ภาษาสันสกฤต

ภาษาสันสกฤต (มาจากคำว่า संस्कृत-, สํสฺกฺฤต-, แปลงเป็นคำนาม: संस्कृतम्, สํสฺกฺฤตมฺ) เป็นภาษาคลาสสิกในเอเชียใต้ที่อยู่ในสาขาอินโด-อารยันของตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียน ภาษานี้เกิดขึ้นในเอเชียใต้หลังจากที่ภาษารุ่นก่อนหน้าได้แพร่กระจายไปที่นั่นจากทางตะวันตกเฉียงเหนือในยุคสัมฤทธิ์ตอนปลาย ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดู ภาษาของปรัชญาฮินดูคลาสสิก และภาษาของวรรณกรรมศาสนาพุทธและศาสนาเชนในอดีต นอกจากนี้ยังเป็นภาษากลางภาษาหนึ่งในเอเชียใต้สมัยโบราณถึงสมัยกลาง และในช่วงการเผยแผ่วัฒนธรรมฮินดูกับพุทธไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียกลางในสมัยกลางตอนต้น ได้กลายเป็นภาษาทางศาสนาและวัฒนธรรมชั้นสูง และภาษาของผู้ทรงอำนาจทางการเมืองในบางภูมิภาค ด้วยเหตุนี้ ภาษาสันสกฤตจึงมีอิทธิพลอย่างยาวนานต่อภาษาในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงศัพท์ทางการและวงศัพท์วิชาการของภาษาเหล่านั้น

ภาษาสันสกฤต
संस्कृतम्
สํสฺกฺฤตมฺ
[[File:
ภาษาสันสกฤต
ภาษาสันสกฤต
(บน) เอกสารตัวเขียนภาษาสันสกฤตสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 จาก ภควัทคีตา ซึ่งแต่งขึ้นในช่วงประมาณ 400–200 ปีก่อนคริสต์ศักราช (ล่าง) แสตมป์ครบรอบ 175 ปีของวิทยาลัยสันสกฤตโกลกาตา วิทยาลัยภาษาสันสกฤตที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 3 (ส่วนอันดับที่ 1 คือวิทยาลัยสันสกฤตพาราณาสีซึ่งก่อตั้งใน ค.ศ. 1791)
|200px]]
ออกเสียง[sɐ̃skr̩tɐm]
ภูมิภาคเอเชียใต้ (สมัยโบราณถึงสมัยกลาง), บางส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สมัยกลาง)
ยุคประมาณ 1,500–600 ปีก่อนคริสต์ศักราช (ภาษาพระเวท);
700 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ. 1350 (สันสกฤตแบบแผน)
ตระกูลภาษา
รูปแบบก่อนหน้า
ภาษาพระเวท
  • ภาษาสันสกฤต
ระบบการเขียนแต่เดิมเป็นภาษาที่สืบมาโดยมุขปาฐะ ไม่พบหลักฐานตัวเขียนจนกระทั่งศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช เมื่อมีการเขียนเป็นอักษรพราหมี และต่อมาเขียนเป็นอักษรต่าง ๆ ในตระกูลพราหมี
สถานภาพทางการ
ภาษาทางการภาษาสันสกฤต อินเดีย (หนึ่งในภาษา 22 ภาษาในกำหนดรายการที่แปดของรัฐธรรมนูญ)
ภาษาชนกลุ่มน้อยที่รับรองในภาษาสันสกฤต แอฟริกาใต้ (ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ)
รหัสภาษา
ISO 639-1sa
ISO 639-2san
ISO 639-3san
บทความนี้มีสัญลักษณ์สัทอักษรสากล หากระบบของคุณไม่รองรับการแสดงผลที่ถูกต้อง คุณอาจเห็นปรัศนี กล่อง หรือสัญลักษณ์อย่างอื่นแทนที่อักขระยูนิโคด

โดยทั่วไป สันสกฤต สื่อความหมายถึงวิธภาษาอินโด-อารยันเก่าหลายวิธภาษา วิธภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มนี้คือภาษาพระเวทในคัมภีร์ ฤคเวท ซึ่งประกอบด้วยบทสวด 1,028 บทที่แต่งขึ้นในช่วงระหว่าง 1,500 ถึง 1,200 ปีก่อนคริสต์ศักราชโดยชนเผ่าอินโด-อารยันที่ย้ายถิ่นจากบริเวณที่เป็นอัฟกานิสถานในปัจจุบันไปทางตะวันออก ผ่านตอนเหนือของปากีสถาน แล้วเข้าสู่ตอนเหนือของอินเดีย ภาษาพระเวทมีปฏิสัมพันธ์กับภาษาโบราณที่ปรากฏอยู่ก่อนแล้วในอนุทวีป โดยรับชื่อเรียกพืชและสัตว์ที่ค้นพบใหม่เข้ามาใช้ในภาษา นอกจากนี้ ภาษากลุ่มดราวิเดียนโบราณยังมีอิทธิพลต่อระบบสัทวิทยาและวากยสัมพันธ์ภาษาสันสกฤตด้วย สันสกฤต ในนิยามอย่างแคบอาจหมายถึงภาษาสันสกฤตแบบแผน ซึ่งเป็นรูปแบบไวยากรณ์ที่ผ่านการขัดเกลาและปรับเป็นมาตรฐานในช่วงกลางสหัสวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช และได้รับการจัดประมวลใน อัษฏาธยายี ตำราไวยากรณ์โบราณที่มีความครอบคลุมมากที่สุด กาลิทาส นักเขียนบทละครผู้ยิ่งใหญ่ แต่งผลงานเป็นภาษาสันสกฤตแบบแผน และรากฐานของเลขคณิตสมัยใหม่ได้รับการอธิบายครั้งแรกเป็นภาษาสันสกฤตแบบแผน อย่างไรก็ตาม มหากาพย์ภาษาสันสกฤตที่สำคัญอย่าง มหาภารตะ และ รามายณะ นั้นได้รับการแต่งขึ้นโดยใช้ทำเนียบภาษามุขปาฐะที่เรียกว่าภาษาสันสกฤตมหากาพย์ ซึ่งใช้กันในตอนเหนือของอินเดียระหว่าง 400 ปีก่อนคริสต์ศักราชถึง ค.ศ. 300 และร่วมสมัยกับภาษาสันสกฤตแบบแผน ในหลายศตวรรษถัดมา ภาษาสันสกฤตได้กลายเป็นภาษาที่ผูกติดกับประเพณี ไม่ได้รับการเรียนรู้เป็นภาษาแม่ และหยุดพัฒนาในฐานะภาษาที่ยังมีชีวิตไปในที่สุด ทั้งนี้ ไม่พบหลักฐานว่าภาษาสันสกฤตมีตัวอักษรเป็นของตนเอง โดยตั้งแต่ช่วงเปลี่ยนคริสต์สหัสวรรษที่ 1 มีการเขียนภาษานี้โดยใช้อักษรต่าง ๆ ในตระกูลพราหมี และในสมัยใหม่ ส่วนใหญ่เขียนโดยใช้อักษรเทวนาครี

สถานะ หน้าที่ และตำแหน่งของภาษาสันสกฤตในมรดกวัฒนธรรมของอินเดียได้รับการรับรองผ่านการระบุรวมอยู่ในกำหนดรายการที่แปดของรัฐธรรมนูญอินเดีย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีความพยายามฟื้นฟูภาษานี้ ก็ยังไม่มีผู้พูดภาษาสันสกฤตเป็นภาษาแม่ในอินเดียเลย

ประวัติ

ต้นฉบับตัวเขียนประวัติศาสตร์ภาษาสันสกฤต: ข้อความทางศาสนา (บนสุด) และข้อความทางการแพทย์
ภาษาสันสกฤต 
จารึกเทวีมหาตฺมฺยา (देवीमहत्म्या) บนใบลาน จารึกด้วยตัวอักษรภูชิโมล (Bhujimol) ของอาณาจักรพิหาร (Bihar) หรือประเทศเนปาลในปัจจุบัน จารึกในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16

ในภาษาสันสกฤต คำคุณศัพท์ สํสฺกฺฤต- (संस्कृत-) เป็นคำประสมที่ประกอบด้วย สํ ('พร้อม, ดี, สมบูรณ์แล้ว') และ สฺกฺฤต- ('ทำแล้ว, สร้างแล้ว, งาน') หมายถึงงานที่ "เตรียมไว้อย่างดี, บริสุทธิ์และสมบูรณ์, ขัดเกลา, ศักดิ์สิทธิ์" ตามไบเดอร์แมน (Biderman) ซึ่งเป็นภาษาของชนชั้นพราหมณ์ ตรงข้ามกับภาษาพูดของชาวบ้านทั่วไปที่เรียกว่าปรากฤต ภาษาสันสกฤตมีพัฒนาการในหลายยุคสมัย โดยมีหลักฐานเก่าแก่ที่สุด คือภาษาที่ปรากฏในคัมภีร์ฤคเวท (เมื่อราว 1,200 ปีก่อนคริสตกาล) อันเป็นบทสวดสรรเสริญพระเจ้าในลัทธิพราหมณ์ในยุคต้น ๆ อย่างไรก็ตาม ในการจำแนกภาษาสันสกฤตโดยละเอียด นักวิชาการอาจถือว่าภาษาในคัมภีร์ฤคเวทเป็นภาษาหนึ่งที่ต่างจากภาษาสันสกฤตแบบแผน (Classical language) และเรียกว่า ภาษาพระเวท (Vedic language) ภาษาพระเวทดั้งเดิมยังมิได้มีการวางกฎเกณฑ์ให้เป็นระเบียบรัดกุมและสละสลวย และมีหลักทางไวยากรณ์อย่างกว้าง ๆ ปรากฏอยู่ในบทสวดในคัมภีร์พระเวทของศาสนาฮินดู เนื้อหาคือบทสวดสรรเสริญเทพเจ้า เอกลักษณ์ที่ปรากฏอยู่เฉพาะในภาษาพระเวทคือระดับเสียง (accent) ซึ่งกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และถือเป็นสิ่งสำคัญของการสวดพระเวทเพื่อให้สัมฤทธิผล

ภาษาสันสกฤตมีวิวัฒนาการมาจากภาษาชนเผ่าอารยัน หรืออินโดยูโรเปียน (Indo-European) บรรพบุรุษของพวกอินโด-อารยัน ตั้งรกรากอยู่เหนือเอเซียตะวันออก (ตอนกลางของทวีปเอเชีย - Central Asia) โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง กลุ่มอารยันต้องเร่ร่อนทำมาหากินเหมือนกันชนเผ่าอื่น ๆ ในจุดนี้เองที่ทำให้เกิดการแยกย้ายถิ่นฐาน การเกิดประเพณี และภาษาที่แตกต่างกันออกไป ชนเผ่าอารยันได้แยกตัวกันออกไปเป็น 3 กลุ่มใหญ่ กลุ่มที่ 1 แยกไปทางตะวันตกเข้าสู่ทวีปยุโรป กลุ่มที่ 2 ลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ อนุมานได้ว่าน่าจะเป็นชนชาติอิหร่านในเปอร์เซีย และกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่สำคัญที่สุด กลุ่มนี้แยกลงมาทางใต้ตามลุ่มแม่น้ำสินธุ (Indus) ชาวอารยันกลุ่มนี้เมื่อรุกเข้าในแถบลุ่มแม่น้ำสินธุแล้ว ก็ได้ไปพบกับชนพื้นเมืองที่เรียกว่า ดราวิเดียน (Dravidian) และเกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรมและภาษา โดยชนเผ่าอารยันได้นำภาษาพระเวทยุคโบราณเข้าสู่อินเดียพร้อม ๆ กับความเชื่อทางศาสนา ซึ่งในยุคต่อมาได้เกิดตำราไวยากรณ์ภาษาสันสกฤตคือ อษฺฏาธฺยายี (अष्टाध्यायी "ไวยากรณ์ 8 บท") ของปาณินิ เชื่อกันว่ารจนาขึ้นในช่วงพุทธกาล ปาณินิเห็นว่าภาษาสันสกฤตแบบพระเวทนั้นมีภาษาถิ่นปนเข้ามามากพอสมควรแล้ว หากไม่เขียนไวยากรณ์ที่เป็นระเบียบแบบแผนไว้ ภาษาสันสกฤตแบบพระเวทที่เคยใช้มาตั้งแต่ยุคพระเวทจะคละกับภาษาท้องถิ่นต่าง ๆ ทำให้การประกอบพิธีกรรมไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น จึงแต่งอัษฏาธยายีขึ้น ความจริงตำราแบบแผนไวยากรณ์ก่อนหน้าปาณินิได้มีอยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อเกิดอัษฏาธยายีตำราเหล่านั้นก็ได้หมดความนิยมลงและสูญไปในที่สุด ผลของไวยากรณ์ปาณินิก็คือภาษาเกิดการจำกัดกรอบมากเกินไป ทำให้ภาษาไม่พัฒนา ในที่สุด ภาษาสันสกฤตแบบปาณินิ หรือภาษาสันสกฤตแบบฉบับ จึงกลายเป็นภาษาเขียนในวรรณกรรม ซึ่งผู้ที่สามารถจะอ่าน เขียนและแปลได้จะต้องใช้เวลามากพอสมควร

ภาษาสันสกฤตแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มกว้าง ๆ ได้แก่ ภาษาสันสกฤตแบบแผน และภาษาสันสกฤตผสม

ภาษาสันสกฤตแบบแผน

เกิดขึ้นจากการวางกฎเกณฑ์ของภาษาสันสกฤตให้มีแบบแผนที่แน่นอนในสมัยต่อมา โดยนักปราชญ์ชื่อ ปาณินิตามประวัติเล่าว่าเป็นผู้เกิดในตระกูลพราหมณ์ แคว้นคันธาระราว 57 ปีก่อนพุทธปรินิพพาน บางกระแสว่าเกิดราว พ.ศ. 143 ปาณินิได้ศึกษาภาษาในคัมภีร์พระเวทจนสามารถหาหลักเกณฑ์ของภาษานั้นได้ จึงจัดรวบรวมขึ้นเป็นหมวดหมู่ เรียบเรียงเป็นตำราไวยากรณ์ขึ้น 8 บทให้ชื่อว่า อัษฏาธยายี มีสูตรเป็นกฎเกณฑ์อธิบายโครงสร้างของคำอย่างชัดเจน นักวิชาการสมัยใหม่มีความเห็นว่า วิธีการศึกษาและอธิบายภาษาของปาณินิเป็นวิธีวรรณนา คือศึกษาและอธิบายตามที่ได้สังเกตเห็นจริง มิได้เรียบเรียงขึ้นตามความเชื่อส่วนตัว มิได้เรียบเรียงขึ้นตามหลักปรัชญา คัมภีร์อัษฏาธยายีจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นตำราไวยากรณ์เล่มแรกที่ศึกษาภาษาในแนววิทยาศาสตร์และวิเคราะห์ภาษาได้สมบูรณ์ที่สุด[ต้องการอ้างอิง] ความสมบูรณ์ของตำราเล่มนี้ทำให้เกิดความเชื่อในหมู่พราหมณ์ว่า ตำราไวยากรณ์สันสกฤตหรือปาณินิรจนานี้ สำเร็จได้ด้วยอำนาจพระศิวะ อย่างไรก็ตาม นักภาษาศาสตร์เชื่อว่าการวางแบบแผนอย่างเคร่งครัดของปาณินิ ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาษาสันสกฤตต้องกลายเป็นภาษาตายอย่างรวดเร็วก่อนเวลาอันควร[ต้องการอ้างอิง] เพราะทำให้สันสกฤตกลายเป็นภาษาที่ถูกจำกัดขอบเขต (a fettered language) ด้วยกฎเกณฑ์ทางไวยากรณ์ที่เคร่งครัดและสลับซับซ้อน ภาษาสันสกฤตที่ได้ร้บการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ให้ดีขึ้นโดยปาณินินี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "เลากิกภาษา" หมายถึงภาษาที่ใช้กับสิ่งที่เป็นไปในทางโลก

ภาษาสันสกฤตผสม

ภาษาสันสกฤตผสม (Buddhist Hybrid Sanskrit or Mixed Sanskrit) เป็นภาษาสันสกฤตที่นักวิชาการบางกลุ่มได้จัดไว้เป็นพิเศษ เนื่องจากมีความแตกต่างจากภาษาพระเวทและภาษาสันสกฤตแบบแผน (ตันติสันสกฤต) ภาษาสันสกฤตแบบผสมนี้คือภาษาที่ใช้บันทึกวรรณคดีสันสกฤตทางพระพุทธศาสนา ทั้งในนิกาย สรรวาสติวาท และ มหายาน ภาษาสันสกฤตชนิดนี้คาดว่าเกิดขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 3–4 นักปราชญ์บางท่านถือว่าเกิดขึ้นร่วมสมัยกับตันติสันสกฤต คือในปลายสมัยพระเวทและต้นของยุคตันติสันสกฤต โดยปรากฏอยู่โดยส่วนมากในวรรณกรรมของพระพุทธศาสนามหายาน เช่น ลลิตวิสฺตร ลงฺกาวตารสูตฺร ปฺรชฺญาปารมิตา สทฺธรฺมปุณฺฑรีกสูตฺร และศาสตร์อันเป็นคำอธิบายหลักพุทธปรัชญาและตรรกวิทยา เช่น มธฺยมิกการิกา อภิธรฺมโกศ มหาปฺรชฺญาปารมิตาศาสฺตฺร มธฺยานฺตานุคมศาสฺตฺร เป็นต้น

ไวยากรณ์

ไวยากรณ์ของภาษาสันสกฤตมีความซับซ้อนมากกว่าหลาย ๆ ภาษา โดยเฉพาะกฎเกณฑ์การสนธิ แต่ก็นับว่ามีความสอดคล้องกับหลายภาษาในกลุ่มภาษาอินโด-ยูโรเปียน เช่น กรีกหรือละติน อย่างที่กล่าวมาข้างต้น อย่างไรก็ตาม ไวยากรณ์สันสกฤตอาจเทียบเคียงได้กับของภาษาบาลี แต่ยังมีความยุ่งยากและซับซ้อนกว่าพอสมควร

ภาษาสันสกฤตมีรูปอักษร 48 ตัว แบ่งเป็นพยัญชนะ 34 ตัว สระ 14 ตัว

สระ

สระสันสกฤตในอักษรเทวนาครี
รูปเดี่ยว ไอเอเอสที/
ไอเอสโอ
สัทอักษร
สากล
รูปเดี่ยว ไอเอเอสที/
ไอเอสโอ
สัทอักษร
สากล
กัณฐยะ
(เพดานอ่อน/ช่องคอ)
a /ɐ/ ā /ɑː/
ตาลวยะ
(เพดานแข็ง)
i /i/ ī /iː/
โอษฐยะ
(ริมฝีปาก)
u /u/ ū /uː/
มูรธันยะ
(ปลายลิ้นม้วน)
/ /r̩/ /r̥̄ /r̩ː/
ทันตยะ
(ฟัน)
/ /l̩/ () (/l̥̄) /l̩ː/
กัณฐตาลวยะ
(เพดานแข็ง-คอหอย)
e/ē /eː/ ai /ɑj/
กัณโฐษฐยะ
(ริมฝีปาก-คอหอย)
o/ō /oː/ au /ɑw/
(หน่วยเสียงพยัญชนะย่อย) अं aṃ/aṁ /ɐ̃/ अः aḥ /ɐh/

สระ 14 ตัวได้แก่ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ไอ เอา แบ่งได้เป็น 3 ขั้นคือ ขั้นปกติ ขั้นคุณ ขั้นพฤทธิ์

พยัญชนะ

พยัญชนะสันสกฤตในอักษรเทวนาครี
สปรรศะ
(หยุด)
อนุนาสิกะ
(นาสิก)
อันตัสถะ
(เปิด)
อูษมัน/saṃgharṣhī
(เสียดแทรก)
ความก้อง → อโฆษะ โฆษะ อโฆษะ
การออกเสียงพ่นลม → อัลปปราณะ มหาปราณะ อัลปปราณะ มหาปราณะ อัลปปราณะ มหาปราณะ
กัณฐยะ
(เพดานอ่อน/ช่องคอ)
ka /k/ kha /kʰ/ ga /g/ gha /gʱ/ ṅa /ŋ/ ha /ɦ/
ตาลวยะ
(เพดานแข็ง)
ca /t͡ɕ/ cha /t͡ɕʰ/ ja /d͡ʑ/ jha /d͡ʑʱ/ ña /ɲ/ ya /j/ śa /ɕ/
มูรธันยะ
(ปลายลิ้นม้วน)
ṭa /ʈ/ ṭha /ʈʰ/ ḍa /ɖ/ ḍha /ɖʱ/ ṇa /ɳ/ ra /ɾ/ ṣa /ʂ/
ทันตยะ
(ฟัน)
ta /t̪/ tha /tʰ/ da /d̪/ dha /d̪ʱ/ na /n̪/ la /l̪/ sa /s̪/
โอษฐยะ
(ริมฝีปาก)
pa /p/ pha /pʰ/ ba /b/ bha /bʱ/ ma /m/ va /ʋ/

พยัญชนะ 34 ตัวแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ

  • พยัญชนะวรรค แบ่งเป็น 5 วรรค รวม 25 ตัว คือ
    • วรรค กะ เสียงเกิดที่คอ ได้แก่ ก ข ค ฆ ง
    • วรรค จะ เสียงเกิดที่เพดาน ได้แก่ จ ฉ ช ฌ ญ
    • วรรค ฏะ เสียงเกิดที่ปุ่มเหงือก ได้แก่ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
    • วรรค ตะ เสียงเกิดที่ฟัน ได้แก่ ต ถ ท ธ น
    • วรรค ปะ เสียงเกิดที่ริมฝีปาก ได้แก่ ป ผ พ ภ ม
  • พยัญชนะอวรรค 9 ตัว แบ่งเป็น
    • เสียงกึ่งสระ ได้แก่ ย เสียงเกิดที่เพดาน ร เสียงเกิดที่ปุ่มเหงือก ล เสียงเกิดที่ฟัน ว เสียงเกิดที่ริมฝีปาก
    • เสียงเสียดแทรก ได้แก่ ศ เสียงเกิดที่เพดาน ษ เสียงเกิดที่ปุ่มเหงือก ส เสียงเกิดที่ฟัน
    • เสียงหนักมีลม ได้ แก่ ห
    • ฬ และ อัง (อํ)

พยัญชนะไทยที่เขียนลำพังโดยไม่มีสระอื่นถือว่ามีเสียงอะ ถ้ามีจุดข้างล่างถือว่าไม่มีเสียงสระ

คำนาม

ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาที่มีการลงวิภัตติปัจจัย แจกนามได้ถึง 8 การก [แบ่งเป็นสามพจน์ (เอกพจน์, ทวิพจน์, พหูพจน์) และสามเพศ (สตรีลิงค์, ปุลลิงก์ และนปุงสกลิงก์)]

คำกริยา

สำหรับกริยา (ธาตุ) ในภาษาสันสกฤตนั้นมีความซับซ้อนยิ่งกว่าคำนาม กล่าวคือ จำแนกกริยาไว้ถึง 10 คณะ แต่ละคณะมีการเปลี่ยนรูป (เสียง) แตกต่างกันไป กริยาเหล่านี้จะแจกรูปตามประธาน 3 แบบ (ปฐมบุรุษ, มัธยมบุรุษ และอุตมบุรุษ) นอกจากนี้กริยายังต้องแจกรูปตามกาล (tense) 6 ชนิด และตามมาลา (mood) 4 ชนิด

อักษร

ภาษาสันสกฤต 
ตัวอย่างข้อความภาษาสันสกฤตที่เขียนเป็นอักษรต่าง ๆ

ภาษาสันสกฤตไม่มีอักษรสำหรับเขียนชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ และก็คล้ายกับภาษาอื่นหลายภาษา นั่นคือสามารถเขียนได้ด้วยอักษรหลายชนิด อักษรเก่าแก่ที่ใช้เขียนภาษาสันสกฤตมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น อักษรขโรษฐี (Kharosthī) หรืออักษรคานธารี (Gāndhārī) นอกจากนี้ยังมีอักษรพราหมี (อักษรทั้งสองแบบพบได้ที่จารึกบนเสาอโศก) อักษรรัญชนา ซึ่งนิยมใช้จารึกคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาในอินเดียเหนือและเนปาล รวมถึง อักษรสิทธัม ซึ่งใช้บันทึกคัมภีร์พุทธศาสนารวมถึงบทสวดภาษาสันสกฤตในประเทศจีนและญี่ปุ่นโดยเฉพาะในนิกายมนตรยาน อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปนิยมเขียนภาษาสันสกฤตด้วยอักษรเทวนาครี (Devanāgarī) ส่วนอักษรอื่น ๆ เป็นความนิยมในแต่ละท้องถิ่น ทั้งนี้เนื่องจากอักษรที่ใช้ในอินเดีย มักจะเป็นตระกูลเดียวกัน จึงสามารถดัดแปลงและถ่ายทอด (transliteration) ระหว่างชุดอักษรได้ง่าย

แม้กระทั่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีจารึกภาษาสันสกฤตที่ใช้ อักษรปัลลวะ อักษรขอม นอกจากนี้ชาวยุโรปยังใช้อักษรโรมันเขียนภาษาสันสกฤต โดยเพิ่มเติมจุดและเครื่องหมายเล็กน้อยเท่านั้น

หมายเหตุ

อ้างอิง

บรรณานุกรม

แหล่งข้อมูลอื่น

Tags:

ภาษาสันสกฤต ประวัติภาษาสันสกฤต ไวยากรณ์[41]ภาษาสันสกฤต อักษรภาษาสันสกฤต หมายเหตุภาษาสันสกฤต อ้างอิงภาษาสันสกฤต แหล่งข้อมูลอื่นภาษาสันสกฤตTrans-cultural diffusionกลุ่มภาษาอินโด-อารยันตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียนภาษากลางภาษาคลาสสิกยุคสัมฤทธิ์ศาสนาพุทธศาสนาฮินดูศาสนาเชนเอเชียกลางเอเชียตะวันออกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอเชียใต้

🔥 Trending searches on Wiki ไทย:

พรรษา วอสเบียนจังหวัดของประเทศญี่ปุ่นภาคใต้ (ประเทศไทย)จังหวัดนครพนมกองทัพ พีคอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ชานน สันตินธรกุลหอแต๋วแตก (ภาพยนตร์ชุด)อลัน สมิธพอล วอล์กเกอร์ธัญญภัสร์ ภัทรธีรชัยเจริญสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเขมนิจ จามิกรณ์ผู้หญิง 5 บาปสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีโฟร์อีฟ.comสติปัฏฐาน 4ดราก้อนบอล ซูเปอร์สมณะโพธิรักษ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์รายชื่อจังหวัดของประเทศไทยเรียงตามพื้นที่แอน อรดีพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวข้อมูลเซเรซโซ โอซากะเบบีมอนสเตอร์ลมเล่นไฟอินนาลิลลาฮิวะอินนาอิลัยฮิรอญิอูนศีล 227ประเทศอังกฤษเจ้าหญิงดิสนีย์การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองฟุตซอลโลก 2021บรรดาศักดิ์ไทยนรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์ข้ามเวลามาเซฟเมนมอรมอนจังหวัดเลยจังหวัดบุรีรัมย์จีรนันท์ มะโนแจ่มเศรษฐศาสตร์รายชื่อตอนในยอดนักสืบจิ๋วโคนัน (แอนิเมชัน)บีเอ็นเคโฟร์ตีเอตวัดพระธาตุบังพวนเลิฟซิคเดอะซีรีส์ รักวุ่น วัยรุ่นแสบจังหวัดของประเทศไทยกวนอิมฟ่าน ปิงปิงอชิรญา นิติพนพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชพระเจ้าบุเรงนองวรินทร ปัญหกาญจน์จังหวัดสุราษฎร์ธานีทักษิณ ชินวัตรท้าวสุรนารีพรีเมียร์ลีกอุปสงค์และอุปทานพระพุทธเจ้ารายชื่อค่ายทหารในสังกัดกองทัพบกไทยมหาวิทยาลัยรังสิตสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร)สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ศิริกัญญา ตันสกุลช่อง 3 เอชดีนักเตะแข้งสายฟ้าระบบสุริยะอาภัสรา เลิศประเสริฐการ์โล อันเชลอตตีโฟลรีอาน เวียทซ์รายชื่อท่าอากาศยานในประเทศไทยสุภาพบุรุษจุฑาเทพ (ละครโทรทัศน์)บีดีเอสเอ็มราชวงศ์ชิงกิ่งดาว ดารณี🡆 More