ดาวศุกร์

ดาวศุกร์ (อังกฤษ: Venus) เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 2 เมื่อมองจากโลกในตอนกลางคืน ดาวศุกร์เป็นวัตถุท้องฟ้าซึ่งสว่างรองลงมาจากดวงจันทร์ ดาวศุกร์มีวงโคจรอยู่ภายในวงโคจรของโลก ทำให้เมื่อสังเกตแล้วจะไม่ปรากฏว่าห่างจากดวงอาทิตย์มากนัก กล่าวคือ จะเห็นในตอนหัวค่ำทางทิศตะวันตก เรียกว่า ดาวประจำเมือง หรือเห็นในตอนเช้ามืดทางทิศตะวันออก เรียกว่า ดาวประกายพรึก หรือ ดาวรุ่ง

ดาวศุกร์  ♀ หรือ
Venus in approximately true colour, a nearly uniform pale cream, although the image has been processed to bring out details.[1] The planet's disc is about three-quarters illuminated. Almost no variation or detail can be seen in the clouds.
ภาพดาวศุกร์จาก ยานมาริเนอร์ 10
ลักษณะของวงโคจร
ต้นยุคอ้างอิง J2000
ระยะจุดไกล
ดวงอาทิตย์ที่สุด
:
108,941,849 กม.
0.72823128 หน่วยดาราศาสตร์
ระยะจุดใกล้
ดวงอาทิตย์ที่สุด
:
107,476,002 กม.
0.71843270 หน่วยดาราศาสตร์
กึ่งแกนเอก:108,208,926 กม.
0.72333199 หน่วยดาราศาสตร์
เส้นรอบวง
ของวงโคจร:
0.680 เทระเมตร
(4.545 หน่วยดาราศาสตร์)
ความเยื้องศูนย์กลาง:0.00677323
คาบดาราคติ:224.70096 วัน
(0.6151977 ปีจูเลียน)
คาบซินอดิก:583.92 วัน
อัตราเร็วเฉลี่ย
ในวงโคจร
:
25.020 กม./วินาที
อัตราเร็วสูงสุด
ในวงโคจร:
35.259 กม./วินาที
อัตราเร็วต่ำสุด
ในวงโคจร:
34.784 กม./วินาที
ความเอียง:3.39471°
(3.86° กับศูนย์สูตรดวงอาทิตย์)
ลองจิจูด
ของจุดโหนดขึ้น
:
76.68069°
มุมของจุด
ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด
:
54.85229°
ดาวบริวารของ:ดวงอาทิตย์
จำนวนดาวบริวาร:ไม่มี
ลักษณะทางกายภาพ
เส้นผ่านศูนย์กลาง
ตามแนวศูนย์สูตร:
12,103.7 กม.
(0.949×โลก)
พื้นที่ผิว:4.60×108 กม.²
(0.147×โลก)
ปริมาตร:9.28×1011 กม.³
(0.857×โลก)
มวล:4.8685×1024 กก.
(0.815×โลก)
ความหนาแน่นเฉลี่ย:5.204 กรัม/ซม.³
ความโน้มถ่วง
ที่ศูนย์สูตร:
8.87 เมตร/วินาที²
(0.904 จี)
ความเร็วหลุดพ้น:10.36 กม./วินาที
คาบการหมุน
รอบตัวเอง
:
−243.0185 วัน
ความเร็วการหมุน
รอบตัวเอง:
6.52 กม./ชม.
ความเอียงของแกน:2.64°
ไรต์แอสเซนชัน
ของขั้วเหนือ:
272.76°
(18 ชม. 11 นาที 2 วินาที)
เดคลิเนชัน
ของขั้วเหนือ:
67.16°
อัตราส่วนสะท้อน:0.65
อุณหภูมิพื้นผิว:
   เคลวิน
ต่ำสุดเฉลี่ยสูงสุด
228* K (ยอดเมฆ)737 K773 K
ลักษณะของบรรยากาศ
ความดันบรรยากาศ
ที่พื้นผิว:
9,321.9 กิโลปาสกาล
องค์ประกอบ:~96.5% คาร์บอนไดออกไซด์
~3.5% ไนโตรเจน
0.015% ซัลเฟอร์ไดออกไซด์
0.007% ไอน้ำ
0.002% คาร์บอนมอนอกไซด์
0.0017% อาร์กอน
0.0012% ฮีเลียม
0.0007% นีออน
คาร์บอนิลซัลไฟด์ ปริมาณน้อยมาก
ไฮโดรเจนคลอไรด์ ปริมาณน้อยมาก
ไฮโดรเจนฟลูออไรด์ ปริมาณน้อยมาก

ดาวศุกร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ช้ามากและหมุนรอบตัวเองช้าเช่นกัน โดยโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบใช้เวลา 224.7 วันของโลก และหมุนรอบตัวเองครบบริบูรณ์โดยใช้เวลา 243 วันของโลก แต่มีความยาววันสุริยคติ 117 วันของโลก ด้วยเหตุนี้ ดาวศุกร์จึงจัดเป็นดาวที่หมุนรอบตัวเองช้าที่สุดในระบบสุริยะ นอกจากนี้ ดวงอาทิตย์บนดาวศุกร์จะขึ้นทางทิศตรงกันข้ามกับโลก คือ ขึ้นทางทิศตะวันตกและตกทางทิศตะวันออก ดาวศุกร์ไม่มีบริวารธรรมชาติเช่นเดียวกับดาวพุธ

ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์หิน และมักกล่าวว่าเป็นดาวน้องสาวของโลก ด้วยเหตุที่มีขนาดใกล้กัน มวลเกือบเท่ากัน อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เหมือนกัน และมีส่วนประกอบเป็นหินเหมือนกัน อย่างไรก็ตามนั้น ดาวศุกร์มีลักษณะต่างจากโลกอย่างสุดขั้วในหลายด้าน อาทิ มีความหนาแน่นบรรยากาศสูงสุดในบรรดาดาวเคราะห์หินทั้งสี่ดวง ความดันบรรยากาศบนดาวศุกร์มีค่าประมาณ 92 เท่าของความดันบรรยากาศโลกที่ระดับน้ำทะเลปานกลาง ในบรรยากาศนั้นก็ประกอบไปด้วยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 96% อุณหภูมิเฉลี่ยบนดาวศุกร์มีค่า 737 K (464 °C; 867 °F) ซึ่งสูงกว่าดาวพุธซึ่งอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ ดาวศุกร์มีเมฆซึ่งประกอบด้วยกรดซัลฟิวริก สะท้อนแสงได้ดีมาก จนไม่เห็นพื้นผิวในย่านแสงที่มองเห็น ในอดีตเชื่อว่า ดาวศุกร์เคยมีมหาสมุทร แต่ต่อมามหาสมุทรระเหยเหือดแห้งไปอันเนื่องจาก ปรากฏการณ์เรือนกระจกแบบควบคุมไม่ได้ (runaway greenhouse effect) น้ำที่ระเหยไปนั้นเชื่อว่าอาจถูกสลายด้วยแสง และไฮโดรเจนจากน้ำก็ถูกนำออกไปในบรรยากาศโดยลมสุริยะ

การที่ดาวศุกร์มีความสว่างมากนี้เอง ทำให้มนุษย์มีความสนใจใคร่รู้และจดบันทึกการโคจร นับแต่สองพันปีก่อนคริสตกาล ครั้นพัฒนาการสำรวจอวกาศได้รุดหน้า มนุษย์ได้สนใจใคร่รู้และสำรวจดาวศุกร์เป็นดาวแรกเมื่อปี พ.ศ. 2505 โดยยานมารีเนอร์ 2 แปดปีต่อมายานเวเนรา 7ก็ลงจอดยังผิวดาวศุกร์ ถึงกระนั้น เนื่องจากดาวศุกร์มีเมฆหนาทึบ การสำรวจพื้นผิวในรายละเอียดก็ไม่สามารถกระทำได้ดีนัก จนกระทั่งมียานมาเจลลัน สำรวจดาวศุกร์เมื่อ พ.ศ. 2534 ในปัจจุบันมีความพยายามศึกษาความเป็นไปได้ของชีวิตบนดาวศุกร์ ซึ่งยังเป็นหัวข้อวิจัยที่มีการถกเถียงกันอย่างมากอยู่

ชื่อของดาวศุกร์ในภาษาอังกฤษ มีที่มาจากเทพีแห่งความรักในเทพปกรณัมโรมัน ส่วนในภาษาไทย มาจากเทพพระศุกร์ หรือศุกระ ผู้เป็นครูของมารและเป็นเทพแห่งความงาม สัญลักษณ์ของดาวศุกร์ในทางโหราศาสตร์และดาราศาสตร์สากล คือ ♀ อันเป็นสัญลักษณ์แทนเพศหญิง ส่วนในโหราศาสตร์ไทย ใช้ ๖ (เลขหกไทย)

ลักษณะทางกายภาพ

ดาวศุกร์ 
ขนาดของดาวศุกร์เมื่อเทียบกับโลก

ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์หินในจำนวนทั้งหมด 4 ดวงในระบบสุริยะ ซึ่งหมายความว่า ส่วนประกอบอันประกอบขึ้นเป็นดาวศุกร์นั้นเป็นหินเช่นเดียวกับโลก ยิ่งกว่านั้น ดาวศุกร์มีขนาดและมวลเท่ากับโลก จึงถูกขนานนามว่าเป็น น้องสาว หรือ ฝาแฝด ของโลก เส้นผ่านศูนย์กลางของดาวศุกร์คือ 12,103.6 km (7,520.8 mi) ซึ่งเล็กกว่าโลกไป 638.4 km (396.7 mi) นอกจากนี้ยังมีมวล 81.5% ของมวลโลก อย่างไรก็ตามนั้น สภาวะบรรยากาศบนดาวศุกร์ต่างจากบนโลกอย่างมาก บรรยากาศของดาวศุกร์ประกอบด้วยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 96.5% มีไนโตรเจนเพียง 3.5% ความดันบรรยากาศและอุณหภูมิที่ผิวดาวศุกร์มีค่า 9.3 เมกะปาสกาล (93 บาร์) และ 737 K (464 °C; 867 °F) ตามลำดับ ซึ่งอยู่สูงกว่าจุดวิกฤตทางอุณหพลศาสตร์ เป็นเหตุให้บรรยากาศของดาวศุกร์มีลักษณะเป็นของไหลวิกฤตยวดยิ่ง

บรรยากาศและภูมิอากาศ

โครงสร้างเมฆของดาวศุกร์ ค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2559

ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ดาวศุกร์มีบรรยากาศหนาแน่นมากถึงขั้นที่ว่าสสารในบรรยากาศเป็นของไหลวิกฤตยวดยิ่ง คือถูกอัดอย่างมากแต่ไม่ถึงกับเป็นของแข็ง มวลของบรรยากาศของดาวศุกร์มีค่า 92 เท่าของโลก ส่วนความดันบรรยากาศบนดาวศุกร์พื้นผิวมีค่า 93 เท่าของโลก ซึ่งเทียบได้กับความดันในมหาสมุทรลึก 1 km (58 mi) บนโลก ความหนาแน่นบนพื้นผิวดาวศุกร์มีค่า 65 kg/m3 คือประมาณ 6.5% ของน้ำ หรือ 50 เท่าของความดันบรรยากาศโลกที่ระดับน้ำทะเลปานกลางอุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส (293 เคลวิน; 20 องศาเซลเซียส; 68 องศาฟาเรนไฮต์)* ด้วยเหตุที่ดาวศุกร์มีคาร์บอนไดออกไซด์มาก ก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกรุนแรงที่สุดในระบบสุริยะ อุณหภูมิบนดาวศุกร์สูงอย่างน้อย 462 องศาเซลเซียส (735 เคลวิน; 462 องศาเซลเซียส; 864 องศาฟาเรนไฮต์)*. ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิพื้นผิวของดาวพุธ อนึ่ง ดาวพุธได้ฉายาว่า เตาไฟแช่แข็ง ด้วยเหตุที่อุณหภูมิพื้นผิวต่ำสุดมีค่า −220 องศาเซลเซียส (53 เคลวิน; −220 องศาเซลเซียส; −364 องศาฟาเรนไฮต์)* และอุณหภูมิสูงสุดมีค่า 427 องศาเซลเซียส (700 เคลวิน; 427 องศาเซลเซียส; 801 องศาฟาเรนไฮต์)*, ดาวศุกร์มีระยะห่างจากดวงอาทิตย์เกือบสองเท่าของระยะห่างระหว่างดาวพุธกับดวงอาทิตย์ เป็นเหตุให้ดาวศุกร์ได้รับพลังงานจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ประมาณ 25% แต่กลับมีอุณหภูมิสูงมากก็ด้วยภาวะเรือนกระจก แก๊สในบรรยากาศกักความร้อนมิให้ออกจากบรรยากาศ ตารางต่อไปนี้แสดงอุณหภูมิที่ภาวะต่าง ๆ ของดาวศุกร์

อุณหภูมิดาวศุกร์
สภาวะ อุณหภูมิ
อุณหภูมิพื้นผิวสูงสุด 900°F (482°C)
อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ย 847°F (453°C)
อุณหภูมิพื้นผิวต่ำสุด 820°F (438°C)

บรรยากาศของดาวศุกร์อุดมไปด้วยแก๊สเฉื่อยเช่นเดียวกับบนโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของดาวศุกร์ซึ่งก่อกำเนิดแบบเดียวกับโลก ในระยะแรกนักดาราศาสตร์เชื่อว่ามีน้ำในบรรยากาศดาวศุกร์แบบเดียวกับโลก ต่อมาเมื่อดาวศุกร์ได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ ตลอดจนถึงเกิดภาวะเรือนกระจก ก็ทำให้น้ำในบรรยากาศดาวศุกร์อันตรธานหายไป แม้ว่าอุณหภูมิบนดาวศุกร์จะไม่เอื้ออำนวยให้เกิดสิ่งมีชีวิต แต่นักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อว่าเมฆชั้นบนที่ความสูง 50 km (30 mi) จากพื้นผิว ซึ่งมีอุณหภูมิ 30 และ 80 องศาเซลเซียส (303 และ 353 เคลวิน; 30 และ 80 องศาเซลเซียส; 86 และ 176 องศาฟาเรนไฮต์)* ก็อาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่ทนต่อกรดรุนแรงได้บ้างอาศัยอยู่

บนดาวศุกร์ เหนือชั้นคาร์บอนไดออกไซด์เป็นเมฆหนาซึ่งอุดมไปด้วยกรดซัลฟิวริกผสมกับน้ำ และมีเฟอร์ริกคลอไรด์ ประมาณ 1% นอกจากนี้อาจมีเฟอร์ริกซัลเฟต อะลูมิเนียมคลอไรด์ และ ฟอสฟอริกแอนไฮไดรด์ เมฆของดาวศุกร์ที่ระดับความสูงต่างกันมีส่วนประกอบต่างกัน และมีการจำแนกขนาดอนุภาคไม่เหมือนกัน เมฆเหล่านี้สะท้อนและกระเจิงแสงจากดวงอาทิตย์ประมาณ 90% ออกไป ทำให้ไม่สามารถมองเห็นผิวของดาวศุกร์ และทำให้พื้นผิวดาวศุกร์มืดมัวกว่าพื้นผิวโลก เหนือเมฆของดาวศุกร์มีลมพัดด้วยอัตราเร็วประมาณ 300 km/h (190 mph) ไปรอบดาวศุกร์โดยใช้เวลา 4-5 วันของโลก บนดาวศุกร์อัตราเร็วลมมีค่าได้ถึง 60 เท่าของอัตราเร็วการหมุน แต่บนโลกลมที่แรงที่สุดมีอัตราประมาณ 10-20% ของอัตราเร็วการหมุนของโลก

พื้นผิวดาวศุกร์มีสภาวะไอโซเทอร์มัล หมายถึง อุณหภูมิบนพื้นผิวมีค่าเท่ากันตลอดทั้งขั้วและเส้นศูนย์สูตร มุมเอียงแกนของดาวศุกร์มีค่าน้อยกว่า 3° เมื่อเทียบกับโลกซึ่งมีมุมเอียง 23° ทำให้ไม่เกิดฤดูกาลบนดาวศุกร์ ความสูงจากพื้นผิวถือเป็นปัจจัยไม่กี่อย่างที่ส่งผลต่ออุณหภูมิบนผิวดาวศุกร์ จุดสูงสุดบนดาวศุกร์ คือภูเขาแม็กซเวลล์มอนทีส จัดเป็นจุดที่อุณหภูมิต่ำที่สุดบนดาวศุกร์ มีอุณหภูมิประมาณ 380 องศาเซลเซียส (653 เคลวิน; 380 องศาเซลเซียส; 716 องศาฟาเรนไฮต์)* และมีความดันบรรยากาศประมาณ 4.5 MPa (45 bar)

ในปี พ.ศ. 2538 ยานอวกาศมาเจลลันถ่ายภาพที่เชื่อว่าเป็นหิมะบนภูเขาแม็กซเวลล์มอนทีส สสารดังกล่าวมีกระบวนการก่อตัวคล้ายหิมะแต่อยู่ในสภาพที่มีอุณหภูมิสูงมาก นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า สสารดังกล่าวอาจเป็นเทลลูเรียม หรือ กาลีนา (ตะกั่วซัลไฟด์) ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ยานวีนัสเอ็กซเพรสค้นพบมวลอากาศเย็นที่ขั้วใต้ของดาวศุกร์ สี่ปีต่อมา ยานวีนัสเอ็กซเพรสยังค้นพบชั้นโอโซนในบรรยากาศของดาวศุกร์อีกด้วย

ภูมิศาสตร์

พื้นผิวและสภาพภูมิศาสตร์ของดาวศุกร์เป็นที่สนใจใคร่รู้ของบรรดานักดาราศาสตร์ทั้งหลายจนกระทั่งมีการส่งยานอวกาศไปยังดาวศุกร์ ในปี พ.ศ. 2518 และ 2525 ยานเวเนราได้ส่งภาพพื้นผิวของดาวศุกร์มายังโลก ซึ่งประกอบด้วยตะกอนและหินเหลี่ยม ต่อมายานมาเจลลัน ได้บันทึกภาพพื้นผิวของดาวศุกร์ในรายละเอียดระหว่าง พ.ศ. 2533-34 ทำให้เห็นถึงการเกิดภูเขาไฟจำนวนมากบนดาวศุกร์ ในบรรยากาศก็เต็มไปด้วยกำมะถัน ซึ่งอาจบ่งถึงการปะทุของภูเขาไฟบ่อยครั้ง

พื้นผิวของดาวศุกร์ประมาณร้อยละ 80% เป็นพื้นผิวจากเถ้าภูเขาไฟ ในจำนวนนี้ 70% เป็นที่ราบและเนินลอนคลื่น และ 10% เป็นที่ราบเนินกลม ส่วนที่เหลือเป็น "ทวีป" หรือที่ราบสูงสองแห่ง แห่งหนึ่งอยู่ซีกเหนือ อีกแห่งอยู่ใต้เส้นศูนย์สูตรไปไม่ไกล ทวีปเหนือของดาวศุกร์เรียกว่า อิชตาร์เทอร์รา (Ishtar Terra) ตามชื่อของอินันนา เทพเจ้าแห่งความรัก มีขนาดประมาณทวีปออสเตรเลีย ทวีปนี้เป็นที่ตั้งของภูเขาที่สูงที่สุดบนดาวศุกร์ ชื่อว่า แม็กซเวลล์มอนทีส มีความสูงเฉลี่ยจากพื้นผิวปานกลาง 11 km (7 mi) ทวีปใต้ของดาวศุกร์เรียกว่า อะโฟรไดต์เทอร์รา (Aphrodite Terra) ตามชื่อเทพีแห่งความรักของกรีก มีขนาดใหญ่กว่าทวีปเหนือ และมีขนาดประมาณทวีปอเมริกาใต้ ทวีปใต้ของดาวศุกร์ประกอบด้วยรอยเลื่อนและรอยแตกจำนวนมาก

แม้ว่าดาวศุกร์จะมีหลุมภูเขาไฟจำนวนมาก แต่ร่องรอยการไหลของลาวากลับไม่ปรากฏชัดเจน พื้นผิวของดาวศุกร์มีหลุมอุกกาบาตน้อยมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผิวดาวศุกร์มีอายุไม่มากนัก ประมาณ 300-600 ล้านปี เนื่องจากดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์หิน ทำให้มีหลุมอุกกาบาต ภูเขา หุบเขา รวมไปถึงภูเขาไฟยอดตัด เรียกว่า ฟาร์รา (farra) มีสัณฐานคล้ายขนมบ้าบิ่น และมีขนาดกว้างประมาณ 20 ถึง 50 km (12 ถึง 31 mi) สูงประมาณ 100 ถึง 1,000 m (330 ถึง 3,280 ft) นอกจากภูเขาไฟยอดตัด ก็มีโครงสร้างที่เรียกว่า โนวี (novae) ซึ่งคล้ายกับดาว โครงสร้างที่เรียกว่าอะแรกนอยด์ (arachnoid) ซึ่งคล้ายกับใยแมงมุม และโครงสร้างที่เรียกว่าโคโรนี (coronae) ลักษณะคล้ายวงแหวนมีแอ่งต่ำล้อมรอบ ลักษณะทางดาราธรณีวิทยาเหล่านี้ล้วนเกิดจากภูเขาไฟ

บรรดาภูเขาและสิ่งต่าง ๆ บนพื้นผิวดาวศุกร์ ตั้งชื่อตามสตรีในประวัติศาสตร์และในเทพปกรณัม ยกเว้น ภูเขาแม็กซเวลล์มอนทีสซึ่งตั้งชื่อตามนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ เจมส์ คลาร์ก แม็กซเวลล์ รวมถึงยกเว้นแอลฟาเรจิโอ เบตาเรจิโอ และโอฟดาเรจิโอ ซึ่งตั้งชื่อก่อนที่สหพันธ์ดาราศาสตร์สากล จะกำหนดระบบใหม่ขึ้น

ตำแหน่งเมอริเดียนหลักของดาวศุกร์นั้น เดิมทีกำหนดให้พาดผ่านขั้วทั้งสองและผ่านจุดอีฟ ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของแอลฟาเรจิโอ ต่อมาเมื่อยานเวเนราสำรวจดาวศุกร์สำเร็จแล้ว จึงปรับตำแหน่งเมอริเดียนหลักให้ผ่านยอดเขาซึ่งอยู่ในหลุมอาเรียด ซึ่งตั้งบนที่ราบต่ำเซดนาพลานิเทีย

ยานวีนัสเอ็กซ์เพรสและยานมาเจลลันค้นพบว่า พื้นผิวบางส่วนของดาวศุกร์มีลักษณะบิดเบี้ยวมาก เรียกว่า เทสเซอรา เมื่อสังเกตโดยใช้การถ่ายภาพจะพบว่ามีสภาพแผ่ความร้อนน้อยกว่าที่ราบบะซอลต์ที่อยู่โดยรอบ


ภูเขาไฟ

พื้นผิวของดาวศุกร์ส่วนใหญ่มีกำเนิดจากภูเขาไฟ ดาวศุกร์มีภูเขาไฟจำนวนมากกว่าโลกหลายเท่า โดยในจำนวนนี้ 167 ลูก มีขนาดกว้างมากกว่า 100 km (60 mi) ในขณะที่บนโลกภูเขาไฟที่มีขนาดใหญ่เท่านี้มีเพียงที่หมู่เกาะฮาวาย: 154  เหตุที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะดาวศุกร์มีภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง แต่เป็นเพราะผิวดาวศุกร์มีอายุมากกว่าและมีกระบวนการพังทลายไม่เหมือนกัน ผิวโลกใต้ทะเลเมื่อถึงเวลาจะมุดลงใต้แผ่นทวีปอีกแผ่นและหลอมละลายกลับเป็นแมกมา ทำให้มีอายุเฉลี่ยประมาณร้อยล้านปีเท่านั้น แต่บนดาวศุกร์ไม่ปรากฏการมุดตัว อายุของผิวดาวจึงมีมากกว่า ประมาณ 300-600 ล้านปี

เนื่องจากดาวศุกร์มีภูเขาไฟจำนวนมาก การตรวจวัดปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์จึงแปรไปตามเวลา โดยพบว่า ระหว่าง พ.ศ. 2521 ถึง 2529 ปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ลดลงประมาณ 10 เท่า ก่อนจะเพิ่มในปี พ.ศ. 2549 ก่อนจะลดลงไปอีก 10 เท่า จากข้อมูลข้างต้นทำให้สังเกตว่า มีการระเบิดของภูเขาไฟหลายครั้งเป็นระยะ ๆ นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า การระเบิดของภูเขาไฟบนดาวศุกร์เป็นผลให้เกิดฟ้าผ่าบนดาวศุกร์อีกด้วย ในเดือนมกราคม 2563 นักดาราศาสตร์ได้รายงานหลักฐานที่บ่งชี้ว่าดาวศุกร์เป็นดาวที่มีภูเขาไฟปะทุตลอดเวลา โดยเฉพาะการตรวจพบโอลิวีน ซึ่งเป็นผลผลิตจากภูเขาไฟที่สลายตัวง่ายเมื่อปะทุแล้ว

บรรยากาศ

ดาวศุกร์ 
หลุมอุกกาบาตบนดาวศุกร์

บรรยากาศของดาวศุกร์ ประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 97% ไนโตรเจน 3.5% ซัลเฟอร์ไดออกไซด์และ อาร์กอน 0.5% มีชั้นเมฆคาร์บอนไดออกไซด์ที่หนาทึบมาก ปกคลุมดาวศุกร์ทั้งดวงทำให้สะท้อนแสงอาทิตย์ได้ดี จึงเห็นดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่สว่างสุกใสมาก และยานอวกาศที่ไปสำรวจดาวศุกร์ก็ไม่สามารถถ่ายภาพพื้นผิว โดยตรงได้ ต้องอาศัยคลื่นเรดาห์ผ่านทะลุชั้นเมฆแล้วนำมาวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์อีกครั้ง


อุณหภูมิของดาวศุกร์ ด้วยชั้นเมฆหนาของดาวศุกร์ทำให้เกิดสภาวะเรือนกระจก อุณหภูมิบนดาวศุกร์สูงมาก ประมาณ 400 องศาเซลเซียส ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

การเคลื่อนที่

ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองในทิศทางที่ต่างจากดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ในระบบสุริยะ

ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเอง 1 รอบใช้เวลานานกว่าการเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ และถ้าเราอยู่บนดาวศุกร์เวลา 1 วัน จะไม่ยาวเท่ากับเวลาที่ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเอง 1 รอบ นี่คือลักษณะพิเศษที่ดาวศุกร์ไม่เหมือนดาวเคราะห์ดวงใดๆ นอกจากนี้ดาวศุกร์ยังหมุนตามเข็มนาฬิกาหรือหมุนจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก ในขณะที่เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์จากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก ดาวศุกร์จึงหมุนสวนทางกับดาวเคราะห์ดวงอื่น และหมุนสวนทางกับการเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองรอบละ 243 วัน แต่ 1 วันของดาวศุกร์ยาวนานเท่ากับ 117 วันของโลก เพราะตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตกยาวนาน 58.5 วันของโลก ดาวศุกร์เคลื่อนรอบดวงอาทิตย์รอบละ 225 วัน 1 ปีของดาวศุกร์จึงยาวนาน 225 วันของโลก

ยานอวกาศสำรวจดาวศุกร์

ยานอวกาศที่สำรวจดาวศุกร์ มีด้วยกันหลายลำได้แก่

  1. มาริเนอร์ 2 เมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2505
  2. เวเนรา 4 เมื่อ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2510
  3. เวเนรา 7 เมื่อ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2513
  4. มาริเนอร์ 10 เมื่อ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2517
  5. เวเนรา 9 เมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2518
  6. เวเนรา 15 เมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2526
  7. ไพโอเนียร์-วีนัส 2 เมื่อ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2521
  8. แมกเจลแลน เมื่อ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2533

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Tags:

ดาวศุกร์ ลักษณะทางกายภาพดาวศุกร์ บรรยากาศดาวศุกร์ การเคลื่อนที่ดาวศุกร์ ยานอวกาศสำรวจดาวศุกร์ อ้างอิงดาวศุกร์ แหล่งข้อมูลอื่นดาวศุกร์ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ดาวประกายพรึกดาวประจำเมืองดาวเคราะห์ภาษาอังกฤษ

🔥 Trending searches on Wiki ไทย:

หน้าหลักพระพุทธชินราชฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีสกีบีดีทอยเล็ตลิโอเนล เมสซิอำเภอณฐพร เตมีรักษ์จังหวัดปกครองตนเองชนชาติไท สิบสองปันนาอดอล์ฟ ฮิตเลอร์พระพุทธโสธรพิกซี่ (วงดนตรี)สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงพรนับพัน พรเพ็ญพิพัฒน์พระพุทธเจ้ามหาศึกชิงบัลลังก์ (ภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์)จังหวัดของประเทศเกาหลีใต้รายชื่อประเทศและเขตการปกครองเรียงตามขนาดพื้นที่ทั้งหมดณัฐชา นีน่า เจสซิกา พาโดวันสหราชอาณาจักรฟุตซอลเกิดชาตินี้พี่ต้องเทพนิภาภรณ์ ฐิติธนการเฟซบุ๊กเกาะเสม็ดพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเจมส์ มาร์ไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซินราณี แคมเปนฝันรักห้วงนิทรา My Marvellous Dream Is Youภาษาในประเทศไทยประเทศพม่าสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีบิลลี ไอลิชอิษยา ฮอสุวรรณพ.ศ. 2567ช่องวัน 31พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฟุตซอลทีมชาติไทยกระทรวงมหาดไทย (ประเทศไทย)มหาวิทยาลัยรังสิตกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์รหัสโทรศัพท์ระหว่างประเทศโพลีแคตองศาเซลเซียสกวนอิมเครื่องคิดเลขพระมหากษัตริย์ไทยแอทลาสสปอร์ลิชบัวอีไบฟีกา23 เมษายนรายชื่อนามสกุลที่ใช้กันมากเงินตราวัดพระธรรมกายสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร)ภาสวิชญ์ บูรณนัติราชวงศ์ชิงหม่อมราชวงศ์นริศรา จักรพงษ์จังหวัดพะเยาประเทศเกาหลีใต้พีรวัส แสงโพธิรัตน์ประเทศกัมพูชาไทใหญ่เดนิส เจลีลชา คัปปุนวัชรเรศร วิวัชรวงศ์เมียวดีทวีปเอเชียติ๊กต็อกเกาะกูดจังหวัดศรีสะเกษราชกิจจานุเบกษาณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ต้นตะวัน ตันติเวชกุลการ์ตูนหม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล🡆 More