศไทยครั้งแรก

ในปลายปี พ.ศ. 2552 ทักษิณได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของราชอาณาจักรกัมพูชา ทางรัฐบาลไทยจึงยื่นหนังสือต่อรัฐบาลกัมพูชาให้ส่งตัวทักษิณกลับไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน แต่รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไม่รวมถึงกรณีนักโทษทางการเมือง รัฐบาลไทยจึงต่อต้านด้วยการเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ ซึ่งส่งผลให้กัมพูชาเรียกเอกอัครราชทูตของตนกลับประเทศเช่นกัน ทักษิณและครอบครัว เดินทางไปถึงกรุงพนมเปญของกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 เพื่อรับตำแหน่งดังกล่าว และได้รับการต้อนรับอย่างดีจากสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา

เขายังเดินทางเข้าออกฮ่องกง, สิงคโปร์, กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนบ่อยครั้ง โดยเชื่อว่าใช้เอกสารเดินทางที่ไม่ใช่ของประเทศไทย

หลังจากไปใช้ชีวิตที่กรุงลอนดอนของอังกฤษ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 ทักษิณเข้าซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี โดยถือหุ้นทั้งหมด 75% ทั้งนี้ ทักษิณขอให้แฟนฟุตบอลของทีมเรียกตนอย่างง่าย ๆ ว่า แฟรงค์ ชินาตรา (Frank Shinatra) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเป็นประธานสโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก มีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นผู้ที่ไม่ถูกตัดสินว่ากระทำความผิด ไม่ว่าจะประเทศใดในโลกก็ตาม ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยมีการดำเนินคดีกับทักษิณอยู่ ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2551 ทักษิณจึงขายสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี ให้กับอาบูดาบียูไนเต็ดกรุป ในราคา 141 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขึ้นเป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งในภายหลัง

การเคลื่อนไหวในช่วงรัฐบาลประยุทธ์

ในปี พ.ศ. 2563 เขามีบทบาทในการสนับสนุนและหาเสียงผู้สมัครรับเลือกตั้งระดับต่าง ๆ จากพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งท้องถิ่นปีนั้น พบว่าผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 9 จังหวัดจากที่ส่งเข้าสมัคร 25 จังหวัด ทำให้สื่อมองว่าความนิยมในตัวทักษิณเสื่อมลงไปมาก ในปีเดียวกัน มีข่าวว่าเขาเริ่มทำธุรกิจแอปพลิเคชันโภชนาการดีเอ็นเอในสหรัฐ

ในปี พ.ศ. 2564 ท่ามกลางการระบาดทั่วของโควิด-19 เขาใช้แอปพลิเคชันคลับเฮาส์ภายใต้ชื่อแฝง "Tony Woodsome" มาสนทนากับผู้ฟังในประเทศไทยเกี่ยวกับการเมืองไทยและการรับมือโควิด-19 ปีต่อมาจากการที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐร่วมกันไม่เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร จนทำให้สูตร ส.ส. บัญชีรายชื่อกลับไปใช้ "สูตรหาร 100" ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์ ทำให้มีกระแสข่าวว่าทักษิณอาจตกลงลับ ๆ กับพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

การเดินทางกลับประเทศไทยครั้งที่สอง

ความพยายามเดินทางกลับประเทศไทยครั้งที่สอง

หลังจากเขาหลบหนีหมายจับในปี พ.ศ. 2551 เขาประกาศว่าจะกลับประเทศไทยหลายครั้ง กระทั่งเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 เขาให้สัมภาษณ์กับเกียวโดนิวส์ ระบุพร้อมกลับมารับโทษทางกฎหมายในประเทศไทย หากได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยซึ่งสืบทอดมาจากพรรคไทยรักไทยที่เขาเป็นผู้ก่อตั้ง ได้เสนอแพทองธาร ชินวัตร บุตรคนสุดท้องของเขา ในบัญชีรายชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้ง ส.ส. ที่มีกำหนดจัดขึ้นอีกสองเดือนหลังจากนั้น ต่อมาในวันที่ 9 พฤษภาคม ก่อนการเลือกตั้งใหญ่เพียงห้าวัน เขาทวีตข้อความพร้อมกลับไทยและเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายในเดือนกรกฎาคม "ด้วยความผูกพันกับครอบครัว แผ่นดินเกิด และเจ้านายของเรา" ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าพรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจกลับประเทศไทยของทักษิณ บีบีซีไทยวิเคราะห์ว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. ในการเลือกตั้งเป็นอันดับ 2 รองจากพรรคก้าวไกล

ในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่าบิดาของเธอจะกลับประเทศไทยเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง ซึ่งอาจจะเป็นภายในเดือนกรกฎาคมหรือหลังจากนั้นไม่นานนัก สิบสี่วันต่อมาเธอได้ประกาศว่าทักษิณจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 10 สิงหาคม โดยเครื่องบินที่ทักษิณโดยสารจะลงจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ด้านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ระบุว่าหากทักษิณกลับไทย ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย อีกสองวันต่อมา ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่าทักษิณยกเลิกการเดินทางกลับประเทศไทยอย่างกะทันหัน เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามแพทองธารก็ได้แสดงความคิดเห็นปฏิเสธสิ่งที่ชูวิทย์ระบุไว้

อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ วิเคราะห์ว่าหากทักษิณได้กลับประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าว อาจทำให้กลุ่มพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยซึ่งเคยร่วมต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์มาด้วยกัน เกิดความแตกแยก และส่งผลต่อชนชั้นนำในทางบวก เขายังระบุว่าหากพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้ การเมืองภาคประชาชนโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะดำเนินไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น

ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร 
ทักษิณปรากฏตัวที่กัมพูชา เพื่อเข้าร่วมอวยพรวันเกิดแก่ฮุน เซนนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในวันที่ 5 สิงหาคม ภายหลังจากการประกาศเลื่อนกลับไทยในวันที่ 10 สิงหาคม ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2566 หลังจากพรรคเพื่อไทยประกาศยกเลิกบันทึกความเข้าใจกับพรรคก้าวไกลและเสนอชื่อเศรษฐา ทวีสิน ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งถัดไป มีรายงานข่าวว่าทักษิณได้เลื่อนการเดินทางกลับไทยจากกำหนดเดิมออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว อย่างไรก็ตามอีกสองวันต่อมา ทักษิณก็ได้ระบุผ่านทวิตเตอร์ของตนเองว่าขอเลื่อนการเดินทางกลับประเทศไทยจากกำหนดเดิมออกไปอีกอย่างน้อยสองสัปดาห์ เพื่อตรวจร่างกายให้เสร็จสิ้น โดยจะแจ้งวันและเวลาในการเดินทางกลับให้ทราบอีกครั้งในภายหลัง วันเดียวกันสำนักข่าวพนมเปญโพสต์ได้เผยแพร่ภาพทักษิณและยิ่งลักษณ์ร่วมฉลองวันเกิดฮุน เซน ที่เมืองตาเขมาของกัมพูชา ทั้งนี้ ทักษิณและฮุน เซน มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2535

การเดินทางกลับประเทศไทยครั้งที่สอง

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2566 แพทองธารได้ประกาศว่าจะเดินทางไปรับทักษิณที่ท่าอากาศยานดอนเมืองในช่วงเช้าของอีกสามวันถัดจากนั้น ซึ่งตรงกับวันที่มีการประชุมร่วมของรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่สาม ที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อเศรษฐาให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ วันเดียวกันทักษิณให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทย ระบุว่าที่ตัดสินใจเดินทางกลับไทยในช่วงเวลาดังกล่าวเพราะเป็นฤกษ์ดี ไม่เกี่ยวข้องกับวันลงมติให้ความเห็นชอบบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และจะไม่เลื่อนกำหนดการอีก ไม่นานหลังจากนั้นเขายืนยันกำหนดการกลับประเทศไทยอีกครั้งผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ทั้งนี้ มีกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนเดินทางไปรอต้อนรับเขาที่ท่าอากาศยานดอนเมือง

ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร 
ทักษิณกราบเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทย

22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เวลาประมาณ 09.00 น. ทักษิณเดินทางถึงประเทศไทยด้วยเครื่องบิน Gulfstream G650 เที่ยวบินที่ GLF6 จากท่าอากาศยานเซเลตาร์ในประเทศสิงคโปร์ มายังท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อเดินทางถึงอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคล เขาได้ไปถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี พร้อมพบปะกับครอบครัว, สมาชิกพรรคเพื่อไทย และมวลชน ก่อนเดินกลับเข้าอาคาร ทั้งนี้ ระหว่างทักษิณเดินทางมายังประเทศไทย มีผู้ติดตามเที่ยวบินดังกล่าวผ่านแอปพลิเคชัน Flightradar24 ประมาณ 1.4 หมื่นราย สูงที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว อีกทั้งแฮชแท็ก #ทักษิณกลับไทย ยังขึ้นเทรนด์ความนิยมอันดับหนึ่งในไทยของทวิตเตอร์ในวันดังกล่าวด้วย

การพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ

หลังจากทักษิณเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว ตำรวจได้นำตัวเขาไปยังศาลฎีกา ก่อนส่งตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ แต่คืนวันเดียวกันในขณะถูกคุมขัง ทักษิณมีอาการนอนไม่หลับ แน่นหน้าอก ความดันโลหิตสูง แพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์วินิจฉัยแล้วจึงส่งเขาไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่มีความพร้อมด้านเครื่องมือแพทย์มากกว่า โดยทักษิณขึ้นไปพักรักษาตัวที่ห้องรอยัลสูท ชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา เวลาต่อมาแพทองธารเผยว่าทักษิณมีอาการอ่อนเพลียและเครียด อีกทั้งยังมีอาการต่อเนื่องจากการป่วยเป็นโควิด-19 เธอยังกล่าวว่าการขอพระราชทานอภัยโทษนั้นเป็นดุลยพินิจของบิดา และไม่ได้มีการร้องขอเพื่อย้ายเขาไปรักษายังโรงพยาบาลเอกชนแต่อย่างใด

ต่อมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีและรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมได้รับหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณจากครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อจากนั้นจะส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป และในวันดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษให้ทักษิณ โดยคงเหลือจำคุก 1 ปี ทั้งนี้ ผู้ดำเนินการทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษแก่ทักษิณ คือพลเอกประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการ มิใช่เศรษฐาซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้วในขณะนั้น

การพักโทษ

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ทักษิณพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจในฐานะนักโทษเด็ดขาดครบ 6 เดือน จึงได้รับการปล่อยตัวโดยมีการคุมประพฤติ (พักโทษ) ด้วยเงื่อนไขจำนวน 8 ข้อ เขาเดินทางออกจากโรงพยาบาลตำรวจพร้อมบุตรสาวทั้ง 2 คนเมื่อเวลา 06.06 น. และกลับถึงบ้านจันทร์ส่องหล้าในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา โดยมีมวลชนเสื้อแดงบางส่วนรอให้กำลังใจหน้าบ้านพัก พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์ว่าการได้รับพักโทษนี้ทำให้ทักษิณสามารถสั่งงานในทางการเมืองได้สะดวกขึ้นและอีกไม่กี่วันถัดมาหลังจากเขาได้รับการพักโทษ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เข้าพบเขาที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

คดีความ

คดีซุกหุ้น พ.ศ. 2544

หลังจากที่ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2544 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ทักษิณ ชินวัตร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งมีความผิดตามรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 มาตรา 295 ซึ่งเป็นความผิดที่จะต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี คดีนี้ถูกเรียกว่า คดีซุกหุ้น เนื่องจากรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่าห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและภรรยาถือหุ้นในบริษัทเอกชนตามที่กฎหมายกำหนด แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับปกปิดความเป็นเจ้าของหุ้นโดยการโอนหุ้นที่มีอยู่ไปให้คนรับใช้ คนรถ คนสวนถือแทน ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า (1) รัฐธรรมนูญไม่มีนิยามคำว่า "ทรัพย์สินของตน", (2) คำอธิบายแบบบัญชีฯ ไม่ชัดเจน, (3) การไม่แสดงทรัพย์สินที่ใช้ชื่อบุคคลอื่นถือแทน ซึ่งเดิมไม่กำหนดให้แสดง ไม่ถือเป็นความผิด, (4) ไม่จงใจไม่แสดงรายการทรัพย์สินที่ใช้ชื่อบุคคลอื่น, (5) ไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องยื่นบัญชีฯ ก่อนการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งเพิ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 และ (6) ในหนังสือลับ ลงวันที่ 14, 24 และ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ถึงประธานอนุกรรมการตรวจสอบฯ ผู้ถูกร้อง (ทักษิณ ชินวัตร) ชี้แจงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเหตุผลที่มิได้แสดงไว้ในบัญชีฯ โดยให้ถือการแจ้งรายการทรัพย์สินเพิ่มเติมเป็นส่วนหนึ่งของบัญชีฯ ที่ยื่นทั้งสามครั้งด้วย ในขณะที่นายกล้าณรงค์ จันทิก เลขานุการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ-ปปช. ชี้แจงว่า (1) แม้รัฐธรรมนูญจะไม่นิยามคำว่า "ทรัพย์สินของตน" ไว้ แต่เป็นที่เข้าใจได้, (2) คำอธิบายแบบบัญชีฯ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงคงมีสาระสำคัญเหมือนเดิม แต่มีการแก้ไขเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อย เพื่อทำให้มีความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น, (3) ไม่ปรากฏว่ามีรัฐมนตรีหรือผู้ยื่นบัญชีฯรายใด ยกเหตุไม่แสดงรายการทรัพย์สิน เพราะใช้ชื่อบุคคลอื่นถือแทน โดยอ้างว่าไม่เข้าใจคำอธิบายบัญชีฯ และ (4) แม้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 แต่ผู้ถูกร้องมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีฯตามรัฐธรรมนูญนี้ ตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้บังคับ คือ วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2540 แล้ว ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยด้วยเสียง 8 ต่อ 7 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้มีเจตนาในเรื่องดังกล่าว ท่ามกระแสกดดันจากสังคมมายังศาลรัฐธรรมนูญ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณกำลังได้รับความนิยมมากในขณะนั้น ควรได้รับโอกาสในการบริหารประเทศ อย่างไรก็ตามก็มีอีกบางส่วนของสังคมที่เคลือบแคลงสงสัยในคำตัดสินของศาล และทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณถูกมองว่าแทรกแทรงกระบวนการยุติธรรม จนมีการไปร้องเรียนเพื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 4 คน ในเวลาต่อมา

ในปี พ.ศ. 2555 คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ได้แถลงสรุปผลรายงานคอป.ฉบับสมบูรณ์หลังครบวาระการทำงาน 2 ปี ว่า สาเหตุของวิกฤตการณ์ทางการเมืองทั้งหมด เกิดจาก "คดีซุกหุ้น" ที่ตุลาการรัฐธรรมนูญปฏิบัติผิดหลักกฎหมาย เนื่องจากใน 8 เสียงที่ตัดสินให้ทักษิณพ้นผิดนั้น มี 2 เสียงที่ลงมติว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดในเนื้อหาของคดี เข้าไปบวกรวมกับคะแนนเสียง 6 เสียง ทำให้ผลการตัดสินออกมากลายเป็น 8 ต่อ 7 ไม่ใช้ 6 ต่อ 7 ทำให้ทักษิณพ้นผิด ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยในกระบวนการยุติธรรมของไทยในเวลาต่อมา

คดีขายหุ้นกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2549 ระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง ของทักษิณ ครอบครัวชินวัตรและดามาพงศ์ ขายหุ้นของ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น ที่ครอบครองอยู่ทั้งหมด ให้แก่บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด (พีทีอี) ซึ่งทักษิณชี้แจงว่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน แต่กลับมีบุคคลบางกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เนื่องจากเห็นว่าการแก้ไขกฎหมายที่ว่าด้วยการขายหุ้นในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านั้น เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกรณีดังกล่าว รวมทั้งการไม่ต้องเสียภาษีรายได้จากผลกำไรในการขายหุ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาคกัน เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นจุดสำคัญที่ทำให้กระแสการขับทักษิณออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขยายตัวออกไปในวงกว้าง

ในปี 2563 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยให้จำคุก 5 ปีฐานแปลงสัญญาสัมปทานกิจการโทรคมนาคม เป็นภาษีสรรพสามิตเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของตน

คดีที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ตัดสินใจไม่ไปรายงานตัวต่อศาลคดีการเมืองในคดีที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก โดยทั้งสองเดินทางไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่มีบุตรธิดาทั้งสามรออยู่แล้ว โดยก่อนหน้านั้น ทั้งสองขออนุญาตออกนอกประเทศต่อศาลคดีการเมือง เพื่อไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ตามคำเชิญของรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ทั้งสองกลับเดินทางต่อไปยังประเทศอังกฤษ เพื่อขอลี้ภัยทางการเมือง โดยไม่เดินทางกลับมารายงานตัวต่อศาลคดีการเมือง

ด้วยเหตุนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงออกหมายจับทักษิณและคุณหญิงพจมานในความผิดฐานประพฤติมิชอบ ในการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท และตั้งสินบนนำจับทันที โดยคดีของ ทักษิณ มีอายุความ 15 ปี ถึงวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ส่วนคดีของคุณหญิงพจมาน มีอายุความ 10 ปี ถึงวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561

คดียึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติและได้มาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมของทักษิณ ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตกเป็นของแผ่นดิน โดยศาลมีคำวินิจฉัยว่า ทักษิณเป็นเจ้าของหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น ที่แท้จริง และใช้อำนาจหน้าที่ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์ให้แก่ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น, บริษัท แอดวานซ์อินโฟเซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (เอไอเอส) และบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) โดยตรง อันมีผลทำให้มูลค่าหุ้นของ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น สูงขึ้น รวมทั้งได้เงินปันผลจำนวนดังกล่าว จึงมีคำพิพากษาให้ยึดเฉพาะเงินค่าขายหุ้น ส่วนที่เพิ่มขึ้นหลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเงินปันผล จำนวนทั้งสิ้น 46,373,687,454.64 บาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งทักษิณ ไม่ยอมรับผลการตัดสินดังกล่าว และอาจยื่นเรื่องเพื่ออุทธรณ์ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศต่อไป แต่ในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่าไม่ต้องการเงินคืน เพียงแต่ขอให้มีการพิจารณาคดีต่าง ๆ ที่มีก่อนรัฐประหารใหม่ให้ถูกต้องเท่านั้น

คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัทกฤษดามหานคร

คดีหมายเลขแดงที่ อม. 55/2558 ศาลออกหมายจับในวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย

วัฒนธรรมและภาพลักษณ์ทางการเมือง

เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2544 ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็น ประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง จำนวน 1,353 ตัวอย่าง ในหัวข้อ "ภาพลักษณ์นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ในสายตาประชาชน" ผลปรากฏว่าประชาชนมั่นใจทักษิณ ในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

มั่นใจ ไม่มั่นใจ ไม่มีความเห็น
ความสามารถในการเป็นผู้นำประเทศ 90.2 7.2 2.6
ความสามารถในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 67.6 28.2 4.3
ไม่ปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง 33.3 48.3 18.4
ไม่แสวงหาผลประโยชน์จากโครงการต่าง ๆ 35.1 38.1 26.8
ความสามารถในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง 38.0 48.0 14.0
ความสามารถในการบริหารประเทศ 85.1 9.2 5.6
ความจริงจังในการทำงานเพื่อประชาชน 79.7 12.6 7.7
การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน 77.6 10.3 12.0

แต่หลังจากที่มีรัฐประหารแล้ว เอแบคโพลเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,864 ตัวอย่าง ในหัวข้อ "อารมณ์และความรู้สึกเบื้องต้นของสาธารณชน ต่อพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เปรียบเทียบกับทักษิณ และภาพลักษณ์ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ" ผลปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่ ระบุภาพลักษณ์พลเอก สุรยุทธ์ ดีเหมือนเดิมถึงดีขึ้นในทุกตัวชี้วัด เช่นร้อยละ 65.1 ระบุความเป็นที่ไว้วางใจได้ ร้อยละ 63.2 ระบุด้านคุณธรรม เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 60.2 ให้ความเชื่อมั่นต่อ พลเอก สุรยุทธ์

ต่อมาวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เอแบคโพลเปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ และผลวิจัยเชิงคุณภาพ เรื่อง "ฐานสนับสนุนนักการเมือง กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เปรียบเทียบระหว่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ทักษิณ ชินวัตร" กรณีศึกษาประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 27 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 4,286 ครัวเรือน ดำเนินโครงการสำรวจระหว่างวันที่ 22 - 24 ตุลาคม พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.4 ขออยู่ตรงกลาง ยังไม่สนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ในขณะที่ ร้อยละ 25.0 สนับสนุน ทักษิณ ขณะที่ร้อยละ 21.6 สนับสนุนนายอภิสิทธิ์

กลุ่มผู้สนับสนุน

กลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยในระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร 
รถบรรทุกตำรวจติดป้ายประกาศจับทักษิณ

นับตั้งแต่มีการจัดตั้งรัฐบาลสมัยที่สองเป็นต้นมา ทักษิณก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายผู้ไม่เห็นด้วย ผู้นิยมพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม และนักวิชาการที่มีแนวคิดแตกต่างกับรัฐบาล โดยทักษิณก็ตอบโต้ ด้วยการตั้งฉายาให้กลุ่มนักวิชาการ และผู้ที่วิจารณ์อยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ เช่น กลุ่มรู้ทันทักษิณ หรือธีรยุทธ บุญมี ว่าเป็น “ขาประจำ”

ต่อมา ปลายปี พ.ศ. 2548 ทักษิณมอบหมายให้ธนา เบญจาธิกุล ทนายความส่วนตัว ยื่นฟ้องสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการต่อศาลแพ่ง โดยเรียกค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท รวมถึงในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ก็ยื่นฟ้องสนธิในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วย แต่หลังจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ทักษิณจึงมอบหมายให้ธนาดำเนินการถอนฟ้อง เพื่อรับสนองกระแสพระราชดำรัส พร้อมกันนี้ ศาลก็ได้ยกคำร้องของตำรวจไปทั้งหมด

ค่ำวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2549 พลตำรวจเอก ประทิน สันติประภพ, คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, กล้านรงค์ จันทิก อดีตเลขาธิการ ป.ป.ช., สนธิ ลิ้มทองกุล และพวก นำประชาชนที่มาร่วมชมรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรที่สวนลุมพินี กว่า 3,000 คน เดินเท้ามายังหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันให้ทักษิณลาออกจากตำแหน่ง อีกทั้งมีบางส่วนที่บุกรุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย และเนื่องจากรุ่งขึ้นเป็นวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งจะมีเด็กและเยาวชนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก จึงมีการสลายการชุมนุมในคืนวันนั้น

จากกรณีการขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น ทำให้บุคคลบางกลุ่มที่ต่อต้านทักษิณ และที่เห็นว่าทักษิณหลีกเลี่ยงภาษี ร่วมกันแสดงท่าทีขับไล่ทักษิณออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึงการเข้าร่วมชุมนุมประท้วง ที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทักษิณจัดขึ้นนานมาแล้ว จนเมื่อเกิดการขายหุ้นดังกล่าว ตามที่สนธิ ลิ้มทองกุลคาดการณ์ไว้แล้ว ส่งผลให้มีผู้ร่วมชุมนุมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เย็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ทักษิณประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 โดยกล่าวถึงเหตุผลในตอนหนึ่งของแถลงการณ์ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยเมื่อเวลา 20.30 น. ของคืนวันเดียวกันว่า มีกลุ่มผู้ประท้วงที่ต่อต้านระบอบประชาธิปไตย กดดันให้ตนลาออกจากตำแหน่ง

วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2549 พรรคไทยรักไทยจัดการปราศรัยใหญ่ที่ท้องสนามหลวง โดยทักษิณในฐานะหัวหน้าพรรค ขึ้นปราศรัยในเวลา 20.00 น. มีผู้เดินทางมาฟังปราศรัยประมาณสองแสนคน จนเต็มท้องสนามหลวง

วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2549 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยแกนนำทั้ง 5 คน นำประชาชนจำนวนหนึ่งปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันทุกวิถีทางให้ทักษิณลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเว้นวรรคทางการเมือง อีกทั้งต้องตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด แต่ทักษิณก็ยืนยันว่า ตนจะลาออกจากตำแหน่งรักษาการไม่ได้ โดยให้เหตุผลว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 215 วรรคสอง บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ จึงไม่สามารถลาออกจากตำแหน่งได้

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคฝ่ายค้านสามพรรค คือพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน ประกาศว่าจะไม่ส่งผู้สมัครลงรับการเลือกตั้ง และมีการกล่าวหาว่าพรรคไทยรักไทยจ้างให้พรรคการเมืองขนาดเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อมิให้ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พุทธศักราช 2542 โดยผลการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคไทยรักไทยยังได้รับคะแนนเสียงข้างมาก ซึ่งในการเลือกตั้งมีปัญหาอยู่หลายอย่างคือ มีแค่ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยเพียงพรรคเดียวลงรับสมัครเลือกตั้ง และได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 20 และปัญหาหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับการฉีกบัตรเลือกตั้งซึ่งมีจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และ ส.ส. มีจำนวนไม่ครบในสภา แถมยังมีการจ้างพรรคเล็ก ๆ ลงเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยง การได้คะแนนมากกว่าร้อยละ 20 จนกระทั่งไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้

วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2549 เวลา 20.30 น. ทักษิณ ออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า แม้พรรคไทยรักไทยจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งก็ตาม แต่ตนจะไม่ขอรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก แต่จำเป็นจะต้องรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อรอการสรรหาคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีที่เหมาะสม

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายนเป็นโมฆะ และหารือกับคณะรัฐมนตรีแล้วเห็นด้วยที่จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2549 และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง 3 คน

วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2549 ทักษิณ เดินทางด้วยเครื่องบินประจำตำแหน่ง ไปยังนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ

วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เวลากลางคืน คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นำโดยพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ทำการยึดอำนาจการปกครอง จากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยอ้างเหตุว่า การบริหารราชการแผ่นดินโดยมิชอบธรรม และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ในขณะที่ทักษิณยังปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ และได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2549 และได้ประกาศให้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นของหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ได้ประกาศแต่งตั้ง พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว

การขับไล่ทักษิณ ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

การขับไล่ทักษิณ ให้ลาออกจากตำแหน่ง เริ่มต้นขึ้นในปลายปี พ.ศ. 2548 จากการนำของสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ต่อมาเปลี่ยนสภาพเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งขยายตัวออกไปยังบุคคลหลากหลายสาขาอาชีพในเวลาต่อมา การขับไล่ทักษิณสิ้นสุดลงในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 หลังจากการก่อรัฐประหาร

กรณีศาลท้าวมหาพรหม

ในช่วงเช้าของวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 ธนกร ภักดีผล ผู้เคยมีประวัติอาการทางจิตและภาวะซึมเศร้า เข้าทำลายรูปปั้นท้าวมหาพรหม ใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งภายหลังถูกชาวบ้านทุบตีจนเสียชีวิต จากเหตุการณ์ดังกล่าว สนธิ ลิ้มทองกุล หยิบยกมากล่าวอ้างในการชุมนุมในวันรุ่งขึ้นว่า ทักษิณบงการให้เกิดการทำลายเทวรูปดังกล่าว และแทนที่เทวรูปพระพรหมด้วย "อำนาจมืด" ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้กับเขา สนธิยังกล่าวอ้างต่อไปว่า ทักษิณว่าจ้างให้ธนกรกระทำการดังกล่าว ผ่านทางชาแมนมนต์ดำเขมร โดยสนธิอ้างว่า เนื่องจากทักษิณ "เป็นผู้หลงใหลอยู่ในความเชื่อที่ผิด" และกระทำการดังกล่าวเพื่อ "เป็นการปัดเป่าลางร้าย" สายันต์ ภักดีผล บิดาผู้เสียชีวิต กล่าวว่าสนธิเป็น "คนโกหกคำโตที่สุดที่เคยเจอมา" ส่วนทักษิณมองว่า การกล่าวอ้างของนายสนธิ "บ้า" และจนถึงปัจจุบัน นายสนธิก็ยังปฏิเสธจะให้ "ข้อมูลเชิงลึก" แก่สาธารณชนในเรื่องดังกล่าว

การวิจารณ์จากสื่อต่างประเทศ

วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2545 นิตยสาร "ฟาร์อิสเทิร์นอีโคโนมิกรีวิว" (Far Eastern Economic Review) ลงบทความว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับ ทักษิณ โดยรัฐบาลไทยออกคำสั่งห้ามจำหน่าย นิตยสารดังกล่าว และระงับหนังสือเดินทาง ของชอวน์ คริสปิน (Shawn Crispin) กับรอดนีย์ แทสเกอร์ (Rodney Tasker) ผู้สื่อข่าวของนิตยสาร โดยให้เหตุผลว่า เป็นภัยต่อความมั่นคง

นิตยสาร Foreign Policy ในเครือวอชิงตันโพสต์ ยกตัวอย่างทักษิณเป็นอดีตผู้นำของโลกคนหนึ่งที่ไม่ปฏิบัติเป็นตัวอย่างที่ดีหลังจากพ้นตำแหน่ง โดยอ้างถึงการเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังถูกรัฐประหารด้วยข้อกล่าวหาทุจริต และละเมิดสิทธิมนุษย์ชน ส่วนนิตยสารฟอบส์ จัดอันดับให้ทักษิณเป็นหนึ่งในบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกที่ใช้ชีวิตในคุกหรืออยู่ระหว่างหลบหนีคดี โดยที่ทักษิณถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ทักษิณปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

ชีวิตส่วนตัว

ในปี 2563 มีข่าวว่าเขาติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่พักอยู่ในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์พร้อมกับคนใกล้ชิด

ในปี พ.ศ. 2566 ฟอบส์รายงานว่าทักษิณมีทรัพย์สินรวมทั้งหมด 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เกียรติยศและรางวัลที่ได้รับ

  • ได้รับการยกย่องให้เป็นนักการเมืองที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด จาก สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ประจำปี พ.ศ. 2544, พ.ศ. 2550, พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2555 เขาได้รับการจัดอันดับเป็นนักการเมืองที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุดอันดับที่ 1
  • รางวัล 1992 Asean Business Man of the Year โดย Asean Institute ประเทศ อินโดนีเซีย (พ.ศ. 2535)
  • ได้รับการยกย่องให้เป็น บุคคลดีเด่นผู้พัฒนาโทรคมนาคม เพื่อสังคมของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2536 จากสมาคมโทรคมนาคม แห่งประเทศไทย (พ.ศ. 2537)
  • ได้รับการยกย่องให้เป็น Asian CEO of the Year จาก นิตยสาร Financial World (พ.ศ. 2537)
  • รับพระราชทาน วารสารศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (พ.ศ. 2537)
  • รางวัล Outstanding Criminal Justice Alumnus Awards จาก Criminal Justice Center, มหาวิทยาลัยแซมฮิวสตันสเตท สหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2539)
  • รางวัล Distinguished Alumni Award จากมหาวิทยาลัยแซมฮิวสตันสเตท (5 ตุลาคม พ.ศ. 2539)
  • รางวัลเกียรติยศจากสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย สาขานักการเมือง พ.ศ. 2540
  • รางวัล โลซินเซีย แอปพลิเคชัน อวอร์ด จากองค์การภาพยนตร์ โมชั่น พิคเจอร์แอปพลิเคชัน (พ.ศ. 2546)
  • ได้รับการยกย่องให้เป็น นักการเมืองชายดีเด่นแห่งปี จาก กรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ประจำปี พ.ศ. 2546
  • รางวัล International Forgiveness Award 2004 ซึ่งมอบให้แก่บุคคลที่มีความพยายามมุ่งไปสู่สันติภาพ และสร้างความเป็นเอกภาพ (พ.ศ. 2547)
  • ได้รับการยกย่องให้เป็น บุคคลในสังคมไทยที่มีพฤติกรรมน่าชื่นชมยกย่องมากที่สุดในรอบปีในสายตาคนกรุงเทพ จาก กรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ประจำปี พ.ศ. 2548
  • ได้รับปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันเศรษฐศาสตร์แห่งรัสเซีย (Plekhanov Russian Academy of Economics) (พ.ศ. 2550)
  • ได้รับการแต่งตั้งเป็น ศาสตราจารย์อาคันตุกะทางด้านธุรกิจของเอเชียและโมเดลทางเศรษฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยทากุโชกุ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2550
  • รางวัลรัฐบุรุษเอบีแอลเอฟ พ.ศ. 2555
  • ได้รับการยกย่องให้เป็น บุคคลที่คนไทยชื่นชอบที่สุด จากยูกอฟ บริษัทวิจัยและสำรวจข้อมูลและความคิดเห็นด้านการตลาดทางอินเทอร์เน็ตแห่งสหราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. 2561

หน้าที่การงาน และ บทบาททางสังคม

ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร 
ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

ทั้งนี้ เขาถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของประเทศไทยทั้งหมด เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2562

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

  • ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร  บาห์เรน :
    • พ.ศ. 2545 – ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร  เครื่องราชอิสริยาภรณ์อะห์หมัด อัล ฟาติห์ ชั้นที่ 2
  • ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร  บรูไน :
    • พ.ศ. 2545 – ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร  เครื่องราชอิสริยาภรณ์เซเทีย เนการา บรูไน ชั้นสูงสุด

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้า ทักษิณ ชินวัตร ถัดไป
ชวน หลีกภัย ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร  ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร 
นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 23
(ครม. 54
และ 55)
(9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 – 11 มีนาคม พ.ศ. 2548
11 มีนาคม พ.ศ. 2548 – 19 กันยายน พ.ศ. 2549)
ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร  สุรยุทธ์ จุลานนท์
เกษม วัฒนชัย ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร  ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร 
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
(14 มิถุนายน พ.ศ. 2544 – 9 ตุลาคม พ.ศ. 2544)
ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร  สุวิทย์ คุณกิตติ
ประสงค์ สุ่นศิริ ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร  ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร 
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
(25 ตุลาคม พ.ศ. 2537 – 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538)
ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร  กระแส ชนะวงศ์
ก่อตั้งพรรค ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร  ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร 
หัวหน้าพรรคไทยรักไทย
(14 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 – 2 ตุลาคม พ.ศ. 2549)
ทักษิณ ชินวัตร: ประวัติและปฐมวัย, การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เหตุลอบสังหาร  จาตุรนต์ ฉายแสง
(รักษาการ)

Tags:

ทักษิณ ชินวัตร ประวัติและปฐมวัยทักษิณ ชินวัตร การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เหตุลอบสังหารทักษิณ ชินวัตร ความเคลื่อนไหวหลังรัฐประหาร พ.ศ. 2549ทักษิณ ชินวัตร คดีความทักษิณ ชินวัตร วัฒนธรรมและภาพลักษณ์ทางการเมืองทักษิณ ชินวัตร ชีวิตส่วนตัวทักษิณ ชินวัตร เกียรติยศและรางวัลที่ได้รับทักษิณ ชินวัตร หน้าที่การงาน และ บทบาททางสังคมทักษิณ ชินวัตร เครื่องราชอิสริยาภรณ์ทักษิณ ชินวัตร ดูเพิ่มทักษิณ ชินวัตร อ้างอิงทักษิณ ชินวัตร แหล่งข้อมูลอื่นทักษิณ ชินวัตร

🔥 Trending searches on Wiki ไทย:

วชิรวิชญ์ ชีวอารีหลิน เกิงซินรายพระนามและชื่ออธิบดีกรมตำรวจและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของไทยนวลพรรณ ล่ำซำธีราทร บุญมาทันราณี แคมเปนฉัตรชัย เปล่งพานิชข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารายชื่อสโมสรฟุตบอลในประเทศไทยเดเนียล สเตอร์ริดจ์สามเหลี่ยมเบอร์มิวดามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือรายชื่อผลงานของอุรัสยา เสปอร์บันด์ประเทศเกาหลีสุจาริณี วิวัชรวงศ์อิทธิบาท 4ดวงใจเทวพรหมทวีปแอฟริกาฟุตซอลฟุตบอลโลก 2026การบินไทยราชวงศ์ในประวัติศาสตร์จีนดวงจันทร์4 KINGS 2จังหวัดอุบลราชธานีจังหวัดภูเก็ตเยอรมนีประวัติศาสตร์จีนซูเปอร์เซ็นไตซีรีส์การโฆษณาสารัช อยู่เย็นอุปสงค์และอุปทานชวน หลีกภัยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราชดอลลาร์สหรัฐระบบสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกภาคใต้ (ประเทศไทย)พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจังหวัดมหาสารคามกระทรวงในประเทศไทยจังหวัดสกลนครแซ็สก์ ฟาบรากัสวชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญสโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์จังหวัดตราดวอชิงตัน ดี.ซี.เอซี มิลานเอ็กซูม่ายุกต์ ส่งไพศาลกองทัพ พีคพาทิศ พิสิฐกุลฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสรายชื่อโรงเรียนในจังหวัดเชียงใหม่มีนาคมราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ฟุตบอลโลก 2006ฟุตบอลทีมชาติเวลส์อู๋ เหล่ย์ (นักแสดง)รายชื่อสถาบันอุดมศึกษาในกรุงเทพมหานครจิรภพ ภูริเดชกรมการปกครองมาซาตาดะ อิชิอิจุฑาวัชร วิวัชรวงศ์สุภาพร มะลิซ้อนประเทศอินเดียจริยา แอนโฟเน่รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดสมุทรปราการสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรอิงฟ้า วราหะพิจักขณา วงศารัตนศิลป์คงกะพัน แสงสุริยะพระพุทธชินราชสุพรรณ ทองสงค์🡆 More