ชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา หรือ อินเดียนแดง หรือ ชนพื้นเมืองชาวอเมริกัน (อังกฤษ: Indigenous people of the Americas หรือ Red Indian หรือ Native American) เป็นกลุ่มคนที่อาศัยในทวีปอเมริกามานานก่อนที่ชาวยุโรปจะเข้ามาอพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกราก ในอดีตได้มีสงครามเกิดขึ้นมากมายในทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ในการแย่งชิงดินแดน การต่อสู้ รวมถึงการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างชาวยุโรป กับชาวอินเดียนแดง
ประชากรทั้งหมด | |
---|---|
ประมาณ 52 ล้านคน | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
เม็กซิโก | 14.3 ล้านคน |
เปรู | 13.8 ล้านคน |
โบลิเวีย | 6.0 ล้านคน |
กัวเตมาลา | 5.4 ล้านคน |
เอกวาดอร์ | 3.4 ล้านคน |
สหรัฐ | 2.9-5 ล้านคน |
ชิลี | 1.7 ล้านคน |
โคลอมเบีย | 1.4 ล้านคน |
แคนาดา | 1.4 ล้านคน |
บราซิล | 700,000 |
อาร์เจนตินา | 600,000 |
เวเนซุเอลา | 524,000 |
ฮอนดูรัส | 520,000 |
นิการากัว | 443,847 |
ปานามา | 204,000 |
ปารากวัย | 95,235 |
เอลซัลวาดอร์ | ~70,000 |
คอสตาริกา | ~60,000 |
กายอานา | ~60,000 |
กรีนแลนด์ | ~51,000 |
เบลีซ | ~24,501 (Maya) |
เฟรนช์เกียนา | ~19,000 |
ซูรินาม | ~12,000–24,000 |
ภาษา | |
ภาษาพื้นเมืองอเมริกา, อังกฤษ, สเปน, โปรตุเกส, ฝรั่งเศส, ดัตช์ | |
ศาสนา | |
ศาสนาอินูอิต ศาสนาพื้นเมืองอเมริกัน ศาสนาคริสต์ |
บรรพบุรุษของชนพื้นเมืองอเมริกันสมัยใหม่มาถึงทวีปอเมริกา ตั้งแต่ 15,000 ปีก่อนที่ชาวยุโรปจะค้นพบ มีการสันนิษฐานว่าอาจจะอพยพมาจากทวีปเอเชียผ่านช่องแคบเบริง โดยมีการพัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมที่หลากหลายในเวลาต่อมา ชนพื้นเมืองอเมริกันได้รับผลกระทบอย่างมากจากการทำให้เป็นอาณานิคมของยุโรปในทวีปอเมริกา ซึ่งเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1492 และทำให้ประชากรลดลงอย่างมากเนื่องจากโรคที่ถูกแพร่จากชาวยุโรป สงครามการยึดดินแดนและการตกเป็นทาส หลังจากการก่อตั้งของสหรัฐอเมริกาอเมริกันพื้นเมืองจำนวนมากต้องเสียชีวิตจากสงครามและเกิดสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมส่งผลให้พวกเขายังคงได้รับความทุกข์ทรมานจากการเลือกปฏิบัตินโยบายของรัฐบาลในศตวรรษที่ 20 ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 ขบวนการกำหนดวิถีชีวิตของชนพื้นเมืองอเมริกันส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของชนพื้นเมืองอเมริกัน แม้ว่ายังคงมีปัญหามากมายที่ชนพื้นเมืองอเมริกันต้องเผชิญอยู่ ปัจจุบันมีชาวอเมริกันพื้นเมืองมากกว่าห้าล้านคนในสหรัฐอเมริกา 78% ที่อาศัยอยู่นอกเขตสงวน
ในครั้งแรกเมื่อสหรัฐอเมริกาถูกก่อตั้ง ชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันที่อาศัยอยู่โดยทั่วไปถูกยอมรับเป็นรัฐกึ่งอิสระ โดยพวกเขาจะอาศัยอยู่ในชุมชนที่แยกต่างหากจากการตั้งถิ่นฐานของชาวอังกฤษ โดยมีรัฐบาลสหพันธรัฐลงนามในสนธิสัญญาระหว่างกันในระดับรัฐบาล จนกระทั่งเกิดพระราชบัญญัติการจัดสรรพื้นที่ของชาวอินเดียนในปี 1871 การรับรู้ในฐานะที่เป็นรัฐอิสระสิ้นสุดลง และรัฐบาลเริ่มปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะ "ชนชาติที่ต้องพึ่งพาประเทศ" ภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง กฎหมายฉบับนี้ยังคงให้สิทธิอำนาจอธิปไตยของชนเผ่า ด้วยเหตุผลนี้เขตสงวนอินเดียนส่วนใหญ่ (แต่ไม่ใช่ทั้งหมด) ยังคงเป็นอิสระจากกฎหมายของรัฐและการกระทำใด ๆ ของพลเมืองในเขตหล่านี้ยังขึ้นอยู่กับศาลเผ่าและกฎหมายของรัฐเท่านั้น
พระราชบัญญัติสัญชาติอินเดียนในปี 1924 ได้มอบสัญชาติสหรัฐอเมริกาให้กับชาวอเมริกันพื้นเมืองทุกคนที่เกิดในสหรัฐอเมริกาซึ่งยังไม่ได้รับ "อินเดียนไม่ต้องเสียภาษี" เป็นที่ยอมรับโดยรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาและอนุญาตให้ประชาชนลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งระดับรัฐและสหพันธรัฐและขยายการคุ้มครองการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สิบสี่ให้แก่ประชาชน "ภายใต้เขตอำนาจ" ของสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามบางรัฐยังคงปฏิเสธสิทธิการออกเสียงของชนพื้นเมืองอเมริกันเป็นเวลาหลายทศวรรษ การคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายไม่ได้บังคับใช้กับรัฐบาลชนเผ่ายกเว้นข้อกฎหมายจากพรบ.สิทธิพลเมืองอินเดียน
คำว่าอินเดียนแดงนั้น ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Indian หรือ Native American โดยในอดีตได้ใช้คำว่า Red Indian แต่ได้เลิกใช้แล้วโดยถือว่าเป็นคำไม่สุภาพในการกล่าวถึง แบ่งออกเป็น 3 เผ่าใหญ่ ได้แก่ เผ่ามายา เผ่าแอซแทค และเผ่าอินคา
This article uses material from the Wikipedia ไทย article ชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา, which is released under the Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 license ("CC BY-SA 3.0"); additional terms may apply (view authors). เนื้อหาอนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้ CC BY-SA 4.0 เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น Images, videos and audio are available under their respective licenses.
®Wikipedia is a registered trademark of the Wiki Foundation, Inc. Wiki ไทย (DUHOCTRUNGQUOC.VN) is an independent company and has no affiliation with Wiki Foundation.